อย่าเป็นคนป่วยที่ไม่มีทางเลือก
 
เรื่อง : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๘
 

     ขณะที่คุณกำลังอ่านประโยคนี้ มีคนป่วยบนโลกนี้จำนวนมากกำลังได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสกับโรคร้ายที่เกิดขึ้น และที่น่าสังเวชใจไปกว่านั้น หลายคนเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยเหตุนี้จึงมีคำรำพึงตัดพ้อให้เราได้ยินบ่อยครั้งว่า.. “ไม่อยากเป็นคนป่วยที่ทำอะไร ไม่ได้ นอกจากรอคอยความตายอย่างเดียว”

     แน่นอน ไม่มีใครอยากเป็นแบบนี้แต่ทุกชีวิตไม่อาจรู้เลยว่า ในอนาคตตัวเองจะต้องป่วยเป็นโรคอะไร จะทรมานมากแค่ไหนหมอจะหาสาเหตุของโรคเจอไหม และที่แย่ที่สุดจะมีเงินเพียงพอเพื่อเป็นค่ารักษาหรือไม่???ความทุกข์เรื่องการป่วยไข้ช่างทำให้มนุษย์ทรมานทั้งกายและใจ หนำซ้ำยังสร้าง
ความกังวลเสียเหลือเกิน อีกทั้งการป่วยยังเป็นภาระต่อคนรอบข้างอย่างไม่จบไม่สิ้นซึ่งถ้ามีคนตั้งใจและเต็มใจดูแลก็ดีไป แต่จะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีบุญมากพอที่จะมีคนมาคอยดูแลเราจวบจนวาระสุดท้ายหรือไม่ ในเมื่อปัจจุบันยังมีลูกหลายคนทอดทิ้งพ่อแม่ยามป่วยไข้ได้ลงคอเลย!!!

     ในเมื่อความจริงของชีวิตเป็นอย่างนี้เรามาคิดกันดีกว่าว่าจะรับมือกับสถานการณ์การเจ็บไข้ได้ป่วยของตัวเองกันอย่างไร?จากพุทธพจน์ที่ว่า “ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ” หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น (สํ.ส. (บาลี) ๑๕/๙๐๓/๓๓๓)

     ดังนั้น หากเราไม่อยากป่วย ไม่อยากทรมาน ไม่อยากเป็นผู้ป่วยที่ถูกทอดทิ้ง เราก็ต้องสร้างเหตุโดยการขวนขวายทำบุญด้านนี้ให้แก่ตนเองไว้มาก ๆ เพราะการดูแลพระภิกษุผู้ป่วยไข้ถือเป็นบุญที่สำคัญมาก ถึงขนาดพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพยาบาลภิกษุป่วยไข้ด้วยพระองค์เอง ดังในครั้งที่ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธด้วยโรคท้องเสีย นอนจมปัสสาวะอุจจาระอยู่ พอพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จผ่าน
มาเห็น จึงตรัสเรียกพระอานนท์ให้ไปตักน้ำมา แล้วพระองค์ก็ทรงช่วยกับพระอานนท์เช็ดล้างทำความสะอาดภิกษุป่วยผู้นั้นเป็นอย่างดี ดังนั้น การได้อุปัฏฐากดูแลพระภิกษุอาพาธถือเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “โย ภิกฺขเว มํ อุปฏฺฐเหยฺย โส คิลานํ อุปฏฺฐเหยฺย” ผู้ใดปรารถนาจะอุปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงอุปัฏฐากภิกษุป่วยไข้เถิด (วิ.ม. (บาลี) ๕/๑๖๖/๒๒๗)
 

      ณ วันนี้ โอกาสที่ดีที่สุดมาถึงแล้วที่เราจะได้สร้างบุญด้านนี้ให้แก่ตนเองเนื่องจากอาคารสหคลินิกรัตนเวชเดิมของวัดพระธรรมกายเก่าชำรุด ต้องซ่อมแซมอยู่บ่อยครั้งมาก อีกทั้งยังมีพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการรองรับพระภิกษุสามเณรอาพาธที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องก่อสร้าง “อาคารบุญรักษา” ซึ่งเป็นอาคารสูง ๖ ชั้น เพื่อใช้เป็นที่ดูแลรักษาฟื้นฟูสุขภาพของพระภิกษุสามเณรแบบองค์รวม โดยได้จัดสรรพื้นที่ไว้จำนวน ๒ ชั้น ให้เป็นสถานที่ตั้งของ “สหคลินิกรัตนเวช” เพื่อใช้ดำเนินการรักษาพระภิกษุสามเณรในเบื้องต้นโดยแพทย์แผนปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีคลินิกทันตกรรมเพื่อใช้เป็นสถานที่ดูแลสุขภาพปากและฟันของพระภิกษุสามเณรอีกด้วย มากไปกว่านั้นยังจัดสรรให้เป็นสถานที่ตรวจสุขภาพประจำปีของสมาชิกองค์กร รวมถึงการตรวจคัดกรองสุขภาพของกลุ่มผู้เข้าอบรมในโครงการต่าง ๆของวัด เช่น โครงการบรรพชาอุปสมบท ฯลฯ
 

จารึกชื่อเจ้าภาพผู้มีบุญในอาคารบุญรักษา

     ส่วนอีก ๔ ชั้น ได้จัดสรรให้เป็นพื้นที่ฟื้นฟูสุขภาพพระภิกษุสามเณรอาพาธ และพระภิกษุสามเณรที่มีสภาพร่างกายอ่อนแอหลังได้รับการรักษาจากทางโรงพยาบาลกลับมา และเพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น ยังได้จัดสรรให้มีห้องปฏิบัติธรรมสำหรับผู้ป่วยที่มีสภาพร่างกายไม่พร้อมในการร่วมกิจกรรมบุญตามปกติขององค์กรอีกด้วย
 



ห้องปฏิบัติธรรม

      หากเรามีส่วนร่วมในการสร้างอาคารหลังนี้ ถือเป็นโอกาสในการสร้างเหตุแห่งความแข็งแรงปราศจากโรคภัยให้แก่ตนเองด้วยวิธีการง่าย ๆ ดังนั้นจงอย่าให้โอกาสนี้ผ่านไปโดยที่เราเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่ได้ไขว่คว้า จงอย่าเป็นคนป่วยที่ไม่มีทางเลือก ในเมื่อเรามีโอกาสเลือก โดยการสร้างเหตุแห่งการไม่ป่วยให้แก่ตนเอง ด้วยการสนับสนุนการสร้างอาคารบุญรักษา เพื่อให้พระภิกษุสามเณรท่านแข็งแรงอยู่สร้างบารมีเป็นอายุพระพุทธศาสนาไปตราบนานเท่านาน เพราะ “ทำที่ท่าน ได้ที่เรา”

“อาโรคฺยปรมา ลาภา”
ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ
(ขุ.ธ. (บาลี) ๒๕/๒๕/๔๒)



[[videodmc==49309]]

 

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/scoop/อย่าเป็นคนป่วยที่ไม่มีทางเลือก.html
เมื่อ 14 มิถุนายน 2567 04:17
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv