เมื่อได้กำลังใจจากพีซโค้ชเช่นนี้
คูล่าจึงตั้งใจฝึกต่อไปวันแล้ววันเล่า กระทั่งในวันที่ 7 คูล่าจึงได้ลิ้มรสความสุขที่บังเกิดขึ้นภายในตัวเธอเอง
ในวันนั้นก่อนจะเริ่มนั่ง คูล่าเลือกวัตถุที่จะทำให้อารมณ์สดชื่นเบิกบาน คูล่าตัดสินใจเลือกพระจันทร์เพราะทำให้คูล่ายิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง
และคูล่าก็พร้อมในท่า Peace Position เพราะบัดนี้คูล่าสามารถนั่งท่านี้ได้อย่างไม่เจ็บปวดแล้ว แทบไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำได้
วันนี้ใจของคู่ล่าสามารถอยู่กับความนิ่งได้นาน
ไม่มีความคิดวุ่นๆวิ่งไปมาอย่างครั้งก่อน ครั้งใดที่รู้สึกตึงหรือใกล้จะหลับ คูล่าจะใช้วิธีหายใจเข้าออกลึกๆทุกครั้ง แล้วพระจันทร์ในความมืดก็ได้อันตรธานเปลี่ยนไปเป็นคริสตัล
หรือดวงแก้ว คูล่าเขียนในบันทึกว่า “ฉันมีความสุขมาก เป็นประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์”
และนับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทันทีที่คูล่าตื่นขึ้น จะนึกถึงพระอาทิตย์ที่กลางท้องเสมอ
เพราะสิ่งนี้เองที่ทำให้ใจของคูล่าหยุดนิ่ง รู้สึกว่าตัวเธอสว่างแล้ว
และโลกก็สว่างด้วยเช่นกัน เพราะไม่ว่าคูล่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไร ก็สามารถแจกรอยยิ้มได้ตลอดเวลา
คูล่าอยากเห็นโลกยิ้มได้อย่างที่เธอเป็น และมันก็ทำให้คูล่ายินดีรับภาระงานบ้านน้อยใหญ่อย่างไม่ปริปากบ่น
เพราะอยากให้พ่อแม่ของเธอสบายใจและยิ้มได้เช่นกัน สมาชิกในครอบครัวของคูล่าจึงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้
ซึ่งก็พลอยทำให้บรรยากาศในบ้านอบอุ่น เต็มไปด้วยรอยยิ้มค่ะ
ไม่เพียงเท่านั้น
คูล่ายังเกิดกุศลจิต อาสาไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มเด็กกำพร้า
อีกด้วย คูล่าเชื่อว่านี่คือผลจากการมีสันติสุขภายใน
นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความตื่นเต้นที่ดิฉัน
(แอนนิต้า นุส)อยากแบ่งปันให้กับทุกคนที่ติดตามชมช่อง DMC
ค่ะ ทุกวันนี้ดิฉันเองมีความสุขกับการทำหน้าที่พีซโค้ชเป็นอย่างมาก
และอยากกราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นค่ะ สิ่งอัศจรรย์กำลังค่อยๆแผ่ขยายปกคลุมไปทั่วโลก
วิชชาธรรมกายกำลังเป็นที่นิยมและถูกกล่าวขานมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดิฉันได้ทราบข่าวเรื่องการสร้างอาคาร
100 ปีคุณยาย และได้เห็นรูปทรงของอาคาร ดิฉันรู้สึกเหมือนถูกมนต์สะกดให้มองอย่างไม่ละสายตา
ดิฉันจึงไม่รีรอ รีบร่วมบุญสร้างอาคารในทันที
เพราะอยากมีส่วนในการสถาปนาอาคารที่สำคัญยิ่งนี้ค่ะ
เหมือนเป็นกองบัญชาการรบเพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นกับมนุษยชาติ
ดิฉันกลับมาทบทวนชื่ออาคารว่า
อาคาร 100 ปีคุณยาย ทำให้ระลึกถึงหนังสือประวัติคุณยาย
“หนึ่งไม่มีสอง” จำได้ว่าดิฉันติดใจจนแทบวางไม่ลง เพราะอ่านตั้งแต่อยู่บนรถเมล์ถึงห้องนอน
ทุกตัวอักษรเหมือนตรึงให้ใจอยู่ที่ศูนย์กลางกายอย่างบอกไม่ถูก ดิฉันเชื่อมั่นว่าประวัติของคุณยายจะเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้กับคนอีกนับล้านในอนาคตได้มาประพฤติปฏิบัติธรรม
ด้วยความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและเพียรพยายาม ดิฉันจึงมีท่านเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต
และเป็นฮีโร่ตัวจริงตลอดไปค่ะ
ดิฉัน แอนนิต้า นุส กราบขอบพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูงและขอสมัครเป็นลูกหลวงพ่ออีกคนนะคะ