การดูแลตัวเองเมื่อท้องเสีย

 
 

             วันหนึ่งมีพนักงานครัวของวัดสิบกว่าคน

 
 
                            
 
         เกิดอาการท้องเสีย...
 
        เริ่มแรก...ไม่รุนแรงนัก แต่เนื่องจากปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องจึงมีอาการหนักขึ้น  เมื่อส่งไปที่ศูนย์โรงพยาบาล หมอจึงสั่งให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดทุกคนอาการที่เรียกว่า ท้องเสีย หมายถึง ภาวะที่มีอาการถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ หรือ ถ่ายเหลวๆมากกว่า ๓ ครั้ง หรือถ่ายเป็นมูก หรือมูกปนเลือด อาจมีอาการปวดท้อง และอาเจียนร่วมด้วย
 
         อาการท้องเสียเฉียบพลัน ส่วนมากมีสาเหตุมาจากอาหารที่เป็นพิษ คือ อาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน เป็นสารพิษที่เกิดจากเชื้อโรค หรือ สารเคมี เช่น สารกันบูด ยาฆ่าแมลง เป็นต้น โดยทั่วไป ซึ่งมักจะพบว่ามีประวัติการกินอาหารร่วมกัน และมีอาการพร้อมกันหลายคน อากรเกิดขึ้นเร็วหรือช้า จะรุนแรงมากหรือ น้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณที่กิน ชนิดของเชื้อโรคและสารเคมีนั้นๆรวมทั้งความต้านทานของแต่ละคนด้วย
 
 
        สาเหตุที่พนักงานโรงครัวกลุ่มนี้ท้องเสียในวันนั้นสันนิษฐานว่า เกิดจากอาหารที่เขาไปซื้อข้างนอกวัดมากินเป็นพิษ ประกอบกับคนไข้แต่ละคนปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องคือไม่ยอมกินน้ำเลย เมื่อซักถามแล้วพบว่า เนื่องจากรู้สึกว่ามีอาการท้องเสียมากขึ้นเมื่อดื่มน้ำ ทุกคนจึงหวังเพียงจะพึ่งยาจากหมอเพียงอย่างเดียว
 
 
        ตามปกติแล้วร่างกายของคนเรา จะมีการปรับสภาพช่วยเหลือตัวเองแบบอัตโนมัติ คือถ้ากินสิ่งที่เป็นพิษเข้าไปร่างกายจะพยายามขับพิษออกทันที โดยลำไส้จะพยายามบีบตัวเพื่อขับพิษออกมา ขณะที่ลำไส้กำลังบีบตัวเพื่อขับสารพิษออกนั้น อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดมวนท้องขับถ่ายเหลวๆ หน เพื่อขับของเสียออกให้หมด
 
 
        เพราะฉะนั้น ...
 
        เมื่อท้องเสีย หากไม่มีคลื่นไส้อาเจียน หรือ มีคลื่นไส้อาเจียนแต่ไม่มาก ยังสามารถกินอะไรได้บ้าง เราจะต้องรีบดื่มน้ำเข้าไปมากๆ ถ้าให้ดีต้องเป็นน้ำผสมเกลือแร่ (ที่เขาทำเป็นซอง มีขายตามร้านขายยาทั่วไป) เพื่อทดแทนน้ำ และเกลือแร่ที่เสียไป เพราะเมื่อร่างกายขาดน้ำก็จะทำให้อ่อนเพลีย บางรายอาจถึงขั้นรุนแรงและหมดสติเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การดื่มน้ำเข้าไปได้มากเท่าไหร่ จะช่วยให้สารพิษต่างๆ ในลำไส้เจือจางลง อีกทั้งยังช่วยขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกายได้โดยเร็วอีกด้วย เมื่อของเสียถูกขับออกมาหมดอาการต่างๆ ก็จะดีขึ้นเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งยาเลย ถ้าหากมีอาการมาก เช่น ปวดมวนท้องมาก หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียนจนกินอะไรไม่ได้ เป็นต้น ในกรณีเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า จะต้องกินยาหรือฉีดยาตามการวินิจฉัยของหมอ
 
        ถ้าพวกเราสังเกตสุนัขหรือแมว ที่เริ่มมีอาการป่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร สิ่งที่มันทำคือ วิ่งไปกินหญ้าข้างบ้านหรือสนาม ทั้งๆ ที่หญ้าไม่ใช่อาหารของมันเลย หลังจากที่กินหญ้าสัก ๕ นาที ไม่เกิน ๑๐ นาที มันจะสำรอก สิ่งที่เป็นพิษในตัวมันออกมา  ไม่ว่าจะเป็นพิษที่ปนอยู่ในอาหารบูดเน่า หรือพิษจากสารเคมีก็ตาม จะถูกสำรอกออกมา จากนั้นอาการของมันจะดีขึ้น ไม่ช้าก็หายป่วย
 
         ดูสุนัขดูแมวเป็นตัวอย่างแล้ว ก็เอาเยี่ยงพวกมันได้ไม่เป็นไรหรอก เพียงแค่เอาเยี่ยงมันเท่านั้นนะ อย่าเอาอย่างมัน ในเรื่องการกิน ให้เอาเยี่ยงมันในการรักษาตนเองในยามที่เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา พวกมันไม่รู้จะไปหาหมอที่ไหน จึงต้องพึ่งตัวเองอย่างนี้
 
 
        เพราะฉะนั้น อยากฝากเราไว้ว่า เมื่อมีความผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ อย่าเพิ่งไปคิดพึ่งใคร ต้องคิดพึ่งตัวเองเป็นอันดับแรก ฝึกสาวจากผลที่เกิดขึ้นไปยังต้นเหตุ ด้วยการสำรวจตนเองด้วยการนึกทบทวนก่อนว่า สิ่งที่เราประพฤติวันนี้หรือวันอื่นๆที่ผ่านมา มีความผิดพลาดอะไรกับตัวเราบ้าง การนึกทบทวนนี้บางทีอาจจะผิดหรืออาจจะถูกก็ได้ แล้วนำไปเล่าให้หมอฟัง หมอซึ่งมีความชำนาญมากกว่าเรา จะช่วยตัดสินให้เราได้ว่า สิ่งที่เรานั้นสันนิษฐานนั้นผิดหรือถูก ใช่หรือไม่ใช่ และถ้าหมอได้ข้อมูลที่ถูกหมอก็สามารถมุ่งไปแก้ไขรักษาที่ต้นเหตุ ไม่นาน พวกเราก็หายป่วย
 
 
        ถ้าการนึกทบทวนสอบสาวเรื่องของเรา ปรากฏว่าตรงตามความเป็นจริง ก็หมายความว่า เราเองเริ่มมีความรู้มีความรอบคอบขึ้นมาบ้างแล้ว ก็จะเกิดความมั่นใจเพิ่มขึ้น และเป็นการสร้างนิสัยช่างสังเกตให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ไม่เฉพาะเรื่องสุขภาพเท่านั่น แม้ในเรื่องอื่นๆ ด้วย แล้วในที่สุดความเชื่อมั่นในตัวของเราเองก็จะเพิ่มมากขึ้น
 
         ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเรา จะร้ายหรือจะดีก็ตามพึงเอาสิ่งเหล่านนั้นมาเป็นบทฝึกหัดให้เกิดนิสัยช่างสังเกต ให้เกิดปัญญาให้รู้จักตัวเอง ถ้าสังเกตไม่ออก ก็ให้ไปขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้อย่าอาย อย่ากลัวเสียหน้า แล้วเราจะไม่เจ็บตัวเปล่า เพราะเจ็บแล้วก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้น รู้จักระวังเพิ่มขึ้น ที่เรียกว่า ผิดเป็นครู คือ จะไม่มีการเจ็บซ้ำสองในเรื่องนั้นๆ อีกต่อไป
 
 
 
                                                 
 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/สุขภาพนักสร้างบารมี/การดูแลตัวเองเมื่อท้องเสีย.html
เมื่อ 27 เมษายน 2567 03:10
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv