Jump to content


Photo
- - - - -

บูชาพุทธะ พบพระภายใน


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
No replies to this topic

#1 kuna

kuna
  • Members
  • 780 posts
  • Gender:Male

Posted 09 February 2006 - 10:49 AM

[attachmentid=2149]

ผู้ใดพึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ยังดำรงพระชนม์อยู่ก็ดี พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดผักกาดของพระพุทธเจ้าแม้นิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตอันเลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน บุญก็มีผลมากเสมอกัน

นับจากก้าวแรกของชีวิตที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์จนถึงปัจจุบัน หากเราย้อนความทรงจำไปในอดีต เราจะพบทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีที่ทำผ่านมา ถ้าเป็นสิ่งที่ดีก็ทำให้จิตใจเบิกบานสดชื่น หรือเราอาจรู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำที่ไม่ดีของเราเอง ดังนั้น ถ้าพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว หากพบว่าสิ่งใดเป็นบาปอกุศล ก็ให้ตัดทิ้งไป คงไว้แต่ความดี นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราจะสร้างแต่ความดีเพื่อพบสุขในบั้นปลาย ดีกว่าตามรอยกิเลส แล้วเสวยทุกข์ในวันข้างหน้า ขอให้เราอดทนก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งความดี พร้อมกับหมั่นทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย สักวันหนึ่ง เราจักก้าวถึงบันไดขั้นสูงสุด ได้บรรลุถึงฝั่งแห่งพระนิพพานอันเป็นเอกันตบรมสุขอย่างแน่นอน
มีวาระพระบาลีใน ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน ว่า
“ผู้ใดพึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ยังดำรงพระชนม์อยู่ก็ดี พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดผักกาดของพระพุทธเจ้าแม้นิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตอันเลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน บุญก็มีผลมากเสมอกัน”
การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือเป็นการบูชาอันสูงสุด เพราะพระองค์เป็นสุดยอดของบรรดาผู้ควรบูชาทั้งหมด เสมือนเขาพระสุเมรุเป็นประมุขของบรรพตทั้งหลาย ดวงสุริยาเป็นเลิศกว่าหมู่ดาราทั้งปวง มหาสมุทรกว้างใหญ่กว่าสายธารทั้งหลาย ส่วนพระบรมศาสดาทรงเป็นเลิศกว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกทั้งปวง พระองค์ทรงเป็นเลิศกว่าบรรดาผู้มีความบริสุทธิ์ ทรงมีพระปัญญาเลิศกว่าบัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลาย อานิสงส์แห่งการบูชาพระพุทธองค์ จึงยิ่งใหญ่ไพศาล จะนับจะประมาณมิได้ ชาวโลกอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้ศึกษาพุทธประวัติ และธรรมะของพระพุทธองค์ เมื่อไม่ได้ศึกษาก็ยังไม่เลื่อมใส ครั้นได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับพุทธานุภาพ จึงเกิดความสงสัย


*ดังเช่นพระเจ้ามิลินท์ ที่สงสัยเกี่ยวกับอานิสงส์แห่งบุญที่เกิดจากการบูชาพระพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัสถาม พระนาคเสนเถระ ว่า “ข้าแต่พระนาคเสน พวกเดียรถีย์กล่าวว่า ถ้าพระพุทธเจ้ายังทรงยินดีต่อการบูชาอยู่ ก็ยังไม่ชื่อว่าปรินิพพาน ยังข้องเกี่ยวอยู่กับโลก ยังติดอยู่ในโลก ยังสาธารณะอยู่กับโลก การบูชาพระพุทธเจ้าก็ไม่เป็นหมัน ยังมีผลอยู่
ถ้าพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ไม่ข้องเกี่ยวกับโลกแล้ว หลุดพ้นไปจากภพทั้งปวงแล้ว การบูชาพระพุทธเจ้า ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะผู้ปรินิพพานแล้ว ย่อมไม่ยินดีต่อสิ่งใด การบูชาพระพุทธเจ้าผู้ไม่รู้จักยินดี ก็เป็นหมัน ไม่มีผลอันใด
ข้าแต่พระคุณเจ้า ปัญหานี้มีเงื่อนงำ ไม่ใช่วิสัยของผู้มีความคิดสติปัญญาน้อยเลย เป็นวิสัยของผู้มีความคิดสติปัญญามาก ขอให้พระคุณเจ้าจงทำลายความสงสัย และทำปัญหานี้ให้กระจ่างด้วยเถิด”
พระนาคเสนเถรเจ้าตอบว่า “ขอถวายพระพร พระตถาคตเจ้าปรินิพพานแล้วจริง เมื่อพระองค์ยังไม่ดับขันธปรินิพพาน ก็ไม่ทรงยินดีต่อการสักการบูชา เพราะได้ทรงสละความยินดีได้แล้วที่ภายใต้ควงไม้ศรีมหาโพธิ์ ไม่ต้องกล่าวถึงพระพุทธเจ้าผู้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ข้อนี้สมกับที่พระสารีบุตรผู้เป็นพระธรรมเสนาบดีได้กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้อันเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายสักการบูชาแล้ว ย่อมไม่ทรงยินดีต่อสักการบูชาเลย อันนี้เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอถวายพระพร”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสแย้งว่า “ธรรมดาบุตรก็ย่อมสรรเสริญบิดา บิดาก็ย่อมสรรเสริญบุตร ข้อนี้ไม่เป็นเหตุให้ข่มขี่ถ้อยคำของผู้อื่นได้ ข้อนี้ยังเชื่อถือไม่ได้ ขอพระคุณเจ้าได้วิสัชนาให้ แจ่มแจ้งกว่านี้ด้วยเถิด”
พระเถรเจ้าตอบว่า “ขอถวายพระพร พระตถาคตเจ้าได้ทรงดับขันธปรินิพพานแล้วก็จริง พระตถาคตเจ้าย่อมไม่ทรงยินดีการบูชา แต่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายกระทำพระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้าผู้ไม่รู้จักยินดี ผู้ปรินิพพานแล้ว ให้เป็นอารมณ์ และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ย่อมได้สมบัติ ๓ ประการ เหมือนกองไฟใหญ่ ถึงจะยังลุกโพลงอยู่ ก็ไม่ยินดีต่อเชื้อ คือ หญ้าและไม้ ไม่ต้องพูดถึงเมื่อไฟดับไปแล้ว เพราะไฟไม่มีเจตนาจะยินดีอย่างไร เมื่อไฟดับไปแล้ว โลกก็ยังไม่สูญจากไฟ เพราะยังมีไม้เป็นวัตถุที่จะให้เกิดไฟขึ้นได้ พวกที่ต้องการไฟก็เอาไม้มาสีกัน ทำให้เกิดไฟขึ้นใหม่ได้ ขอถวายพระพร ถ้อยคำของพวกเดียรถีย์ที่ว่า การบูชาพระพุทธเจ้า ผู้ไม่รู้จักยินดี เป็นหมัน ไม่มีผลนั้น จึงผิดไป เพราะพระพุทธเจ้าย่อมรุ่งเรืองอยู่ในหมื่นโลกธาตุด้วยพระพุทธรัศมี เหมือนกับกองไฟใหญ่ที่มีคุณฉะนั้น ขอถวายพระพร ไฟที่ดับแล้ว ย่อมไม่ยินดีต่อเชื้อ คือ หญ้าและไม้ ฉันใด พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงยินดีต่อเครื่องสักการบูชา ฉันนั้น เมื่อไฟดับแล้ว มนุษย์เอาไม้มาสีไฟให้เกิดขึ้นได้อีก ฉันใด เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าแม้ปรินิพพานแล้ว ผู้ไม่รู้จักยินดี และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ย่อมได้สมบัติ ๓ ประการ คือมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ ฉันนั้น มหาบพิตร การสักการบูชาพระพุทธเจ้าผู้ปรินิพพานแล้ว ผู้ไม่ทรงยินดีต่อสิ่งใด จึงไม่เป็นหมันแต่มีผลมาก” มนุษย์ทั้งหลายไม่ได้ยินดีให้โรคเกิดขึ้นในร่างกายของตน แต่ที่เกิดขึ้นเพราะบาปอกุศลที่ตนทำไว้ในปางก่อน เพราะฉะนั้น กุศลกรรมและอกุศลกรรมที่เขาทำไว้ในชาติก่อนก็ดี ในชาตินี้ก็ดี ต้องไม่เป็นหมัน ยังมีผลอยู่เหมือนกัน นี้ชี้ให้เห็นว่า การบูชาพระพุทธเจ้า ผู้ดับขันธปรินิพพานแล้ว ก็ไม่เป็นหมัน ยิ่งมีผลมาก
นันทกยักษ์ มีจิตประทุษร้ายต่อ พระสารีบุตรเถรเจ้า เขาถูกแผ่นดินสูบ พระเถระไม่ได้ยินดีให้นันทกยักษ์ถูกแผ่นดินสูบเลย เพราะท่านได้ตัดมูลเหตุที่ก่อให้เกิดความยินดียินร้ายแล้ว ถึงจะมีผู้ทำลายชีวิตของท่าน ท่านก็ไม่โกรธ แต่ที่นันทกยักษ์ถูกแผ่นดินสูบ เพราะอกุศลกรรมของเขาแรงกล้ามาก เพราะฉะนั้น การบูชาพระพุทธเจ้า ผู้ไม่รู้จักยินดี ก็ไม่เป็นหมัน ยังมีอานิสงส์อยู่ เพราะกุศลกรรมเป็นของแรงกล้าเช่นกัน
ดังในสมัยของพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า มียักษ์ตนหนึ่งเป็นยักษ์ชั้นต่ำ แต่มีจิตใจสูงส่ง เพราะมีจิตเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า อยากไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่ยังไม่มีโอกาส เพราะมีเทวดาและยักษ์ที่มีศักดิ์ใหญ่มากมาย แต่ยังปรารถนาที่จะฟังธรรม ยักษ์ตนนี้จึงได้แต่รอโอกาสที่จะไปกราบถวายบังคม รอไปหลายหมื่นปี จนพระบรมศาสดาเสด็จดับขันธปรินิพพาน
ยักษ์ตนนี้เสียใจว่า ตัวเองบุญน้อย ไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์แม้สักครั้งเดียว พระอัครสาวกชื่อว่า สาคระ เห็นยักษ์ตนนั้นกำลังเศร้าโศก จึงได้ปลอบโยนและเทศน์ให้ฟังว่า ผู้ใดพึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ยังดำรงพระชนม์อยู่ก็ดี พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดผักกาดของพระพุทธเจ้า แม้นิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตอันเลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน บุญมีผลมากเสมอกัน
เพราะฉะนั้นท่านจงบูชาพระสถูปเจดีย์ของพระชินเจ้าเถิด ยักษ์ฟังแล้ว เกิดแรงบันดาลใจ ได้แวะเวียนไปกราบไหว้พระเจดีย์ และทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เจริญพุทธานุสติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ทั้งวันและคืน ทำเช่นนั้นตลอด ๕ ปี ครั้นละจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้ไปบังเกิดในสวรรค์เป็นเวลายาวนาน ในกัปที่ ๗๐๐ นับจากภัทรกัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามเดียวกันถึง ๔ ครั้งว่า ภูริปัญญา สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ และตั้งแต่นั้นท่านไม่เคยไปเกิดเป็นยักษ์อีก ได้เวียนวนอยู่ในสุคติภูมิเพียงอย่างเดียว

นี่เป็นอานิสงส์ที่เกิดจากการบูชาพระพุทธเจ้า ซึ่งแม้จะดับขันธปรินิพพานไปแล้ว อานิสงส์แห่งความเลื่อมใสนั้น ก็ไม่ ลดน้อยถอยลงไป ผลนั้นยังส่งต่อมาถึงภพชาติสุดท้าย ทำให้ท่านได้ออกบวชและบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
เพราะฉะนั้น ให้ทุกคนหมั่นทำใจให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า และหาโอกาสไปนมัสการพระเจดีย์หรือพระสถูปต่างๆ ที่เนื่องด้วยพระพุทธเจ้า หรือหากสะดวกจะมานมัสการมหาธรรมกายเจดีย์ที่เราได้ช่วยกันสถาปนาขึ้นมา อานิสงส์นี้ย่อมทำให้เราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในโดยเร็วพลันกันทุกคน

*มิลินทปัญหา

Attached Files