ผลการปฏิบัติธรรม 
ของ 
กัลยาณมิตร วงศ์จันทร์ บัวแพง (ลาว)
 
 
    ลูกชื่อ กัลยาณมิตรวงศ์จันทร์ บัวแพง อายุ 40 ปี จากจังหวัดกำแพงนคร ประเทศลาว  ปัจจุบันเป็นแม่บ้าน  ส่วนสามีประกอบอาชีพค้าขาย และก่อสร้างค่ะ ตอนเด็กๆลูกทำบุญตามผู้เฒ่าผู้แก่เป็นประจำ แต่ไม่รู้จักการนั่งสมาธิเลย จนกระทั่งได้เจอกัลยาณมิตรครั้งแรก คือกัลยาณมิตรวงศ์วาลี และกัลยาณมิตรมะนาว มาคุยเรื่องธุรกิจ แล้วก็ต่อท้ายด้วยการชวนไปวัดซึ่งคนลาวเรียกว่า “ไปจำศีล” ลูกก็ไปเลยค่ะ
 
    ลูกมาวัดพระธรรมกายครั้งแรก เมื่อ เดือนธันวาคม พ.ศ.2547 พอมาถึงวัดแล้ว ลูกรู้สึกว่า “เป็นไปได้ไง ทำไมใหญ่ขนาดนี้ แสดงว่าท่านเจ้าอาวาสต้องมีบารมีมาก” และพอเห็นหลวงพ่อครั้งแรกนึกว่าอายุ 40 ปี ผิวผ่องใสมาก คนเฒ่าคนแก่บอกว่า “ถ้าพระองค์ไหน มีศีลมาก ผิวจะผ่องใส” ลูกจึงติดใจมาวัดตั้งแต่บัดนั้นค่ะ
 
    ในครั้งแรกที่มานั้น มีคนบอกว่า “เดี๋ยวจะการมีไปปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่” ลูกเห็นว่าพอมีเวลา จึงขึ้นไปปฏิบัติธรรมต่อที่สวนพนาวัฒน์ ไปแล้วรู้สึกดีมาก เงียบสงบเป็นส่วนตัว ช่วงนั้นเริ่มนั่งครั้งแรก ก็ยังไม่มีประสบการณ์อะไรมากนัก บางครั้งแค่รู้สึกตัวเบาๆลอยๆ ฟุ้งเสียเป็นส่วนมาก
 
    แต่หลังจากที่กลับจากสวนพนาวัฒน์บุญบันดาลให้ลูกได้ชมรายการ DMC และนั่งสมาธิตามเสียงหลวงพ่ออย่างสม่ำเสมอ พอเริ่มนั่งสมาธิลูกก็จะวางใจสบายๆ นึกถึงศูนย์กลางกายและนึกถึงองค์พระ ซึ่งลูกก็นึกได้ค่ะ เห็นองค์พระขนาดเท่าองค์พระธรรมกายประจำตัว เป็นองค์สีทอง อยู่ที่กลางท้อง พอเห็นแล้วก็รู้สึกมีความสุขและอบอุ่นใจ เหมือนมีที่พึ่งในตัว
 
    เมื่อก่อนเวลาไปไหนมาไหนต่างถิ่น ลูกจะเป็นคนกลัวผี หรือถ้าต้องไปพักในโรงแรมด้วยแล้ว บรื๊อ...ขนลุกไม่เป็นอันหลับอันนอนค่ะ ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กอะไรก็สะดุ้ง แม้แต่จิ้งจกร้องยังรู้สึกหนาวยะเยือก ต้องนอนคลุมโปง เพราะไม่รู้ว่าจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญโผล่มาเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้รู้สึกธรรมดาค่ะ หากจะต้องไปพักค้างอ้างแรมที่ไหน ก่อนจะนอนลูกก็นึกถึงองค์พระ นึกแล้วก็อบอุ่นใจเหมือนมีองค์พระเป็นเพื่อน และนึกถึงคำหลวงพ่อที่บอกว่า “ผีเป็นแค่ภุมมเทวาเท่านั้น” เรามีบุญมากกว่าตั้งเยอะ นึกแล้วก็หลับสบายค่ะ
 
    ตอนนี้รู้แจ้งแล้วว่าศีล 5 ปฏิบัติยังไง เพราะก่อนนี้เรารู้จำแต่ไม่รู้ทำ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เลยเข้ากลุ่มเพื่อน ดื่มเหล้า เล่นไพ่ แต่เมื่อได้เข้าวัดและฟังหลวงพ่ออธิบายเรื่องนรก ขุม 5 ลูกก็เลยหยุด กลัวตกนรก อยากได้บุญมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นในชาติหน้า  
 
    เมื่อปีที่แล้ว พ.ศ.2548 มีงานทำบุญอุทิศให้พี่สาวที่เสียชีวิตไป ลูกก็กำชับไม่ให้เอาเหล้าเข้าไปในงาน เพราะเราทำบุญ ต้องเป็นบุญล้วนๆไม่อยากให้มีน้ำนรก คนก็ชมค่ะว่า “ทำได้อย่างนี้ดี นี่เป็นงานแรกของหมู่บ้าน เป็นตัวอย่างที่ดีเลยนะ”ซึ่งลูกก็ภูมิใจค่ะ เพราะเหตุที่คิดทำอย่างนี้ได้เพราะครูไม่ใหญ่สอนมาดีค่ะ
 
    สามีของลูกชื่อ สมนึก อินทวงศ์ อายุ 64 ปี เขาก็ปฏิบัติธรรมตลอด ทั้งเช้าและเย็น เพราะความที่เป็นโรคเกาต์ พอนั่งสมาธิมักจะปวดจนคิ้วขมวด ต่อมาก็พยายามปรับจนสามารถนั่งได้สบายขึ้น แต่ใจก็เร่ร่อนไปโน่นมานี่ตลอด ลูกจึงบอกเขาว่า “ต้องนึกอะไรเป็นที่ยึดของใจสิ” เขาก็พยายามทำตามค่ะ จนตอนนี้นึกถึงหน้าหลวงพ่อที่กลางท้องได้แล้วค่ะ เขาบอกลูกว่า “ตอนนี้ผมมีภาพหลวงพ่อติดอยู่ในใจตลอดเวลา”
 
    แต่ก่อนเขาจะมีนิสัยใจร้อนไม่ยอมคน ทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ แค่เรื่องระดับไม้จิ้มฟัน แต่ก็สรรหามาทะเลาะกันได้บ่อยมาก ไม่ควบคุมสติ ไม่มีเหตุผล และเมื่อก่อนชอบเที่ยว ชอบดื่ม ไปนอกบ้านบ่อยมากทุกวัน แต่ละวันลูกก็กำชับทุกครั้งว่า “อย่ากลับดึกนะ” เขาก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า “ไม่ดึกหรอกขอสัญญา” แล้วก็ไม่ดึกจริงๆค่ะ กลับสว่างตลอดเลย
 
    แต่ตอนนี้เขาไม่ไปไหนแล้ว  มีเวลามาดูแลซึ่งกันและกัน เป็นห่วงเป็นใยกันมากขึ้น เหมือนเป็นบุญที่สร้างกันมา คงทำบุญมาด้วยกัน ต้องเทคแคร์กันดีๆ เดี๋ยวนี้ไม่ทะเลาะกันเลย ไม่ใจร้อน มีสติ
 
    ปัจจุบันคนที่เมืองลาว สามารถรับชมรายการ DMC ผ่านดาวเทียมได้ง่ายๆ เป็นบุญของลูกๆที่นี่ค่ะ เพราะบริษัทดาวเทียมหลายๆบริษัท มีบริการช่อง DMC จึงมีหลายคนสามารถปรับจูนทีวีได้ และบางคนเปิดพบโดยบังเอิญก็มากค่ะ มักจะเรียกกันว่า “ช่องพระ” พวกลูกที่นี่ชอบดูรายการ DMC มาก ทำให้มีความรู้และแรงบันดาลใจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น กราบขอบพระคุณหลวงพ่อค่ะ พวกลูกฮักคุณครูบ่ใหญ่หลายๆเด้อ 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Laos_Wongchan.html
เมื่อ 16 พฤษภาคม 2567 02:07
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv