จดหมายจากหลานคุณยาย IN MY HEART
ตอน...คุณยายสยบพายุ

กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
 
กัลฯ เฉลิมพล  อภัยรี  ลูกพระธัมฯ หลานคุณยาย
อดีตรองผู้อำนวยการโรงเรียนอ่าวน้อยวิทยาคม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

 
     ลูกชื่อ เฉลิมพล อภัยรี หรือ อาจารย์ไก่ อายุ 53 ปี จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอดีตรองผู้อำนวยการโรงเรียนอ่าวน้อยวิทยาคม หลังจากที่ได้ฟังหลานยายหลาย ๆ ท่าน เล่าถึงอานุภาพของคุณยายกันอย่างสุดปลื้ม ฟังแล้วลูกก็ปลื้มแบบสุด ๆ ที่ได้เกิดมาเป็นลูกหลานของท่าน เพราะตัวลูกเองก็เคยพบอานุภาพของคุณยายแบบจะจะมาแล้วเหมือนกัน ซึ่งถ้าไม่เล่าก็เกรงจะ “เอาท์” และ ความปีติจะคับใจเกินไปครับ จึงขอระบายให้เป็นบุญ เพื่อช่วยหนุนให้กองกฐินสำเร็จก่อนวันที่ 10 ตุลาคม  เรื่องนี้มาพร้อมกับพายุครับ
 
     ขณะนี้พายุลูกใหม่ที่ชื่อว่า กีสนา กำลังเขย่าขวัญผู้คนให้ร้องกรี๊ด ๆอย่างน่าสะพรึงกลัว ทำให้ลูกนึกย้อนถึงครั้งที่ได้ผจญกับพายุไต้ฝุ่น “GAY”  ซึ่งถือเป็นพายุรุ่นใหญ่และเก๋ากว่ามาก
 
     ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2532 มีเสียงประกาศจากเสียงตามสายเตือนภัยเป็นระยะว่า“พายุไต้ฝุ่น ที่มีความเร็วลมสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังมุ่งหน้ามายังชายฝั่ง ขณะนี้จุดศูนย์กลางพายุห่างจากชายฝั่งฯ เพียง 24 กิโลเมตร ให้ผู้คนในพื้นที่รัศมี 6 กิโลเมตรจากชายฝั่งอพยพโดยด่วน..” ลูกฟังแล้วก็หัวเราะและรำพึงว่า “ในชีวิตคนอย่างเฉลิมไม่เคยกลัวพายุ ไม่มีหรอกพายุอะไรจะใหญ่เว่อร์ขนาดนั้น อย่างมากแค่ฝนตกหนัก” จึงไม่เตรียมอพยพอะไรทั้งสิ้น แต่ก็เดินออกไปยืนที่ชายฝั่ง เพื่อประเมินสถานการณ์ ตอนแรกฝนตกปรอย ๆ และต่อมาก็ทวีความแรงขึ้น ต้นมะพร้าวลู่เอนตามลม ชักจะแหม่ง ๆ แล้วครับ ต่อมาคลื่นในทะเลปั่นป่วนและสูงขึ้นเป็นทวีคูณ แล้วลูกก็ถึงกับตะลึงเพราะบนท้องฟ้ามีวงพายุหมุนเป็นวงรีใหญ่ๆ สีแดงปนดำกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา ลูกอุทานด้วยความตกใจว่า “ซวยแล้ว..เฉลิมเสร็จแน่” รีบกลับหลังหันแล้ว“โกย” ทันที พายุโหมใกล้เข้ามาทุกขณะ ต้นมะพร้าวหักโค่นล้มเป็นแถบ บางต้นถูกถอนรากถอนโคน หลังคาบ้านข้าง ๆ เปิดปลิวราวติดปีก  หากข่าวที่ทางราชการประกาศเตือนเป็นความจริง 6 กิโลเมตรนับจากชายฝั่งจะไม่เหลืออะไรเลยแล้วบ้านของลูกจะเหลืออะไร เพราะอยู่ห่างจากฝั่งไม่ถึง 100 เมตร!! พลังมหาศาลของคลื่นที่สูงกว่า 30 ฟุต กำลังบดขยี้กวาดล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า ส่งเสียงขู่อย่างน่าสะพรึง ด้วยความกลัวสุดขีดลูกรีบวิ่งเข้าไปยังสถานที่ที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดคือ “ห้องพระ” แล้วจุดธูป 3 ดอก โอ้...อัศจรรย์ครับ จู่ ๆ  “ภาพคุณยาย” ก็ปรากฏขึ้นในใจอย่างชัดเจนแล้วลูกก็อธิษฐานว่า “คุณยาย ช่วยลูกด้วย ลูกเชื่อว่า คุณยายต้องช่วยได้เพราะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณยายยังจัดการกับลูกระเบิดได้เลย” แล้วลูกก็หลับตาปี๋ ใจปักนิ่งกับภาพคุณยายที่ศูนย์กลางกายอย่างเดียว ผ่านไป 10 นาที พายุน่าจะถล่มมาถึงแล้ว หลังคาบ้านน่าจะเปิด ฝาเรือนน่าจะพังเป็นแถบ ๆ ตัวลูกก็น่าจะปลิวไปไหนต่อไหนแล้ว แต่ทุกอย่างกลับเงียบผิดปกติ ด้วยความแปลกใจ ลูกจึงลืมตาแล้วลุกขึ้นชะโงกดูที่นอกหน้าต่าง อัศจรรย์จริง ๆ ครับ พายุ..พายุ..พายุมันเผ่นไปแล้ว กลุ่มพายุดำทะมึนรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวกำลังร่นถอยออกไปอย่างลนลานและกลืนหายไปกับความมืด ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “แปลกมาก..อยู่ ๆ พายุก็ม้วนตัวกลับอย่างกะทันหันเหมือนมีใครมาไล่”
 
 
พายุถล่มบ้านเรือนจนพังราบคาบ เหลือเพียงบ้านของ กัลฯ เฉลิมพล
ที่แทบไม่เป็นอะไรเลย
 
     รุ่งเช้าบริเวณชายหาดปรากฏเพียงซากเรือที่แตกหักและซากมนุษย์ที่ไร้ลมหายใจ ทางการประกาศว่า ชาวเรือหลายร้อยคนเสียชีวิตกับพายุโหดครั้งนี้ หลวงพ่อครับ ลูกรอดชีวิตมาได้เพราะคุณยายช่วยไว้แท้ ๆ  ลูกเห็นพายุตรงปรี่เข้ามาราวกับหมัดยมทูต ไม่มีทางเลยที่มันจะย้อนกลับไปง่ายๆ แต่ทุกอย่างเป็นไปได้และเป็นไปแล้วด้วยอานุภาพของคุณยาย ไม่เพียงเท่านี้ครับ พายุยังเข้ามาโจมตีอีกเป็นครั้งที่ 2 ในปี 2540 มีชื่อไพเราะว่า “ลินดา” ถล่มมาตอนตี 2 ไร้เสียงสัญญาณเตือน  ลูกก็อธิษฐานให้คุณยายช่วยเหมือนเดิม ปรากฏว่า “รอด” ครับ ทั้ง ๆ ที่แสนยานุภาพของพายุลูกนี้ ทำลายล้างบ้านเรือนแถบนั้นราบคาบ ซัดเรือประมงอับปางกว่า 50 ลำ แต่บ้านของลูกไม่เป็นอะไรเลยทั้ง ๆ ที่อยู่ละแวกเดียวกัน
 
     อานุภาพอันอัศจรรย์ของคุณยายมีมากมายจนลูกรู้สึกว่า ไม่เสียชาติเกิดเลยจริง ๆ ที่ได้มาเจอท่าน และที่สำคัญยังจะได้ร่วมบุญใหญ่ทอดกฐินสร้างอาคาร 100 ปี คุณยายด้วย บุญครั้งนี้ ลูก ๆ และครอบครัวก็ขอทุ่มชีวิต เพื่อปิดกองกฐินให้ได้ก่อนวันที่ 10 ตุลาคมนี้ เพื่อบูชาธรรมหลวงปู่และคุณยาย สร้างบารมีตามติดเป็นหลานคุณยาย  IN MY HEART ไปจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรมครับ
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/latest_update/คุณยายสยบพายุ.html
เมื่อ 6 มิถุนายน 2567 22:03
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv