อานิสงส์บูชาพระเจดีย์ทุกวัน

เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙
ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๕๙
 

“ข้าพเจ้ามีใจเลื่อมใส ได้ถือเอาดอกไม้ของหอม และเครื่องลูบไล้

ไปบูชาพระสถูปของพระศาสดาด้วยมือของตนเอง
เพราะกรรมนั้น รูป คติ ฤทธิ์ และอานุภาพเช่นนี้จึงมีแก่ข้าพเจ้า”


      การบูชามี ๒ อย่าง ได้แก่ อามิสบูชาและปฏิบัติบูชา อามิสบูชา คือ การบูชาด้วยวัตถุสิ่งของ มีดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องหอมอาหารหวานคาว และน้ำ เป็นต้น ส่วน ปฏิบัติบูชา คือ การตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างคุณงามความดีตามคำสอนและแบบอย่างอันดีงามของผู้ที่เราจะบูชา ซึ่งพระพุทธองค์เคยตรัสสรรเสริญไว้ว่า การปฏิบัติบูชาเป็นเลิศกว่าอามิสบูชา เพราะบุคคลใดบูชาพระรัตนตรัยด้วยการทำใจหยุดนิ่งให้เข้าถึงรัตนะทั้งสามย่อมได้ชื่อว่าทำการบูชาอันสูงสุด มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่เกินจะพรรณนาได้

     อามิสบูชาที่ทำด้วยจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในผู้มีคุณธรรมสูงสุด เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ ซึ่งเป็นผู้สะอาดหมดจดจากกิเลสอาสวะแล้ว ก็ย่อมมีอานิสงส์มหาศาลเหมือนกัน

     การที่เราบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านมหาธรรมกายเจดีย์ทุกวันเป็นประจำ จะก่อให้เกิดอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่มีประมาณทั้งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และเป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นไปตามลำดับ จนกระทั่งถึงนิพพานสมบัติ เพราะผู้ที่เราบูชานั้น ท่านสถิตอยู่ในอายตนนิพพาน เมื่อใจของเรายกสูงขึ้นในระดับนี้ ก็จะเป็นใจที่สะอาดบริสุทธิ์และผ่องใส เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญที่จะบังเกิดขึ้น

     และเนื่องจากพระพุทธเจ้าเป็นอจินไตยธรรมของพระพุทธเจ้าก็เป็นอจินไตย วิบากของผู้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าก็เป็นอจินไตยบุคคลใดมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสน้อมจิตบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้าด้วยอามิสบูชาหรือปฏิบัติบูชาก็ตาม บุญอันบริสุทธิ์ก็จะบังเกิดขึ้นกับผู้นั้นและมีผลานิสงส์มหาศาลทีเดียว จะส่งผลให้พบแต่สิ่งที่ดีงามชีวิตก็จะมีแต่ความสุขสงบร่มเย็นทั้งในภพนี้และภพชาติเบื้องหน้า ในขณะที่ยังไม่หมดสิ้นอาสวกิเลส ยังต้องท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ ก็จะเป็นผู้ที่ท่องเที่ยวอยู่แต่ในสองภพภูมิ คือมนุษยโลกและเทวโลก ขณะอยู่บนเทวโลกก็จะเต็มเปี่ยมด้วยทิพยสมบัติอันโอฬาร ดังเช่นเทพนารีผู้มีอานุภาพมากท่านนี้ ที่ได้ประสบผลบุญอันเกิดจากการบูชาพระเจดีย์ทุกวัน

 
     เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งเมื่อยังเป็นมนุษย์นางเป็นผู้ที่รักบุญมาก ไม่มีวันใดที่จะเว้นว่างจากการสร้างบุญ นางสั่งสมบุญอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ทั้งการให้ทาน รักษาศีล และอบรมจิตใจตนเองด้วยการปฏิบัติธรรม

    ครั้งนั้น นางเกิดเป็นลูกสาวของช่างทำดอกไม้ อาศัยอยู่ที่กรุงราชคฤห์ มีชื่อว่าสุนันทา เป็นหญิงที่มีศรัทธาในพระรัตนตรัยมาก ตั้งใจทำทาน รักษาศีล ปฏิบัติธรรมไม่เคยขาดจนกระทั่งบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันแม้กระนั้นก็ยังเป็นผู้ที่ไม่อิ่มในบุญเลย

     หลังจากที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พุทธบริษัททั้งหลายล้วนต้องการนำพระบรมสารีริกธาตุของพระศาสดากลับไปยังบ้านเมืองของตน เพื่อเก็บไว้สักการบูชาเมื่อนางทราบข่าวว่า พระราชาได้สร้างสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้ประชาชนได้เคารพสักการะ นางก็ตั้งใจว่า แม้พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วก็ตาม เราจะเอาบุญกับพระองค์ไม่ให้ขาดเลย นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาสุนันทาอุบาสิกานี้ก็ส่งพวงมาลัยมะลิและของหอมมากมายที่บิดาส่งมาให้ ไปทำการบูชาพระเจดีย์ทุกวันไม่เคยขาดเลย โดยเฉพาะทุกวันอุโบสถ นางจะเดินทางไปไหว้พระเจดีย์ด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ

     ใจของนางคิดแต่เรื่องบูชาพระเจดีย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ใจผูกพันและมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ต่อมา นางล้มป่วยกะทันหันและสิ้นชีวิตลง ครั้นละจากโลกก็ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในมหาวิมานที่โอฬาร วันหนึ่งเทพนารีสุนันทาได้เข้าไปยังสวนจิตรลดาอันเป็นอุทยานทิพย์และเป็นที่พักผ่อนของเหล่าเทวาทั้งหลาย
 
 

     ตามปกติ ความอลังการของสวนทิพย์นี้ จะมีรัศมีแห่งดอกไม้ทิพย์รุ่งเรืองสว่างไสวเปล่งประกายนวลไปทั่วอาณาบริเวณ เมื่อเหล่าเทพบุตรเทพธิดาเข้ามาสู่สวนจิตรลดานี้แล้วจะถูกรัศมีของดอกไม้ทิพย์ที่มีสีสันอันวิจิตรพิสดารนั้นครอบงำ บดบังรัศมีจากเรือนกายอย่างสิ้นเชิง แต่ทันทีที่เทพนารีสุนันทาเดินเข้ามาในสวนทิพย์ รัศมีของดอกไม้ทิพย์นั้นกลับไม่สามารถบดบังรัศมีจากเรือนกายของเทพนารีสุนันทาเลยแม้แต่นิดเดียว รัศมีของนางยังคงสว่างไสวดังเดิมมิเปลี่ยนแปลงเลย

     ท้าวสักกเทวราชจอมเทพเกิดความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก จึงถามเทพนารีสุนันทาว่า “ดูก่อนเทพธิดาผู้มีนัยน์ตางดงาม เธอชื่ออะไรจึงมีอานุภาพมากอย่างนี้ มีหมู่นางฟ้าแวดล้อมเดินวนเวียนอยู่ในสวนจิตรลดาอันแสนรื่นรมย์รัศมีของเธอสว่างไสวไปทั่วสวนจิตรลดาแสงสว่างของสวนไม่ได้ปรากฏเลยแม้นิดเดียวรัศมีของเธอมาข่มแสงสว่างของสวนนี้ ดูก่อนเทพธิดาผู้รุ่งเรือง นี้เป็นเพราะผลบุญอะไร”

     เทพนารีสุนันทาทูลตอบว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ ครั้งเมื่อหม่อมฉันเป็นมนุษย์ชื่อว่าสุนันทา เป็นอุบาสิกาอยู่ในกรุงราชคฤห์อันน่ารื่นรมย์ ถึงพร้อมด้วยศรัทธาและศีล ยินดีในการแจกจ่ายทานทุกเมื่อ มีใจเลื่อมใสในหมู่สงฆ์ผู้ปฏิบัติตรงต่อพระนิพพานได้ถวายผ้านุ่งห่ม ภัตตาหาร เสนาสนะ ประทีปทั้งได้รักษาอุโบสถตลอด ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และ ๘ ค่ำแห่งปักษ์ เป็นผู้ที่สำรวมในศีลห้าเป็นนิจเว้นจากการฆ่าสัตว์ จากการเป็นขโมย จากการประพฤตินอกใจ จากการพูดเท็จ ไกลจากการดื่มน้ำเมา และที่ยิ่งไปกว่านั้น หม่อมฉันได้ส่งดอกไม้ไปบูชาที่พระสถูปทุกวันไม่ขาดเลยอีกทั้งยังหาโอกาสไปบูชาด้วยตนเองในวันอุโบสถ ด้วยบุญนี้ทำให้หม่อมฉันมีอานุภาพและด้วยบุญที่บูชาพระเจดีย์ทุก ๆ วัน ทำให้หม่อมฉันได้บรรลุธรรมเป็นพระสกทาคามีก่อนมาบังเกิดในดาวดึงส์พิภพแห่งนี้”
 

     ท่านสาธุชนผู้มีบุญทั้งหลาย อานิสงส์แห่งการบูชาพระเจดีย์ซึ่งเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ แล้วส่งใจไปถึงพระรัตนตรัย ถึงพระพุทธเจ้าแม้เสด็จดับขันธปรินิพพานนานแล้ว ถึงพระธรรมคำสอนอันบริสุทธิ์ ถึงพระสงฆ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ การบูชาบุคคลผู้ควรบูชาเช่นนี้มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ไพศาล จะอำนวยประโยชน์ทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตระ เมื่อเกิดในโลกนี้ก็จะเต็มเปี่ยมด้วยโลกิยสมบัติ ยิ่งไปกว่านั้นก็จะทำให้เข้าถึงโลกุตรสมบัติ คือบรรลุธรรมได้โดยง่าย ดังเทพนารีสุนันทาผู้นี้
 
     ดังนั้น ขอให้ทุกท่านหมั่นบูชามหาธรรมกายเจดีย์ ทั้งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาทุกวัน เพื่อส่งใจไปถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้านับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วนในอายตนนิพพานบุญอนันต์จะได้บังเกิดขึ้น ส่งผลให้สมบูรณ์ด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ทั้งที่เป็มนุษย์สมบัติและสวรรค์สมบัติไปทุกภพทุกชาติตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรม
 
บทความที่เกี่ยวข้อง....
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/top_of_week/อานิสงส์บูชาพระเจดีย์ทุกวัน.html
เมื่อ 25 เมษายน 2567 23:12
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv