"กายมนุษย์" ฐานทัพแห่งการสร้างบารมี

 

บูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงปู่  เนื่องในวันคล้ายวันเกิดด้วยรูปกายเนื้อ

วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557

 

บทความโดย พระมหาทศพร ปุญฺญงฺกุโร

 


 พระโพธิสัตว์มีปรกตินิสัยมีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่น

ภาพ ร่างกายมนุษย์เป็นฐานทัพสำคัญในการสร้างบารมี


 

          วันที่ 10 ตุลาคม เป็นวันที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านเกิดด้วย "กายมนุษย์" ซึ่งเป็นร่างกายที่ใช้ในการสร้างบารมี พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านได้เป็นต้นบุญต้นแบบในการดำเนินชีวิตให้เราดูอย่างถูกต้อง ด้วยการใช้ร่างกายของท่านบำเพ็ญสมณธรรมจนได้บรรลุธรรม และได้นำความรู้นั้นมาอบรมสั่งสอนให้เราได้ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง ได้รู้ความจริงของชีวิตว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน เป็นต้น ซึ่งทำให้เราได้รู้ด้วยว่า "กายมนุษย์" ของเรานี้มีไว้เพื่อสร้างบุญสร้างบารมี ดังนั้นเนื่องในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ พระอาจารย์ จึงมีเรื่องราวดีๆ มาเล่าให้ทุกๆ ท่านได้รับฟังกัน ในเรื่องของ "กายมนุษย์ ฐานทัพแห่งการสร้างบารมี"


 

การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก 

 

          ในพระไตรปิฎก ในสังยุตตนิกายมหาวารวรรค ได้บรรยายถึงความยากของการได้เกิดเป็นมนุษย์ โดยได้อุปมาเหมือนคนโยนแอกซึ่งมีช่องๆ เดียวลงไปในมหาสมุทร  ทุกๆ 100  ปี เต่าตาบอดจะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำหนึ่งครั้ง  การที่เต่าจะสอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวนั้นได้  ก็เป็นได้เฉพาะในบางครั้งบางคราวเท่านั้น  นี่คือความยากของการเกิดเป็นมนุษย์ 

 

ภาพ เต่าตาบอดทุกๆ 100 ปี จะโผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำ

ความยากที่จะโผล่แล้วหัวสวมห่วงพอดียากขนาดไหน

ความยากในการเกิดเป็นมนุษย์ยากยิ่งกว่านั้น


          ยังมีความยากของการเกิดเป็นมนุษย์ที่ยิ่งไปกว่านั้น  โดยอุปมาว่าไม่ใช่แต่มหาสมุทรเท่านั้น  แต่มหาปฐพี  คือ แผ่นดินระหว่างจักรวาล  ก็ยังมีน้ำเต็มหมด  เมื่อโยนแอกซึ่งมีช่องเดียวลงไปแล้ว ลมทิศตะวันออกของจักรวาลยังพัดแอกนั้นไปทางทิศตะวันตก ลมทิศตะวันตกก็พัดแอกนั้นไปยังทิศตะวันออก ส่วนลมทิศเหนือก็พัดแอกนั้นไปทางทิศใต้   ส่วนลมทิศใต้ก็พัดแอกนั้นไปทางทิศเหนือ ทุกๆ 100 ปี เต่าจึงจะโผล่ขึ้นมาคราวหนึ่ง  การที่เต่าจะโผล่หัวขึ้นมา  สอดคอเข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวนั้น "เป็นการยากยิ่ง" พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัส ว่า  

 

 

 

กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ  กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ

กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ   กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท ฯ

 

การได้อัตภาพเป็นมนุษย์เป็นการยาก

ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายเป็นอยู่ยาก 

การได้ฟังพระสัทธรรมเป็นการยาก

การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก ฯ

(ขุ.ธ.อ. 42/24/329)


 

          การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยากเช่นนี้แล้ว การที่จะรักษาชีวิตให้ดำเนินอยู่บนเส้นทางของการสร้างความดีไปได้ตลอดรอดฝั่งนั้น ก็เป็นสิ่งที่ "ทำได้ยาก" เพราะชีวิตของเรานั้นมีภัยและอันตรายต่างๆ อยู่รอบตัวมากมาย และการที่จะได้มีโอกาสฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นสิ่งที่หาได้ยาก   และการอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ก็เป็นการยาก


          แต่เมื่อเรามาดูสภาวะความเป็นจริง ณ ปัจจุบันนี้ ปัจจุบัน เราได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว เราได้เข้าวัด ได้ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ตาม แต่คำสอนของพุทธองค์ก็ยังคงถูกรักษาและสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ จะเห็นว่า เราได้ก้าวล่วง "ความยาก" เหล่านั้นมาแล้ว จึงเหลือเพียงแค่ว่าเราจะใช้โอกาสใช้ร่างกายมนุษย์ของเรานี้ให้เป็นฐานทัพในการสร้างบารมีอย่างจริงจังหรือไม่..? 



จัมเปยยนาคราช ผู้รักษาศีลเพื่อการเกิดเป็นมนุษย์

 

          ซึ่งพระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์ กว่าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ต้องสร้างบารมีกันยาวนานหลายอสงไขยกัปทีเดียว ท่านสร้างบารมีทุกรูปแบบ แม้บางชาติจะพลัดไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน แต่พระโพธิสัตว์ก็ยังปรารถนาที่จะได้อัตภาพความเป็นมนุษย์ เพราะร่างกายสัตว์เดรัจฉานไม่เหมาะแก่การสร้างบารมีเลย แต่ร่างกายมนุษย์นี้ เป็นฐานทัพสำคัญในการสร้างบารมีได้ง่ายกว่า สร้างบารมีได้มากกว่า และสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ดังเรื่องราวของ "จัมเปยยนาคราช" (มก. ขุ.ชา. อ. 61/2180/185) ที่พระพุทธองค์ทรงปรารภเหตุที่อุบาสกอุบาสิกาได้รักษาอุโบสถศีล เรื่องราวก็มีอยู่ว่า

 

 พญานาคสีรุ้ง

ภาพประกอบ ภาพพญานาคราช

 

          ในอดีตชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งหนึ่งได้ไปเกิดเป็นพญานาคราช มีร่างกายใหญ่โต อายุยืนมาก ถึงพร้อมด้วยสมบัติทั้งหลาย และพรั่งพร้อมไปด้วยบริวาร พญานาคราชทรงเบื่อหน่ายในราชสมบัติ เพราะดำริว่า “แม้เราจะมีสมบัติ และบริบูรณ์ด้วยความสุขมากมายถึงเพียงนี้ แต่ก็ยังคงเป็นเพียงสัตว์เดียรัจฉาน โอกาสที่จะสร้างบุญบารมีได้เต็มที่นั้น ยากยิ่งนัก” 


          เมื่อดำริอย่างนี้แล้ว พญานาคราชจึงตั้งใจรักษาศีล เพื่อว่าเมื่อพ้นจากอัตภาพของพญานาคแล้ว จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก คิดดังนั้นแล้วออกจากนาคพิภพไปพำนักอยู่ในที่สงบ ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ 


          บรรดานางนาคกัญญาทั้งหลาย ต่างเกรงว่านาคราชจะจากพวกนางไป จึงพากันประดับประดาตกแต่งด้วยของหอมเพื่อเย้ายวนพญานาคราช ต้องการจะให้ศีลของพญานาคราชวิบัติ พญานาคราชดำริว่า "หากเป็นเช่นนี้ โอกาสที่ศีลของเราจะบริสุทธิ์บริบูรณ์นั้น เป็นไปได้ยาก" จึงขึ้นมาเมืองมนุษย์ ขดร่างกายอยู่ที่จอมปลวกริมฝั่งแม่น้ำ  ผู้คนทั้งหลายผ่านมาต่างพากันบูชาพญานาคราชด้วยของหอม และเครื่องสักการะมากมาย 

 

ภาพ พญานาคราชจำศีลอยู่ที่เมืองมนุษย์


          ในทุกๆ เดือน พญานาคราชจะกลับลงไปเมืองบาดาลครั้งหนึ่ง นางสุมนาเทวีมเหสีของนาคราชจึงเป็นห่วง กล่าวว่า “เมื่อพระองค์ขึ้นไปบนเมืองมนุษย์เป็นเวลานาน หากพระองค์มีอันตราย ข้าพระองค์จะทราบได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น” พญานาคราชจึงพานางไปดูที่สระน้ำ แล้วบอกว่า “วันใด ที่สระน้ำขุ่นมัว ให้รู้ว่าเรากำลังจะโดนประหาร ถ้าพญาครุฑจับไป น้ำจะเดือดพลุ่งขึ้นมา ถ้าหมองูจับไป น้ำจะมีลักษณะสีแดงเหมือนโลหิต” เมื่อนาคราชบอกลักษณะของการเกิดภัยแล้ว จึงกลับขึ้นไปเมืองมนุษย์อีกเพื่อรักษาศีล

 

          ในระหว่างที่รักษาศีลอยู่นั้น วันหนึ่งมีหมองูผ่านมา เห็นนาคราชขดอยู่ที่จอมปลวก จึงคิดจะจับงูไปแสดงให้ชาวเมืองดู เพื่อหาทรัพย์มาดำรงชีวิต คิดดังนั้นแล้ว จึงหยิบโอสถมาร่ายมนต์ เมื่อนาคราชถูกมนต์ ร่างกายก็เร่าร้อนเหมือนโดนถ่านเพลิง ศีรษะปวดร้าวเหมือนโดนบีบ พญานาคราชจึงยกพระเศียรขึ้นดู เห็นหมองูกำลังร่ายมนต์ก็คิดว่า "พิษของเรานั้นมากมาย ถ้าเราโกรธ แล้วพ่นลมจมูกออกไป ร่างกายของหมองูต้องแตกละเอียดเป็นธุลี แต่ถ้าทำอย่างนั้น ศีลของเราก็จะด่างพร้อย" ครั้นสอนตัวเองเช่นนี้แล้ว ก็นอนขนดศีรษะต่อไป ไม่ต่อสู้หรือทำร้ายหมองูแต่อย่างใด เพื่อรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์

 

ภาพ หมองูร่ายมนต์ใส่พญานาคราช

 

          หมองูเห็นนาคราชไม่โต้ตอบ จึงเคี้ยวโอสถแล้วร่ายมนต์ พ่นไปยังลำตัวของนาคราช นาคราชเหมือนโดนถ่านเพลิงร้อนๆ สาดใส่ ลำตัวพองบวม ดิ้นทุรนทุราย หมองูจึงจับหางนาคราชให้เหยียดตรง บีบลำตัวด้วยไม้กีบ ทำให้พญานาคราชดิ้นไม่ได้ แล้วจับศีรษะบีบเค้นให้อ้าปากออก พ่นโอสถที่ร่ายมนต์แล้ว เข้าในปากของนาคราช  ทำให้ฟันของนาคราชหลุดออกหมด ทั้งปากเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นหมองูก็ขึ้นไปเหยียบลำตัว ทำให้กระดูกแหลกละเอียด ตลอดลำตัวของนาคราชเปื้อนไปด้วยเลือด สุดที่จะระงับความทุกข์ทรมานไว้ได้  แต่ด้วยกำลังใจอันเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวที่จะรักษาศีลยิ่งกว่าชีวิต จึงใช้ความอดทนอย่างยิ่งยวด ไม่ยอม ไม่มีความคิดแม้กระทั่งจะทำร้ายหมองูนั้นเลย

 

          หมองูเห็นนาคราชอ่อนกำลังลง จึงจับใส่กรง แล้วนำไปแสดงตามหมู่บ้าน ไม่ว่าหมองูจะให้พญานาคแสดงอย่างไร พญานาคก็ทำตามทุกอย่าง  ประชาชนดูแล้วพากันชอบใจให้ทรัพย์แก่หมองู หมองูนำพญานาคแสดงเรื่อยไปจนถึงเมืองหลวง พระราชาได้รับสั่งให้หมองูเข้าเฝ้า เพื่อจะทรงทอดพระเนตร เช้าวันนั้นคนทั้งเมืองได้มาดูการแสดงของนาคราช ต่างชอบใจพากันปรบมือเป็นที่สนุกสนาน


          วันนั้น นางสุมนาเทวีระลึกถึงพญานาคราชสามีของตน จึงไปดูที่สระน้ำ เห็นน้ำในสระเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนโลหิต รู้ทันทีว่า พญานาคราชต้องถูกหมองูจับไปแน่นอน นางจึงออกจากนาคพิภพขึ้นไปเมืองมนุษย์ นางร้องไห้เที่ยวเดินถามชาวบ้านเรื่อยไปจนถึงเมืองหลวง จึงเหาะขึ้นไปยืนอยู่บนอากาศ เห็นพญานาคราชกำลังแสดงให้ประชาชนดูอยู่ ก็ร้องไห้ด้วยความสงสาร

 

 

ภาพ สระน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดง ทำให้นางนาคสุมนาเทวีทราบทันทีว่า พญานาคราชถูกหมองูจับไป

 

          พญานาคราชเหลือบไปเห็นนางยืนอยู่กลางอากาศ เกิดความละอาย จึงเลื้อยเข้าไปขดในกรง พระราชาสงสัยว่าเกิดอะไรกับพญานาค เมื่อทอดพระเนตรขึ้นไปบนอากาศเห็นนางสุมนาเทวียืนร้องไห้อยู่ จึงตรัสถามขึ้นว่า “ท่านเป็นใคร ทำไมถึงร้องไห้เช่นนี้” นางตอบว่า “หม่อมฉันกำลังตามหาพระสวามีที่ถูกหมองูจับไป และนาคที่แสดงต่อหน้าพระองค์ คือสามีของหม่อมฉัน”

 

          พระราชาตรัสว่า “ธรรมดาพญานาคนั้นมีฤทธิ์ มีพิษ มีกำลังมหาศาล ทำไมจึงตกอยู่ในอำนาจของหมองูเช่นนี้” พระนางตอบว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ที่พญานาคไม่แสดงฤทธิ์นั้น เป็นเพราะกำลังรักษาศีลอยู่ ถ้าพญานาคไม่รักษาศีลแล้ว บ้านเมืองของพระองค์ก็จะมอดไหม้เป็นธุลีอย่างแน่นอน  ขอพระองค์ทรงปล่อยพญานาคราชด้วยเถิด”

 

          พระราชาทรงรับสั่งให้หมองูปล่อยพญานาคทันที ทันใดนั้นพญานาคก็แปลงกายเป็นมนุษย์ แล้วประคองอัญชลีขอบพระทัยพระราชาที่เมตตาให้ชีวิต และได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดถวายพระราชา จากนั้นจึงกราบทูลเชิญเสด็จไปชมเมืองบาดาล 

 

          เมื่อพระราชาเสด็จไปถึงเมืองบาดาล ทรงเห็นสมบัติและบริวารของพญานาคราชมากมาย จึงตรัสถามว่า “ท่านนาคราช ท่านก็มีสมบัติมากมาย แวดล้อมด้วยบริวารนับหมื่น อุดมไปด้วยรูปทิพย์ กลิ่นทิพย์ ทำไมท่านจึงมีความเพียรในการรักษาศีลเช่นนี้”

 

  

ภาพ พญานาคราชมีทรัพย์สมบัติอันเป็นทิพย์มากมาย ถึงพร้อมด้วยบริวาร

 

          นาคราชตอบว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์บำเพ็ญเพียรรักษาศีลก็เพราะต้องการจะไปเกิดเป็นมนุษย์ เพราะการได้อัตภาพเป็นมนุษย์ ทำให้โอกาสในการรักษาศีลง่ายกว่า สามารถสร้างบารมีอื่นได้สะดวกกว่า มีโอกาสบำเพ็ญภาวนา ได้บรรลุมรรคผลนิพพานง่ายกว่าการเป็นพญานาค  เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึงรักษาศีลยิ่งชีวิต”


          พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า 


                    หมองูในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระเทวทัต ในบัดนี้ 

                    นางนาคสุมนาเทวีได้มาเป็น พระนางยโสธรา
                    พระราชาได้มาเป็น
พระสารีบุตร 

                    ส่วน จัมเปยยนาคราชได้มาเป็น เราตถาคต.

 

          จากเรื่องนี้ จะเห็นว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่ได้มายากยิ่งนัก นักสร้างบารมีทุกยุคทุกสมัย ต่างต้องการเกิดมาได้ "กายมนุษย์" ทั้งสิ้น เพราะเป็นฐานทัพที่เหมาะต่อการสร้างบารมีได้ทุกรูปแบบ  ดังนั้น เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ถือว่าเป็นผู้มีบุญลาภอันประเสริฐ ไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต ต้องรีบขวนขวายสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 ทัศ อย่างน้อยที่สุดก็ควรหมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้ได้ทุกๆ วัน เมื่อถึงคราวบุญบารมีเต็มเปี่ยม เราจะได้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ในที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยฐานทัพที่สำคัญ นั่นก็คือ "กายมนุษย์" นั้นเอง



พระเดชพระคุณหลวงปู่ ผู้เป็นต้นแบบในการสร้างบารมี


 หลวงพ่อวัดปากน้ำ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

ภาพ พระเดชพระคุณหลวงปู่ ผู้เป็นต้นแบบในการสร้างบารมี


          วันที่ 10 ตุลาคม วันนี้เมื่อปี พ.ศ. 2427 นี่ก็ล่วง 130 ปีแล้ว ซึ่งท่านเป็นต้นแบบ เป็นตัวอย่างในการใช้ร่างกายมนุษย์นี้สร้างบารมีจนตลอดชีวิตของท่าน 


          พระเดชพระคุณหลวงปู่ได้เกิดที่ แผ่นดินใบบัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ชีวิตในวัยเด็กท่านได้เรียนหนังสือกับพระน้าชายที่วัดสองพี่น้อง ต่อจากนั้นได้มาศึกษาต่อที่ วัดบางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม ได้ศึกษาหนังสือขอมจนสามารถอ่านภาษาขอมได้อย่างคล่องแคล่ว หลังจากนั้นจึงได้ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพค้าข้าวอย่างขยันขันแข็ง


          เมื่ออายุ 14 ปี บิดาของท่านได้เสียชีวิตลง  ท่านจึงต้องมารับช่วงดูแลงานค้าขายต่อจากบิดา จนกระทั่งอายุย่างเข้า 19 ปี ระหว่างทำการค้าข้าวอยู่นั้น วันหนึ่งท่านก็ได้ล่องเรือผ่าน “คลองบางอีแท่น” ซึ่งเป็นคลองที่เปลี่ยวมีโจรผู้ร้ายชุกชุมมาก  ทำให้ท่านเกิดความกลัวต่อมรณภัย ด้วยบุญเก่าท่านจึงได้ตั้งสัจจะว่า “ขอเราอย่าได้ตายเสียก่อนเลย ขอให้ได้บวชเสียก่อน เมื่อบวชแล้วจะไม่ลาสิกขา ขอบวชไปจนตลอดชีวิต” ท่านได้รอดพ้นจากอันตรายในช่วงนั้นมาได้ และได้ทำงานหาเงินเพื่อเก็บไว้ให้มารดาท่านได้ใช้เลี้ยงชีพ 


          เมื่อท่านอายุย่างเข้า 22 ปี ท่านก็ได้ออกบวช ณ วัดสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เมื่อบวชแล้วท่านก็ไ้ด้ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมไม่เคยขาดเลย ท่านได้ศึกษาความรู้ทางด้านปริยัติจนแตกฉาน ทั้งได้ออกแสวงหาครูบาอาจารย์ด้านการปฏิบัติ 

 

 

ภาพ อุโบสถวัดสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ในปัจจุบัน 


          ในพรรษาที่ 11 หลวงปู่วัดปากน้ำได้ไปจำพรรษา ณ วัดโบสถ์บน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ท่านก็ได้บรรลุธรรมเข้าถึงพระธรรมกายในคืนนั้นเอง เมื่อออกพรรษาแล้วท่านก็ได้เดินทางไปวัดบางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม ท่านได้สอนภาวนาที่วัดบางปลา จนมีพระภิกษุสามารถปฏิบัติตามท่านได้ 3 รูป และคฤหัสถ์ อีก 4 คน ต่อมาไม่นานท่านก็ได้ไปจำพรรษาที่วัดปากน้ำ และเป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ท่านได้เทศน์สอนธรรมะให้กับพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เป็นจำนวนมาก จนทำให้ท่านเป็นที่รู้จักและมีศิษยานุศิษย์มากมายจนถึงปัจจุบันนี้

 

ภาพ วัดปากน้ำภาษีเจริญในปัจจุบัน


          จะเห็นได้ว่าตลอดช่วงชีวิตการเกิดมาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ตั้งแต่ยังเด็กท่านก็มีความกตัญญูต่อบิดามารดา ออกบวชแล้วท่านก็บำเพ็ญสมณธรรมจนได้เข้าถึงพระธรรมกาย กระทั่งช่วงท้ายของชีวิตท่านก็ได้เผยแผ่วิชชาธรรมกายออกไปอย่างกว้างไกล ท่านได้ใช้ร่างกาย คือกายเนื้อนี้เป็นฐานทัพในการสร้างบารมี ที่งดงามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย อย่างแท้จริง 


          ซึ่งในวันคล้ายวันเกิดด้วยรูปกายเนื้อของหลวงปู่นี้ วันที่ 10 ตุลาคม พระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณครูไม่ใหญ่ ได้เคยเล่าไว้ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาเมื่อปี พุทธศักราช  2555 ไว้ว่า การเกิดด้วยรูปกายเนื้อของพระเดชพระคุณหลวงปู่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก 

 


 

          การเกิดด้วยรูปกายเนื้อของพระเดชพระคุณหลวงปู่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากและมีความสำคัญอย่างมาก เพราะหลวงปู่เป็นผู้ชี้ทางให้เราได้ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง ทำให้เรารู้ว่า เราเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรเป็นเป้าหมายของชีวิต และจะไปสู่เป้าหมายชีวิตนั้นได้อย่างไร เราจึงเป็นผู้ที่โชคดีมีบุญเหลือเกินที่ได้มาเป็นลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงปู่ เพราะฉะนั้นใครรู้ตัวว่าเป็นลูกหลานของท่าน วันพรุ่งนี้ต้องมาแสดงความกตัญญูบูชาธรรมท่าน ด้วยการมาตามระลึกถึงคุณธรรมคุณวิเศษของหลวงปู่ มาสั่งสมบุญให้กับตนเอง มาปฏิบัติธรรมบูชาหลวงปู่ และสั่งสมบุญบูชาข้าวพระ พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านจะได้กลั่นแก้ไข กาย วาจา ใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ เราจะได้มีใจหยุดและได้เข้าถึงพระธรรมกายได้อย่างง่ายๆ



อานิสงส์ของการแสดงความกตัญญูด้วยการปฏิบัติบูชา

 

(สรุปความจาก หนังสือมงคลชีวิต ฉบับทางก้าวหน้า พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ)


 

          ก็ขอเชิญมาเอาบุญใหญ่ในวันคล้ายวันเกิดด้วยรูปกายเนื้อของพระเดชพระคุณหลวงปู่ วันพรุ่งนี้ 10 ตุลาคมกันนะ โดยในช่วงเช้าก็จะมีการตักบาตร ภาคสายก็มีพิธีบูชาข้าวพระ ภาคบ่ายเราก็จะได้ฟังเรื่องปลื้มๆ เกี่ยวกับกฐินธรราชัย ถวายปัจจัย และรับเมล็ดพันธุ์ดาวรวย ไปปลูกเพื่อเตรียมโปรยต้อนรับพระธุดงค์ธรรมชัยกันต่อไป

 

 

กายมนุษย์สร้างบารมีได้ดีที่สุด


          จากที่เล่ามาทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า ร่างกายของเรานี้มีไว้สร้างบารมีแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีรูปกายใดจะประเสริฐเหมาะสมกับการสร้างบารมีได้เท่ากับกายมนุษย์อีกแล้ว การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก ดังนั้นอย่าใช้ร่างกายมนุษย์นี้ไปทำปาบกรรมใดๆ เลย อย่าใช้ร่างกายนี้ไปถล่มทลายสังขารด้วยการดื่มสุรายาเสพติดเลย แต่จงใช้ร่างกายนี้เพื่อการสร้างบารมี ให้เหมือนที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร ท่านได้เป็นแบบอย่างให้เราดำเนินรอยตาม ให้เราได้ใช้ร่างกายนี้เป็นไปเพื่อการสร้างบารมีแต่เพียงอย่างเดียว สมกับชื่อเรื่องในวันนี้ว่า "กายมนุษย์" ฐานทัพแห่งการสร้างบารมี


          สำหรับวันนี้พระอาจารย์ ก็ขออำนวยอวยพรให้ทุกท่าน จงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบัติใหญ่ไหลมาเทมา ปฏิบัติธรรมะได้เข้าถึงพระธรรมกายได้โดยง่าย โดยเร็วพลัน ทุกท่าน เทอญฯ


ขอให้เจริญในธรรม

พระมหาทศพร ปุญฺญงฺกุโร

 

กำหนดการวันคล้ายวันเกิด 130 ปี พระมงคลเทพมุนีฯ
130 ปี พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

 

ประวัติพระมงคลเทพมุนี อานุภาพหลวงปู่พระมงคลเทพมุนี ผู้เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการปฏิบัติธรรม
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/scoop/กายมนุษย์-ฐานทัพแห่งการสร้างบารมี.html
เมื่อ 29 มีนาคม 2567 03:01
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv