ความเดิมจากตอนที่แล้ว... เราจึงสามารถสรุปอัธยาศัย รักในการสร้างบารมี ของพระโพธิสัตว์ได้หกประการ ดังต่อไปนี้ คือ
อัธยาศัยข้อที่ 1.เรียกว่า “เนกขัมมัชฌาสัย”
หมายถึง พระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยน้อมไปในการบรรพชา หรือมีความคิดที่จะออกบวช ในทุกๆชาติ เพราะโดยปกติ พระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่เห็นโทษภัยของกาม และมีความรักในเพศบรรพชิตเป็นอย่างยิ่ง
อัธยาศัยข้อที่ 2. เรียกว่า “วิเวกัชฌาสัย”
หมายถึง พระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยชอบอยู่ในที่เงียบสงัด มีความสงบวิเวก และชอบอยู่เพียงลำพังคนเดียวไม่ชอบคลุกคลีด้วยหมู่ สถานที่ใดเป็นสถานที่ที่เงียบสงบปราศจากความวุ่นวาย และเสียงอึกทึกครึกโครม พระโพธิสัตว์ย่อมมีความพึงพอใจในสถานที่นั้นยิ่งนัก เพราะโดยปกติ พระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่เห็นโทษภัยของการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ท่านจึงมีความยินดีในที่นั่งที่นอนอันสงัดเหมาะสมต่อการทำใจให้สงบ
อัธยาศัยข้อที่ 3.เรียกว่า “อโลภัชฌาสัย”
หมายถึง พระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยพอใจในการบริจาคทานเป็นชีวิตจิตใจ หากมีช่องทางใดที่จะทำให้ท่านบริจาคทานได้ ท่านก็จะทำทานอย่างเต็มที่เต็มกำลัง นอกจากพระโพธิสัตว์จะชอบการบริจาคทานแล้ว ท่านยังยินดีที่จะคบหากับบุคคลผู้ปราศจากความโลภ และไม่มีความตระหนี่เป็นยิ่งนัก
อัธยาศัยข้อที่ 4.เรียกว่า
“อโทสัชฌาสัย”
หมายถึง พระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยเป็นผู้ไม่มักโกรธ และจะพยายามหักห้ามความโกรธอยู่ตลอดเวลา เพราะโดยปกติ พระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่มีความปรารถนาอยากจะให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจากทุกข์ภัยในวัฏสงสาร ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงหมั่นเจริญเมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา
อัธยาศัยข้อที่ 5.เรียกว่า “อโมหัชฌาสัย”
หมายถึง พระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยพอใจในการทำลายโมหะ ด้วยการบำเพ็ญภาวนา เพื่อให้เกิดดวงปัญญาในการพิจารณาเห็นบาป บุญ คุณ และโทษ เป็นไปตามความเป็นจริง อีกทั้งพระโพธิสัตว์ยังพอใจในการคบหาบัณฑิตหรือกัลยาณมิตร เพื่อที่ท่านจะได้เพิ่มพูนสติปัญญาให้งอกงามยิ่งๆขึ้นไป
อัธยาศัยข้อที่ 6.เรียกว่า “นิสสรณัชฌาสัย”
หมายถึง พระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยพอใจที่จะยกตนเองออกจากภพ กล่าวคือ...ไม่ยินดีในการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพสาม และมีความปรารถนาที่จะออกจากคุกแห่งวัฏสงสารอันเป็นทุกข์ เพราะโดยปกติ พระโพธิสัตว์จะเป็นผู้ที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสาร และยังมีจิตที่มุ่งตรงสู่หนทางแห่งพระนิพพานเพียงอย่างเดียว
สำหรับอัธยาศัยรักในการสร้างบารมีทั้งหกประการนี้ ถือเป็นลักษณะนิสัยโดยปกติของพระโพธิสัตว์ที่ยอดนักสร้างบารมีทุกๆคนควรจะมี เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้ตัวเราเผลอไปทำบาปอกุศลกรรมในระหว่างเส้นทางแห่งการสร้างบารมี ซึ่งอัธยาศัยรักในการสร้างบารมีทั้งหกประการนี้ ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครได้ง่ายๆ เพราะการที่พระโพธิสัตว์จะมีลักษณะนิสัยเช่นนี้จนเป็นปกติ ท่านจะต้องผ่านการสั่งสมบุญสร้างบารมีไปพร้อมๆกับการแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีของตัวเอง มานับภพนับชาติไม่ถ้วน
อีกทั้งไม่ว่าพระโพธิสัตว์จะถือกำเนิดอยู่ในสภาวะใดก็ตาม กล่าวคือ...จะเกิดเป็นคนหรือจะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ท่านก็ยังคงมุ่งมันที่จะพัฒนานิสัยของตนเอง จนกว่าตัวท่านจะมีอัธยาศัยรักในการสร้างบารมีทั้งหกประการติดเข้าไปในใจ เพราะฉะนั้น บุคคลใดก็ตามที่มีอัธยาศัยรักในการสร้างบารมีทั้งหกประการนี้ บุคคลคนนั้นย่อมได้ชื่อว่า...เป็นพระโพธิสัตว์ ผู้มุ่งตรงต่อหนทางแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อใดก็ตามที่พระโพธิสัตว์ได้ตั้งความปรารถนาที่จะออกจากคุกแห่งวัฏสงสาร และอาสาที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายออกจากคุกแห่งวัฏสงสารไปด้วยกัน ท่านก็จะมุ่งหน้าสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลัง และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันมาตลอดทุกภพทุกชาติที่ตัวท่านได้ถือกำเนิดมา
แต่ถึงกระนั้น ด้วยความที่ระยะเวลาในการสั่งสมบารมีเพื่อที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมีอย่างน้อยถึง 20-อสงไขยกับอีกแสนมหากัป จึงไม่แน่เสมอไปว่า...พระโพธิสัตว์หรือบุคคลที่ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีกำลังใจและมีความอดทนเพียงพอที่จะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือ...การได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กันทุกคนหรือไม่