ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร แพทย์หญิง ลำพู โกศัลวิทย์ (ประเทศไทย)
                                                                                               
12 ตุลาคม พ.ศ.2550
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพสูงสุดเจ้าค่ะ
 
 
    ลูกชื่อ แพทย์หญิงลำพู โกศัลวิทย์ อายุ 33ปี ลูกเพิ่งเข้าวัดพระธรรมกายได้ 7เดือนค่ะ หลังจากที่ได้ดู DMC เมื่อกลางปี พ.ศ.2549 แรกๆที่เปิดเจอช่อง DMC ลูกบอกตัวเองว่า “ไม่เอา เขาว่าวัดนี้ไม่ดี” แต่อีกใจหนึ่งคิดว่า “สวดมนต์ตามเขาไม่เป็นไรหรอก” และพอได้ฟัง พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว เทศน์เรื่องศีล ลูกก็เกิดแรงจูงใจที่จะรักษาศีล5 ให้บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นทุกวัน จนตลอดชีวิต
 
    เมื่อได้ดูรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา จึงได้รู้จักกับคุณครูไม่ใหญ่ แรกๆลูกดูไป คิดตามไปอย่างจับผิด ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูดเสร็จ ลูกก็จะไปค้นคว้าพระธรรมเพิ่มเติม แต่กลับยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจในเจตนาและมโนปณิธานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และเข้าใจว่า “วัดนี้มิได้เป็นอย่างที่เขาว่ากัน” แต่ช่วงแรกศรัทธายังไม่เกิด จึงไม่กล้านั่งสมาธิแบบธรรมกาย เพราะคิดว่า การนั่งสมาธิเราต้องมีครู ไม่ควรนั่งเอง
 
    ในอดีต ลูกได้เริ่มหัดนั่งสมาธิแบบอนาปานสฺสติ (อะ-นา-ปา-นัด-สะ-ติ) เมื่อราวเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2549 เพราะได้ไปบวชเนกขัมมะ 2วัน ผลจากการนั่งสมาธิทั้ง 2วันนั้น ลูกทั้งเป็นเหน็บ เมื่อย ฟุ้งยิ่งกว่าฟุ้ง แล้วก็มืดไปหมด แถมปวดตาและง่วงอีกด้วย ทำให้ลูกรู้สึกว่า ช้าและไม่ได้อะไร จึงลองเพ่งเปลวเทียนในระดับความสูงเท่าใบหน้าดูดีกว่า ร่วมกับบริกรรม “พุทโธ” ลูกรู้สึกว่า จิตของเราแท้จริงแล้วมันกวัดแกว่ง คอยแต่จะวิ่งหนีจากศูนย์ ซึ่งคือเปลวเทียนอยู่ตลอดเวลา แต่ลูกไม่ได้นั่งสมาธิแบบนี้ทุกวัน หรือนั่งแบบใดอย่างต่อเนื่อง เพราะลูกยังเหมือนคนที่กำลังเสาะหาครู...แผ่นดินกว้างใหญ่ จะหาครูดีได้ที่ใดกันหนอ...
 
    จนกระทั่งวันหนึ่ง ในเดือนมีนาคม พ.ศ.2550 สีของจีวรที่แพร่ภาพทาง DMC นั้น ได้ทำลายกำแพงทิฐิในใจของลูกเสียแล้ว ลูกอยากพับจีวรมาก แต่ยังกล้าๆกลัวๆที่จะมาวัดพระธรรมกาย ในที่สุดลูกตัดสินใจขับรถเข้ามาในวัดคนเดียว อย่างคนที่ไม่รู้อะไรเลย...หอฉันคุณยายอาจารย์ อยู่ที่ไหน ไปถามเอาข้างหน้าเถอะ...จึงได้เข้าวัดแต่นั้นมาค่ะ
 
    ช่วงนั้น ลูกอยากนั่งสมาธิมาก แต่กลัวจะไปผิดทาง หากทำตามคำสอนของวัดพระธรรมกาย ลูกจึงนึกคิดเอาเอง โดยรวมบุญทั้งหมดที่ได้เคยทำมาตั้งจิตอธิษฐานว่า “ขอให้ลูกปฏิบัติธรรมได้ถูกต้องตามอย่างที่พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนไว้ตั้งแต่ 2500กว่าปีก่อนด้วยเถิด” แล้วลูกก็นั่งภาวนาแบบผสมผสาน ระหว่าง อนาปานสฺสติ คือ กำหนดลมหายใจเข้าออก บริกรรม “พุทโธ” แต่กำหนดให้ลมหายใจลึกถึงศูนย์กลางกายฐานที่7 แบบธรรมกาย
 
    ทั้งๆที่การนั่งสมาธิก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีภาพใดๆ ปรากฏมาก่อนเลย แต่ผลการนั่งสมาธิในครั้งนั้น ปรากฏนิมิตเป็นพระเกจิอาจารย์มากมายสลับไปมารวดเร็วมาก แต่มีเพียงพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯเท่านั้น ที่ยืนมองดูลูกที่สวมชุดขาวกำลังนั่งสมาธิอยู่ตลอดเวลา พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯยืนกำกับเหมือนกำลังสอนอยู่
 
    ในช่วงแรก ลูกรู้สึกว่าตัวเองหมุนวนเร็วมาก-น้อย สลับกันไปมา สลับกับการเห็นองค์พระเป็นเงาๆบ้าง เป็นสีทองบ้าง เห็นรายละเอียดไม่ค่อยชัด แต่เห็นตัวเองนั่งสมาธิกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ที่ยืนกำกับได้ชัดมากๆ ต่อมามีความรู้สึกว่า มีองค์พระครอบตัว เดี๋ยวองค์พระก็อยู่ในท้อง เดี๋ยวองค์พระก็ขยายมาครอบตัว ใหญ่ๆเล็กๆเปลี่ยนเร็วมาก จนขนลุกไปหมด น้ำตาไหลพรากตลอด หยุดไม่อยู่เลยค่ะ
 
    ลูกไม่ได้เศร้า แต่กลับเป็นความซาบซึ้ง ในมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ อย่างเกินกว่าจะกล่าวคำใดๆได้ เหมือนตัวเองหมุนควงและกำลังโดนพาดิ่งไปที่ไหนก็ไม่รู้ ลูกรู้สึกกลัวผีมาก (แม้จะเป็นหมอก็ตามค่ะ) เลยเกิดเอะใจ จึงลืมตาออกจากสมาธิทันที ปรากฏว่านั่งได้ 1ชั่วโมงรวด อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน วันต่อมา ตั้งแต่ตื่นนอน ไม่ว่าลูกจะไปไหน ทำอะไร จะมีองค์พระเป็นสีทอง ที่เห็นเมื่อคืนอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่ชัดนักก็ตาม และใจของลูกก็ยังคงนิ่งสงบมากเจ้าค่ะ
 
 
    นับตั้งแต่วันนั้น ลูกนั่งสมาธิทุกวันเจ้าค่ะ เข้าถึงองค์พระได้ง่ายขึ้น บ่อยครั้งที่หลับตาปุ๊บองค์พระก็มา จนลูกต้องปัดๆ แกล้งทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจ เพราะกลัวติดนิมิต แต่สักพักองค์พระท่านก็มาอีก แม้แต่ลืมตาขึ้นมา ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดๆ ลูกก็ยังคงเห็นองค์พระอยู่          
 
    ลูกมีประสบการณ์ เห็นองค์พระหลายๆขนาดเจ้าค่ะ ตั้งแต่ใหญ่กว่าโลก บางทีองค์พระท่านก็เล็ก  บางทีพอดีกับท้องของเรา สีสันของท่านก็เปลี่ยนไปตามแต่ใจของเราในวันนั้นๆ วันไหนใจสงบก็เป็นแก้วประกายพรึก สวยงามมาก หากกังวลเรื่องงานมาก ทำอย่างไรท่านก็ไม่มา แถมปวดหัวด้วยเจ้าค่ะ  แต่เมื่อใจสงบ แค่หลับตาท่านก็มา  หรือลืมตาก็เห็นว่า ท่านอยู่ บางครั้งยังชัดกว่าตอนหลับตาเสียอีก
 
    บางครั้งรู้สึกว่า เราเห็นท่านได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บางครั้งภาพนิมิตเหล่านี้ก็ลอยอยู่ระดับใบหน้าเจ้าค่ะ เมื่อนึกได้อย่างนี้ พอมองไปที่ท้อง ก็เห็นอยู่ที่ท้อง...ตกลงท่านอยู่ถูกตำแหน่งหรือเปล่า....เรานั่งถูก...เห็นถูกหรือเปล่า...เมื่อใจเริ่มเกิดคำถาม ท่านก็จะหายไป ลูกต้องรีบเตือนตัวเองว่า หยุด...หยุด...หยุด...แล้วก็หยุด แล้วเริ่มใหม่แบบเด็กหัดเดิน
 
    การปฏิบัติธรรม ทำให้ความดื้อ และความช่างสงสัยของลูกลดลง รู้เท่าทันอารมณ์ของตน และสุขุมมากขึ้น ทำให้เกิดความสุขสงบภายในใจ และ อยากบอกให้คนอื่นๆนั่งสมาธิอย่างเรา
 
    ลูก อยากจะขอฝากถึงนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทั่วโลก ว่า “การเป็นคนว่ายาก ไม่ดีเลยค่ะ” ในโลกนี้มีสิ่งต่างๆอีกมาก ที่เรายังไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็อย่าเพิ่งตัดสินว่า ดีหรือไม่ดี จงใช้การพิจารณาแบบกาลามสูตรดูก่อนเถิด มันเป็นจริงดังคำกล่าวของคุณครูไม่ใหญ่ที่ว่า “พวกเขาไม่รู้ว่า ตัวเองยังไม่รู้” ลูกขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ ของคุณครูไม่ใหญ่ ที่ได้มอบธรรมโอสถ เป็นยารักษา คนดื้อ คนช่างสงสัยอย่างลูก ให้กลายเป็น คนช่างมันเถิด 
 
    ลูกขอกราบอโหสิกรรมทุกอย่าง จากใจในสิ่งที่ลูกเคยดื้อ คิด พูด ทำในสิ่งที่ไม่ดีต่อคุณครูไม่ใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ เดิมลูกคิดว่า เมื่อเราฝากตัวเป็นศิษย์ของใคร ท่านจะเป็นครูของเราชั่วชีวิต แต่ตอนนี้ลูกคิดใหม่ว่า หากครูซึ่งเป็นผู้ให้ความเห็นแจ้งในธรรม ซึ่งประมาณคุณมิได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเทิดทูนท่านไว้ให้เป็นครูบาอาจารย์ของเราไปทุกภพทุกชาติ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ
 
แพทย์หญิงลำพู โกศัลวิทย์
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Thailand_Lumpu.html
เมื่อ 14 มิถุนายน 2567 14:03
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv