ประมวลภาพจันทรุปราคา
จันทรุปราคา เต็มดวง
จันทรุปราคา เต็มดวง
จันทรุปราคา เต็มดวง
จันทรุปราคา เต็มดวง
จันทรุปราคา เต็มดวง
จันทรุปราคา เต็มดวง
จันทรุปราคา เต็มดวง
จันทรุปราคาเต็มดวง 16 มิถุนายน 2554
จันทรุปราคาเต็มดวง
ครั้งแรกในรอบ 4 ปี เวลายาวนานกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง
6 มิ.ย. ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ สดร. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปิดเผยว่า ในวันที่ 16 มิ.ย.2554 จะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังเกิดปรากฏการณ์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 มี.ค.2550
ทั้งนี้ จันทรุปราคาเต็มดวง หรือดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ มาเรียงอยู่ในแนวเดียวกันครั้งนี้ โดยจะเกิดขึ้นใช้เวลายาวนานมาก ดวงจันทร์จะเริ่มเข้าสู่เงามืดของโลกในเวลา 01:22:37 น. ซึ่งดวงจันทร์เข้าสู่ช่วงคราสเต็มดวงตั้งแต่เวลา 02:22:11 น. ถึง 04:03:22 น. เป็นเวลายาวนานถึง 1 ชั่วโมง 40 นาที 52 วินาที และหากนับปรากฏการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นจะพบการเกิดจันทรุปราคาครั้งนี้กินเวลานานถึง 3 ชั่วโมง 39 นาที ถือว่านานที่สุด
อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งนี้ จะได้เห็นดวงจันทร์สีแดงอิฐ อยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ สูงจากเส้นขอบฟ้าประมาณ 30 องศา สังเกตการณ์จากจังหวัดเชียงใหม่ หากท้องฟ้าดี ไม่มีเมฆมากนัก ประกอบกับตำแหน่งที่สังเกตการณ์อยู่ห่างจากตัวเมือง โดยไม่มีแสงไฟรบกวน ก็จะมีโอกาสเห็นทางช้างเผือกในคืนวันเพ็ญขณะที่ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังทั้งดวง และจันทรุปราคาครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม 2554 ที่ตรงกับวันรัฐธรรมนูญ และเดือนมหามงคลของไทย
จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่โลกบังแสงดวงอาทิตย์ไม่ให้ไปกระทบที่ดวงจันทร์ ในบริเวณดวงอาทิตย์ในวันเพ็ญ ( ขึ้น 15 ค่ำ ) โดยโลกอยู่ ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ทำให้เงาของโลกไปบังดวงจันทร์
จันทรุปราคาเป็นปรากฏการณ์ที่โลกบังแสงดวงอาทิตย์ไม่ให้ไปกระทบที่ดวงจันทร์
การเกิดจันทรุปราคา หรือเรียกอีกอย่างว่า จันทคราส คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันเพ็ญ ( ขึ้น 15 ค่ำ) เมื่อดวงจันทร์โคจร มาอยู่ในระนาบเส้นตรงเดียวกับโลกและดวงอาทิตย์ทำให้เงาของโลก บังดวงจันทร์คนบนซีกโลกซึ่งควรจะเห็นดวงจันทร์เต็มดวงในคืนวัน เพ็ญจึงมองเห็นดวงจันทร์ในลักษณะต่างๆ เช่น “ จันทรุปราคาเต็ม ดวง” เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนเข้าไปในเงามืดของโลก จึงทำคนบน ซีกโลกที่ควรเห็นดวงจันทร์เต็มดวง กลับเห็นดวงจันทร์ซึ่งเป็นสีเหลือง นวลค่อยๆ มืดลง กินเวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง จากนั้นจึงจะเห็นดวง จันทร์ เป็นสีแดงเหมือนสีอิฐเต็มดวง เพราะได้รับแสงสีแดงซึ่งเป็นคลื่น ที่ยาวที่สุดและบรรยากาศโลกหักเหไปกระทบกับดวงจันทร์ ส่วน “ จันทรุปราคาบางส่วน” เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าไปใน เงามืดของโลกเพียงบางส่วน จึงทำให้เห็นดวงจันทร์เพ็ญบางส่วนมืดลง และบางส่วนมีสีอิฐขณะเดียวกันอาจเห็นเงาของโลกเป็นขอบโค้งอยู่บน ดวงจันทร์ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าโลกกลม ผลกระทบ การเกิดจันทรุปราคาไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อการ เปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเพราะเป็นช่วงกลางคืน
ดวง จันทร์ เป็นสีแดงเหมือนสีอิฐเต็มดวง
จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้เกิดในเช้ามืดวันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2554 (เฝ้ารอสังเกตการณ์ได้ตั้งแต่คืนวันพุธที่ 15 มิถุนายน) ดวงจันทร์เริ่มแหว่งเวลา 01:23 น. ขณะนั้นที่ประเทศไทยเห็นดวงจันทร์อยู่สูงบนท้องฟ้าทิศตะวันตก ดวงจันทร์เข้าไปในเงามืดทั้งดวงตั้งแต่เวลา 02:22 น. ถึง 04:03 น. แต่ดวงจันทร์ไม่มืดสนิท เห็นเป็นสีส้มหรือสีแดงอิฐ เพราะแสงอาทิตย์หักเหผ่านบรรยากาศโลกไปที่ดวงจันทร์ จันทรุปราคาบางส่วนสิ้นสุดเวลา 05:02 น. เวลานั้นที่กรุงเทพฯ ดวงจันทร์มีมุมเงย 11° พื้นที่บนโลกที่เห็นจันทรุปราคาครั้งนี้พร้อมประเทศไทยคือทวีปอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย ออสเตรเลีย และด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก
ขั้นตอนการเกิดจันทรุปราคา 16 มิถุนายน 2554
1. ดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลก 00:24:34 น.
2. เริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วน 01:22:55 น.
3. เริ่มเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง 02:22:29 น.
4. กึ่งกลางของปรากฏการณ์ 03:12:36 น.
5. สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง 04:02:42 น.
6. สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วน 05:02:15 น.
7. ดวงจันทร์พ้นจากเงามัวของโลก 06:00:44 น.
สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วน
จันทรุปราคาครั้งนี้มีระยะเวลาเต็มดวงยาวนานถึง 1 ชั่วโมง 40.2 นาที นานที่สุดนับตั้งแต่จันทรุปราคา 16 กรกฎาคม 2543 ซึ่งยาวนาน 1 ชั่วโมง 46.4 นาที (ครั้งนั้นก็สามารถเห็นได้ในประเทศไทย แต่สภาพท้องฟ้าไม่อำนวย) หลังจากปี 2554 จันทรุปราคาเต็มดวงที่มีระยะเวลามืดเต็มดวงนานเกิน 100 นาที จะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 ซึ่งสามารถเห็นได้ในประเทศไทยอีกเช่นกัน
ขณะบังเต็มที่เวลา 03:13 น. ศูนย์กลางเงาโลกจะอยู่ค่อนไปทางทิศใต้ของดวงจันทร์ ทำให้คาดหมายได้ว่าพื้นที่ด้านทิศเหนือของดวงจันทร์ซึ่งอยู่ทางขวามือเมื่อมองขึ้นไปบนฟ้าน่าจะสว่างกว่าทิศใต้ นอกจากนี้หากไม่มีเมฆมากนัก ผู้ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองมีโอกาสเห็นทางช้างเผือกในคืนวันเพ็ญขณะที่ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังทั้งดวง
จันทรุปราคาครั้งนี้เป็นจันทรุปราคาครั้งที่ 34 ใน 71 ครั้ง ของชุดซารอสที่ 130 ซึ่งดำเนินอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1416 - 2678 ชุดซารอสนี้ประกอบด้วยจันทรุปราคาเงามัว 8 ครั้ง บางส่วน 20 ครั้ง เต็มดวง 14 ครั้ง บางส่วน 22 ครั้ง และเงามัว 7 ครั้ง ตามลำดับ จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งที่นานที่สุดของชุดซารอสนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2029 นาน 1 ชั่วโมง 41.9 นาที (นานกว่าครั้งที่เกิดในปีนี้เพียงไม่ถึง 2 นาที)