ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตรโยฮัน ยาโคบ (ประเทศฝรั่งเศส)
 
    ผมชื่อ โยฮัน ยาโคบ ครับ คุณพ่อคุณแม่ของผมเป็นชาวเยอรมันทั้งคู่ แต่ผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฝรั่งเศส ชีวิตที่ผ่านมา ผมทำงานหนักมาตลอด ตอนนี้จึงตัดสินใจหยุดงาน เพราะผมเห็นแล้วว่า การหาเงินมันไม่ใช่เป้าหมายของชีวิต ไม่ใช่เรื่องเจริญใจ แล้วก็ไม่สำคัญด้วย ดังนั้น ผมจึงขอเกษียณก่อนกำหนด และตัดสินใจมาพักผ่อน หันมาดูแลครอบครัว ผมอาศัยอยู่ที่ภูเก็ตได้ 6ปีแล้วครับ และเนื่องจากผมเคยเป็นกัปตันขับเรือใบ วันว่างที่ภูเก็ต ผมจึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการขับเรือใบล่องไปในทะเลอันเงียบสงบ และกว้างใหญ่ไพศาลครับ
 
    สาเหตุที่ผมได้มาปฏิบัติธรรมนั้น เพราะแต่ก่อนผมเคยมีความฝัน อยากย้ายไปอยู่บนเกาะครับ อยากเปลี่ยนแปลงธุรกิจของตัวเอง อยากจะทำโน่นทำนี่ให้ชีวิต แม้ต่อมา ผมจะได้ย้ายจากแผ่นดินใหญ่ของฝรั่งเศส ไปอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งชื่อ รียูเนียน และได้ทำทุกอย่างตามที่ตั้งใจไว้ แต่ใจของผมก็ยังไม่เคยสงบเลย ยังมีเรื่องโน่นเรื่องนี่วนเวียนเข้ามาให้ต้องคิด ทั้งโครงการต่างๆอีกหลายอย่าง เหมือนวงจรที่ไม่มีวันจบ คราวนี้ ผมเริ่มไม่พอใจกับสิ่งที่ผมเป็น และเกิดคำถามว่า “เจ้าวงจรนี้มันคืออะไร” นี่เป็นเหตุจูงใจ ให้ผมหันมาศึกษาศาสตร์แห่งปรัชญาชีวิต จนต่อเนื่องมาถึงการนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม เพื่อค้นหาคำตอบที่จะยุติวงจรอันวุ่นว่ายนี้ให้ได้
 
    ช่วง 4ปีหลังของการใช้ชีวิตที่ภูเก็ต ผมเสาะแสวงหาหนทางต่างๆมากมาย ได้อ่านหนังสือปรัชญาชีวิตหลายเล่ม ทั้งจิตวิทยา ตรรกวิทยา ฝึกโยคะ เดินจงกรม และฝึกนั่งสมาธิแบบกำหนดลมหายใจ ซึ่งผมก็ชอบ เพราะว่ามันได้ความสงบครับ เหมือนกับแก้วน้ำที่มีน้ำสกปรกอยู่เต็ม เมื่อผมวางแก้วนั้นลงด้วยการนั่งสมาธิ น้ำก็จะค่อยๆตกตะกอนลง สมองและจิตใจของผมก็มีความปลอดโปร่ง สุขและสบายเอามากๆ
 
    อยู่มาวันหนึ่ง ผมอ่านเจอคอลัมน์เล็กๆในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ชื่อ ภูเก็ตการ์เซ็ท แจ้งเชิญชวนผู้สนใจไปร่วมปฏิบัติธรรม ในโครงการ The Middle Way ซึ่งจัดทุกบ่ายวันอาทิตย์ที่สามของเดือน ณ ร้านอาหารริมสวนแห่งหนึ่งในตัวเมืองภูเก็ต ผมไม่รอรี เข้าไปร่วมฝึกสมาธิกับโครงการ The Middle Way ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2550 แล้วผมก็ได้พบว่า การฝึกของที่นี่ ง่ายกว่าการฝึกกำหนดลมแบบที่ผมเคยปฏิบัติมา แค่ฝึกปล่อยวางความคิด และเรื่องราวทั้งปวงที่มันผ่านเข้ามาในความคิดเท่านั้น ใจเราก็จะสงบสบายได้อย่างอัศจรรย์
 
    ตอนนี้ ผมได้พบแล้ว วิธีตัดวงจรแห่งความวุ่นวายในชีวิต ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่หยุดความคิดทั้งหลาย วางใจและสติเบาๆลงไปที่ศูนย์กลางกาย แล้วเรื่องราวทั้งหลายก็หยุดลงเองครับ สมาธิ ทำให้ผมเข้าถึงความสงบภายใน แล้วความสงบนี้ก็ไม่เคยจากผมไปไหนอีกเลย
 
    หลังจากมาฝึกสมาธิที่ภูเก็ตต่อเนื่องเกือบทุกเดือน ผมก็ตัดสินใจมาวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรก เพื่อร่วมงานวันทอดกฐินในเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2550 ที่ผ่านมา แล้วจากนั้น ผมจึงได้สมัครมาร่วมปฏิบัติธรรมกับโครงการ The Middle Way ในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ.2550 อีกครั้ง ที่สวนป่าหิมวันต์ จังหวัดเลยครับ
 
    เมื่อผมเดินทางมาถึงสวนป่าหิมวันต์ ก็ต้องประทับใจกับธรรมชาติที่สวยงาม มีต้นไม้รายล้อม ไร้เสียงรบกวน ทำให้ฝึกสมาธิได้ง่าย และได้ผลดีมาก แค่ปล่อยร่างกายสบายๆ ด้วยการหายใจ และผ่อนคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้าทีละส่วน แล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อร่างกาย เริ่มจากบนลงล่าง
 
    เมื่อทุกส่วนผ่อนคลายทั้งหมดแล้ว ผมก็เริ่มปล่อยใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย ผมวางใจไว้ที่นั่นแล้วนึกภาพวัตถุสว่าง เป็นวัตถุทรงกลม ขนาดเล็กกว่าฟองไข่ไก่ จากนั้นผมก็เห็นแสงสวยๆ คล้ายแสงตะวันแต่ไม่ได้เป็นสีขาว เป็นแสงอุ่นๆสีเหลืองแผ่ออกมา ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอันแสนสบายนี้ ผมอยู่กับมันตรงนั้น รู้สึกดี ไม่ต้องการอะไรอีก ช่วงเวลานั้นเป็นอะไรที่สงบมากๆ เพลิดเพลิน ตอนที่หลวงพี่กล่าว “สัพเพ...” เพื่อจบการปฏิบัติธรรม ผมยังไม่อยากเลิกเลยครับ ก็เลยนั่งต่อไปอีกสัก 5นาทีโดยอัตโนมัติ
 
    ผมพอใจกับผลการปฏิบัติธรรมมาก เพราะได้ทั้งความสงบสบาย และนิ่งเบา อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้ถึงปัจจุบันนี้ ผมก็ยังสามารถรักษาอารมณ์สงบสบายนั้นไว้ได้อย่างต่อเนื่องครับ
 
    ผมปลื้มใจและมีความสุขมากที่ได้พบกับสมาธิ ก่อนนี้แม้ผมจะนอน 8-9ชั่วโมงก็ยังรู้สึกว่านอนไม่พอ แต่ตอนที่ผมฝึกปฏิบัติธรรม ผมเรียนรู้แล้วว่า แม้ชั่วโมงในการนอนจะน้อยลง แต่กลับเพียงพอต่อร่างกาย ณ ที่แห่งนี้ ผมมีความสุขดีกับการนอนเพียงแค่ 5ชั่วโมงต่อคืน ผมตื่นได้อย่างสดชื่น ไม่เหนื่อยล้าสักนิด การนั่งสมาธิ ช่วยสร้างพลังและนำความสดชื่น เบิกบาน อิสระ ปลอดโปร่ง แสนสบาย มาสู่ผมจริงๆ
 
    ตอนนี้ ผมได้รับการพัฒนาให้เป็นคนที่ดีกว่าเดิมแล้ว ผมมีความสุข ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ปีหนึ่งอาจจะมีสัก 1, 2 หรือ 3ครั้ง ไม่เกินนี้ ที่ผมจะโมโหอะไรสักอย่างครับ มาปฏิบัติธรรมคราวนี้ ผมมากันเป็นครอบครัว ผมพาลูกชาย 2คน และเพื่อนสาวของลูกชาย มาปฏิบัติธรรมด้วยกันครับ
 
ลูกชายคนโต ชื่อ มาลอน (Malon) อายุ 19ปี
ลูกชายคนรอง ชื่อ แอนโทนี่ (Anthony) อายุ 18ปี
เพื่อนสาวของลูกชายคนโต ชื่อ แคลร์ (Claire) อายุ 18ปี
 
    จริงๆแล้ว ผมมีลูก 5คนครับ กำลังศึกษาและทำงานอยู่ที่ฝรั่งเศส เราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ลูกชายทั้งสองคนและเพื่อนสาวก็มาปฏิบัติธรรมกับผมครั้งนี้ด้วยความเต็มใจ ผมคิดว่า การชวนใครสักคนมาปฏิบัติธรรม มันเป็นของขวัญที่เลอค่าที่สุดที่เราจะมอบให้คนที่เรารัก
 
    เราปฏิบัติธรรม 7วันด้วยกันที่นี่อย่างอบอุ่น แม้ตอนนี้ลูกๆจะกลับฝรั่งเศสไปแล้ว แต่ผมก็อุ่นใจได้ว่า ธรรมปฏิบัติที่เขาได้ศึกษา จะเป็นเสมือนวัคซีน คอยปกป้องคุ้มกันเขาให้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและมีความสุข
 
    มันช่างเป็นเรื่องยากเย็นเหลือเกิน สำหรับคนเราที่จะเข้าถึงความสุขที่แท้จริงในชีวิต แต่การนั่งสมาธิเป็นวิธีง่ายๆ ทว่าทรงคุณค่าและสามารถนำพาเราไปสู่สันติ ยุติปัญหาและความวุ่นวายทุกอย่าง ทุกคนฝึกสมาธิได้ เพียงแค่ทำความเข้าใจและลองทำดู ถ้าไม่ชอบก็เพียงแค่เลิกทำ แต่อย่างน้อยให้เปิดใจและทดลองดูก่อน แล้วทุกคนจะสามารถรับรู้ และพิสูจน์ได้เองว่า สมาธิมีคุณประโยชน์นานัปการเพียงใด
 
    ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมีพื้นฐานอย่างไร จะมาจากแอฟริกา ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์ มุสลิม ฮินดู ก็ไม่สำคัญ ขอแค่เป็นมนุษย์ ย่อมสามารถค้นพบสันติภาพ ความสงบและความสุขได้ ผมอยากให้ตัวผมมีความสุข และอยากให้ทุกๆคนรอบตัวมีความสุขไปด้วย มิเช่นนั้นผมคงมีความสุขไปไม่ได้ครับ
 
    สุดท้ายนี้ ผมขอฝากถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า ทุกๆโครงการที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้มีดำริจัดทำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเผยแผ่ธรรมะ พัฒนาคุณธรรมจริยธรรม หรือการเผยแพร่การนั่งสมาธิต่อเพื่อนมนุษย์ โดยไม่แบ่งแยกศาสนาและเผ่าพันธุ์ ล้วนเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ต่อมวลมนุษยชาติ ผมขอเป็นกำลังใจให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อและทีมงานทุกคน ในการรังสรรค์ พัฒนาและเดินหน้าต่อไป อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยหรือย่อท้อ ขอให้การเผยแผ่ธรรมะและการสอนสมาธิได้กว้างไกลไปทุกหย่อมหญ้าบนโลกนี้ เพื่อความสุข สงบ และสันติภาพแห่งโลกที่แท้จริง
 
ขอกราบนมัสการด้วยความเคารพยิ่งครับ 
 
กัลยาณมิตรโยฮัน ยาโคบ
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/France_Yohan.html
เมื่อ 1 พฤษภาคม 2567 12:23
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv