อยากบวชเป็นภิกษุณี
#1
โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 05:52 PM
#2
โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 07:57 PM
#3
โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 09:22 PM
แต่ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังมีหรือเปล่านะ
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#4
โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 09:57 PM
ภิกษุณีสงฆ์ ทางเถรวาทในประเทศศรีลังกาและทางมหายาน เช่น เกาหลี
เขายังถือว่า มีอยู่ครับ
แต่ภิกษุณีฝ่ายเถรวาททางสยามวงศ์ ของประเทศไทย
เมื่อว่ากันตามหลักเกณฑ์ การอุปสมบทเป็นภิกษุณี ดั้งเดิม
ถือว่าไม่มีแล้ว นะครับ
โดยส่วนตัว คิดว่า
การประพฤติพรหมจรรย์ ออกบรรพชาอุปสมบท ในพระพุทธศาสนา ทั้งบุรุษและสตรี
เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง นับเป็นวิถีชีวิตอันประเสริฐ สมควรอนุโมทนา สาธุการยิ่งครับ
เพราะมรรค ผล นิพพาน เป็นของกลาง เป็นธรรมชาติ
เป็นตถตาที่อยู่ในกลางกายของมนุษยทุกคน ทั้งบรุษและสตรี อยู่แล้ว
แต่วิถีและวิธี การออกจากกาม / การประพฤติพรหมจรรย์ / การทำพระนิพพานให้แจ้ง
นั้นมีหลายวิถีีและหลายวิธี สามารถทำได้ทั้งเพศฆราวาสและบรรพชิต ( นักบวช )
และเพศบรรพชิต เป็นเพศที่เหมาะสมที่สุด ในการออกจากกามและการบรรลุ มรรค ผล นิพพาน
ดังนั้นเจ้าของกระทู้ สามารถเลือกวิถีและวิธี ดำเนินชีวิตด้วยตัวเองได้ครับ
เช่น เป็นฆราวาส ที่รักษาศีล ๘ อย่างเคร่งครัด / ออกบวชเป็นแม่ชี ปลงผม นุ่งขาวห่มขาว
ออกบรรพชา เป็นสามเณรี ก่อน ในสายมหายาน เช่น เกาหลี ไต้หวัน หรือในประเทศศรีลังกา
หากเจ้าของกระัทู้สนใจ เรื่องการบวชเป็นภิกษุณี เชิญแวะไปที่
http://www.thaibhikkhunis.org
อย่างไรก็ตาม เจ้าของกระทู้ก็ควรทบทวน ความต้องการในชีวิต ให้รอบคอบ
เช่น ถ้าอยากออกบวช เพียงเพราะ ความทุกข์จากการครองรัก ครองเรือน
การออกบวช อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ที่ตอบสนอง ความต้ิองการที่แท้จริง ของชีวิตคุณก็ได้
#5
โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 10:01 PM
เพราะการบวชภิกษุณี จะต้อง บวชด้วย สงฆ์ ๒ ฝ่าย คือ ภิกษุ และภิกษุณี
แต่ภิกษุณี ในนิกาย มหายาน ยังมีค่ะ
ซึ่งเท่าที่ทราบมา
เวลาถามว่า ใครเป็นพระอุปปัชฌาย์ เขาจะสามารถ บอกย้อนหลังสืบต่อๆ กลับไปได้ถึงสมัย หลายร้อยปีก่อนได้เลยค่ะ (ฟังเขาเล่ามา)
เป็นอุบาสิกา ก็บรรลุธรรม ได้นะคะ
"รักษา อารมณ์ดี + อารมณ์เดียว + อารมณ์สบาย ทั้งวัน "
#6 *YTTRA*
โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 10:47 PM
#7
โพสต์เมื่อ 21 January 2008 - 11:10 PM
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#8
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 06:17 AM
#9
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 06:24 AM
#10
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 08:33 AM
#11
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 11:52 AM
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
#12
โพสต์เมื่อ 22 January 2008 - 04:16 PM
ไม่อยากเกิดอีกแล้ว ไม่อยากเวียนว่ายตายเกิด ทำผิดนิดเดียวก็ไปอบาย และต้อง
#13
โพสต์เมื่อ 23 January 2008 - 12:05 PM
มหายานกับเถรวาท ก็ำทำนองนี้แหละครับ คือ พระลูกศิษย์ สองสายที่มีแนวปฏิบัติในคำสอนของพระพุทธเจ้าบางส่วนตรงกัน แต่บางส่วนก็ต่างกัน
แต่โดยเนื้อหาหลักๆ แล้ว คือ หัวใจคำสอน ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส นี่สอนเหมือนกันครับ
การอยากไปนิพพาน เป็นเรื่องดี
การเบื่อชีวิตในสังสารวัฏ เพื่ออยากหลุดพ้น ไม่อยากเวียนว่ายอีกต่อไป เป็นเรื่องดี
แต่การเบื้อชีวิต เพราะผิดหวัง อยากจะไปให้พ้นจากสภาวะนั้นเดี๋ยวนั้น โดยไม่สนว่าจะต้องใช้วิธีการใด เช่น ฆ่าตัวตายก็ได้ ให้มันพ้นๆ ไปซะ อย่างนั้น ไม่ใ่ช่เรื่องดี แต่เป็นบาปครับ ต้องไปอบายแทน
ดังนั้น ขอให้พิจารณาใคร่ครวญให้ดี ว่าเบื่อแบบไหน ก็ให้เบื่อให้ถูกทาง แล้วหมั่นทำทาน ศีล ภาวนา ก็จะ OK ครับ
#14
โพสต์เมื่อ 24 January 2008 - 03:49 PM
เราทุกคนมีบาปกันทุกคน และเรากลัวจะประมาททำบาป ความผิดเล็กน้อยก็ไปอบายได้ และเคยอ่านเรื่องของเทพบุตรองค์หนึ่ง จากสวรรค์ก็สามารถมาอบายได้ เป็นพญานาคก็ไม่ดีบรรลุธรรมไม่ได้ เป็นแค่กึ่งเทพกึ่งสัตว์ เป็นเทวดานางฟ้า เรากลัวอยู่นานไป และด้วยความสบายเกิน มันจะทำให้เราประมาท อยู่กับความสบาย เป็นคนก็อยากบำเพ็ญบรรลุอรหันต์
จะได้ไม่ต้องเกิด ความเกิดก็เป็นทุกข์
#15
โพสต์เมื่อ 25 January 2008 - 05:07 PM
1. ฉันทะ อยากที่จะประสบความสำเร็จในเป้าหมายนั้นๆ ซึ่งตอนนี้คุณอยากพ้นวัฏฏะ อยากไปนิพพาน เรียกว่า มีฉันนะ เรียบร้อยแล้ว แต่มีแค่ฉันนะ แล้วสำเร็จได้มั้ย คำตอบคือ ไม่ได้ ต้องมีคุณธรรมอีก 3 ข้อ คือ
2. วิริยะ พากเพียรที่จะทำให้ไปสู่เป้าหมาย ได้แก่ ทำทาน ศีล ภาวนา อย่างยิ่งยวด ทำทุกวัน ไม่ขาดแม้ในวันเดียว ไม่หวั่นไหวในอุปสรรคใดๆ
3. จิตตะ ใจจดจ่อ ตั้งใจที่จะไปนิิพพาน ไม่คิดเบนเข็มแวะไปไหน
4. วิมังสา ฉลาดในวิธีการ ตัวนี้แหละ เป็นตัวสุดท้ายที่จะช่วยให้ไปได้สำเร็จ บางคนมีฉันทะ วิริยะ จิตตะ แต่ไม่มีวิมังสา คือ ดำเ้นินชีวิตอยู่ด้วยความท้อใจ ไม่ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา แต่อยากไปนิพพาน อย่างนี้ก็จะไปไม่ได้ครับ
#16
โพสต์เมื่อ 27 January 2008 - 01:24 PM
#17
โพสต์เมื่อ 03 September 2008 - 01:25 PM
อย่างนี้เหมือนสร้างความสับสนเหมือนกันนะ
#18
โพสต์เมื่อ 03 September 2008 - 07:28 PM