Jump to content


Photo
- - - - -

ผีเข้า ผีออก (19 กุมภาพันธ์ 2547)


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
5 replies to this topic

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 posts

Posted 02 October 2007 - 07:18 PM

ย่อเรื่อง ผีเข้า ผีออก (19 กุมภาพันธ์ 2547) โดย Extra happy.gif



เรื่องที่ 1 ประมาณปี 2520 ก่อนที่เจ้าของเคสจะได้พบกับวัดพระธรรมกาย พี่ชายของเธอมีอาการเจ็บขา เหมือนข้อเท้าแพลง หมอบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่พี่ชายเปลี่ยนไปพูดจาหยาบคาย ขึ้นมึงกู ดื่มเหล้าขาว ทั้งที่ไม่เคยดื่มเหล้าแบบนี้ จึงพาไปหาพระเพื่อไล่ผีออก พอพวกเราพาไปถึงวัดก็มีแรงฮึดสู้ พระก็เอาไม้มาเฆี่ยน พี่ชายก็อาละวาด สู้กันจนรู้สึกสงสารพี่ชาย ผีก็ไม่ออก จึงต้องขอลาพระกลับ



จนวันหนึ่ง เจ้าของเคสเอาน้ำมนต์จากห้องพระผสมน้ำให้ดื่ม พี่ชายก็อาละวาดหนัก จึงช่วยกันจับมัดมือมัดเท้าพาไปส่ง รพ. พอถึง รพ.หมอฉีดยานอนหลับให้ ขณะที่ยากำลังจะออกฤทธิ์ เธอถามผีว่า ชื่ออะไร มาจากไหน ผีก็อารมณ์ดีบอกชื่อ และบอกว่าตกตึกตาย มาจากลพบุรี เดินมาตามทางรถไฟ เธอจึงบอกว่า ออกจากร่างพี่ชายไปเถอะ แล้วจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ เขาจึงบอกว่า เออ! กูไปก็ได้ แล้วพี่ชายก็หลับไป หมอตรวจอาการแล้วก็ให้ยามาทาน แล้วเราก็ไม่เคยกลับไปรักษาอีกเลย อาการเจ็บขาของพี่ชายก็หายขาด กลับมาเป็นคนเดิม เธอก็ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่มาเข้าสิงตามที่บอกไว้



เรื่องที่ 2 ปี 2538 เจ้าของเคสได้รับบุญพิเศษคือรับพระจากสถานีขนส่งหมอชิตขึ้นรถ บขส. ที่จัดเตรียมไว้ให้มาส่งที่วัดพระธรรมกาย ทำหน้าที่ตั้งแต่ 02.00-16.00น. เหนื่อยมากแต่ก็ชื่นใจ หลังจากงานมาฆบูชา หลวงพี่จัดให้ทีมงานได้ไปปฏิบัติธรรมที่พัทยา เธอไปถึงเช้าวันเสาร์ ได้นอนคนเดียวที่ห้องพักของโรงแรม หลังจากได้นั่งสมาธิภาคค่ำแล้ว ก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอน เธอหลับสบาย มารู้สึกตัวตื่นตอน 01.45น. รู้สึกเหมือนมีใครอยู่ใต้ผ้าห่มในที่นอน เธอไม่ได้รู้สึกกลัวผี แต่รู้สึกกลัวคนทำร้าย จึงเปิดผ้าห่ม เห็นผู้ชายร่างผอมบางใส่เสื้อคอกลมสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ เธอจับมือเขาไว้ทั้ง 2 ข้าง ถามว่า เป็นใคร มาทำไม เขาหันหน้าหนี เธอไม่เห็นหน้าเขา เขาพูดตอบว่า เขาหิว ไม่มีอะไรจะกิน เขามีลูก 2 คน อายุ 9 ขวบ และ 5 ขวบ เป็นห่วงลูกคนโตมาก เธอเข้าใจว่าชายผู้นั้นตายแล้วต้องการบุญ เธอจึงเกิดความสงสาร บอกให้เขานึกถึงบุญเอาไว้ บุญจะได้มาช่วย เขาบอกว่า ขณะมีชีวิตอยู่ ไม่เคยทำบุญอะไรเลย เธอจึงบอกเขาว่า ให้อนุโมทนาบุญกับเธอในบุญที่ได้ทำมา เธอเล่าเรื่องรับพระจากหมอชิตไปส่งที่วัดพระธรรมกายจำนวนนับพันรูป พร้อมกับเลี้ยงภัตตาหารพระ บุญผ้าป่าหล่อรูปหลวงปู่ทองคำ เล่าด้วยความปลื้มใจบอกให้เขาอนุโมทนา เขาก็อนุโมทนา ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบ และเกิดถาดอาหารและจานข้าวเต็มที่เตียงนอน เหมือนถาดที่ถวายพระในสภาหลังคาจาก เขาและลูกสาวผมสั้นมีผมม้าอายุ 9 ขวบ ก็นั่งรับประทานอาหารด้วยกัน แต่ทั้งคู่นั่งก้มหน้า ไม่ยอมเงยหน้าสบตา เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ทั้งคู่ก็ยกมือไหว้เธอแล้วเดินทะลุประตูออกไปเลย แล้วเธอก็หลับถึงเช้า เธอไม่คิดว่าเป็นความฝันเพราะรู้สึกตัวดีตลอดเวลา



เรื่องที่ 3 เกิดปี 2538 หลังวันวิสาขบูชา ขณะนั้นลูกชายของเจ้าของเคสที่กำลังบวชเป็นสามเณรป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส พักอยู่สถานพยาบาลวัดพระธรรมกาย ทุกเช้า เธอจะนำข้าวต้มอ่อน ๆ มาถวาย มีอยู่วันหนึ่งเวลา 04.00น. เธออยู่บ้านคนเดียว เปิดไฟจะมานั่งสมาธิ ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดดังแกร๊ก เธอหันไปดูที่ประตู เห็นผู้ชายใส่ชุดขาวเดินเข้ามาในห้อง เธอรู้สึกตกใจ แล้วตาของเธอก็มองไม่เห็นอะไรเลย รู้สึกว่าผู้ที่เข้ามานั้นมากอดเอวเธอแล้วร้องไห้ เธอตกใจปนกลัว นั่งคุกเข่าสูงเอามือยันศีรษะเขา แล้วก็ท่องสัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง หลาย ๆ ครั้ง แล้วเขาก็หายไป ตาของเธอก็มองเห็นดังเดิม เธอจึงคิดว่า นี่คงไม่ใช่คนหรอก เธอรีบลงจากชั้นบนไปทำกับข้าว และรีบไปวัดเล่าให้สามเณรลูกชายฟัง ท่านบอกว่าน่าจะเป็นเจ้าที่เจ้าทางในบ้านมีทุกข์ คืนนั้นเธอกลับมาที่บ้าน จึงไปถามครอบครัวที่อยู่รั้วเดียวกันว่า มีอะไรเกิดขึ้นในบ้าน เขาเล่าว่าต้นมะม่วงต้นใหญ่หลังบ้าน ปลวกกินต้นจะตายอยู่แล้ว เขาจึงตัดต้นมะม่วงทิ้ง แล้วเอาเตียงไม้ไปวางคร่อมตอมะม่วงไว้ ตกดึกมีชายร่างใหญ่ตาแดงมาผลักตกเตียง แล้วก็ด่าว่ามานอนทับที่ของกูทำไม เป็นอย่างนี้มาหลายคืน เด็กที่เป็นทารกก็นอนร้องไห้ทุกคืน พ่อของเด็กก็ด่าว่าเจ้าที่ด้วยคำหยาบคายทุกวัน เมื่อเธอทราบเรื่อง จึงบอกให้พ่อของเด็กขอขมาเจ้าที่ เพราะก่อนหน้านี้เธอบอกว่า บ้านของเราจะไม่มีศาลพระภูมิ ขอเชิญเขาไปอยู่บนต้นมะม่วงหลังบ้าน เมื่อต้นมะม่วงถูกตัด เขาจึงไม่มีที่อยู่ สามเณรลูกชายจึงแนะนำให้เธออุทิศส่วนกุศลให้เจ้าที่เจ้าทาง และเชิญเขาไปอยู่ที่ต้นมะม่วงใหญ่หน้าบ้านแทน สามเณรบอกว่าเราเป็นเจ้าของบ้าน เขาต้องเคารพเรา หลังจากเธอทำทุกอย่างตามที่สามเณรบอก ก็สงบร่มเย็นไม่มีใครเดือดร้อน



คำถาม

เรื่องที่ 1 ผีมาสิงพี่ชายจริงหรือไม่ ถ้าจริง ผู้ที่มาเข้าสิงพี่ชายเป็นใคร ทำไมถึงมาเข้าสิง แล้วในขณะที่เขาอยู่ในร่างพี่ชาย ทำไมพี่ชายจึงยังไปทำงานได้ปกติ เพียงแต่มีอาการแปลกๆ ดูเปลี่ยนไป คือ ไม่ชอบสบตาใคร ทำไมพระจึงไล่ผีไม่ออก ถึงแม้จะเฆี่ยนตีอย่างไรก็ไม่กลัว แต่ทำไมเจ้าของเคสคุยกับผีดี ๆ ผีถึงยอมออกไปและไม่กลับมาอีก



เรื่องที่ 2 สองพ่อลูกที่มาขอส่วนบุญเป็นใคร เป็นอะไรตาย ทำไมเจาะจงมาหาลูก พอเขาได้รับ เขามีความสุขขึ้นมากไหมและยาวนานเท่าใด ขณะที่เจ้าของเคสพูดคุยกับเขานั้น เป็นกายละเอียดของเขาใช่หรือไม่ สิ่งที่เธอทำไปนั้น ถูกหลักวิชชาหรือไม่



เรื่องที่ 3 ผู้ที่มากอดเอวเจ้าของเคสร้องไห้คือใคร ใช่เจ้าที่ของบ้านเธอหรือไม่ และสิ่งที่เธอทำถูกต้องตามหลักวิชชาหรือไม่



ข้อสุดท้าย พ่อของเจ้าของเคสเสียชีวิตเมื่อปี 2522 ด้วยโรคเส้นโลหิตฝอยในสมองแตก ท่านอยู่ภพภูมิใด ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือไม่ เธอรู้สึกว่า ท่านยังวนเวียนอยู่ที่บ้าน



คำตอบ พี่ชายถูกผีเข้าสิงจริง ๆ เขาเป็นกายละเอียดพวกสัมภเวสีของคนงานก่อสร้างที่ตกตึกตาย แล้วร่อนเร่มาเจอพี่ชาย ด้วยความหิวและอยากกินอาหาร เขาจึงเข้าสิงร่างพี่ชาย ที่พี่ชายถูกสิงได้เพราะพี่ชายมีกรรมสุราและนับถือทรงเจ้าเข้าผีในอดีตชาติ วิบากกรรมตามมาทันช่วงนี้พอดี สิ่งที่เราทำเอาไว้ มีเชื้อดึงดูดเข้ามา ผีจะเข้าสิงเฉพาะตอนหิว ดังนั้นพี่ชายจึงทำงานได้ตามปกติ แต่จะคอยเดินตามพี่ชายตลอด คล้าย ๆ ผีเข้า ผีออก คือ พอหิว ผีก็เข้า พอหายหิว ผีก็ออก แต่บางครั้งที่มีอาการแปลก ๆ ไม่ชอบสบตาใคร จะเป็นตอนที่ผีเข้า เพราะดวงตาผีสู้ดวงตามนุษย์ไม่ได้ ผีเข้าแบบผลุบ ๆ โผล่ ๆ ทำให้รู้ตัวครึ่ง ไม่รู้ตัวครึ่ง ผีจะเข้าไปกอดแล้วล็อคคอไว้แน่น พระท่านไล่ผีไม่ออกเพราะท่านยังเป็นพระไม่สมบูรณ์ คือ ศีลของท่านยังพร่องอยู่ และไม่มีอาคมอะไร ประกอบกับวิบากกรรมของพี่ชายยังไม่หมด อีกทั้งผีก็ดื้อ เพราะตอนเป็นมนุษย์นั้นเป็นนักเลง และวิบากกรรมมาตามทันทำให้ตกตึกตาย ที่เจ้าของเคสพูดกับผีดี ๆ แล้วผียอมออก ก็เพราะพี่ชายหมดกรรมพอดี อีกทั้งผีก็เบื่อการเป็นผี อยากได้บุญที่เธอจะอุทิศให้ จะได้ไปเกิดใหม่ เบื่อการเป็นผีที่หิว และการมาสิงร่างนั้น ก็ต้องใช้พลังมาก ซึ่งตอนนี้อ่อนลงแล้ว และจะทำได้เฉพาะตอนที่เขามีวิบากกรรม ถ้าเขาหมดวิบากกรรมก็เข้าไม่ได้ นอกจากนี้ การหาคนมีวิบากกรรมอย่างนี้ก็ไม่ใช่ง่าย ก็ต้องอดไปอีกเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นจึงเบื่อการเป็นผี อยากจะไปเกิดเป็นมนุษย์จึงยอมออก และได้รับบุญนั้นด้วย เพราะเจ้าของเคสรักษาสัญญานั้นไว้



เรื่องที่ 2 เจ้าของเคสฝันไป คือฝันลึกเพราะหลับสนิท จนกายมนุษย์ละเอียดหรือกายฝันหลุดออกมาเจอเหตุการณ์ คือ ฝันจริง เช่น เราอาจเคยหลับฝันไปแล้วเห็นตัวเองเดินในห้อง สองพ่อลูกนั้นถูกอุบัติเหตุรถชนตายขณะจูงมือข้ามถนนแถว ๆ นั้น ที่เจาะจงมาหาเจ้าของเคสนั้นเพราะเกิดรู้สึกถูกชะตา อยากเข้ามาหาเพราะอดีตชาติก่อนจะประสบอุบัติเหตุตายในชาตินี้ เคยเป็นญาติกันมา จึงมีเชื้อ มีอายตนะดึงดูดกัน ที่ไม่กล้าสบตาเพราะหน้าตาของผู้ตายเปื้อนเลือดอยู่ด้วยกรรม เพราะฉะนั้นกายละเอียดยังเปื้อนเลือดอยู่ อีกทั้งเขาบุญน้อย ไม่กล้าสบตาผู้มีบุญมากกว่า เพราะเกิดความรู้สึกเกรงบารมี เหมือนมนุษย์ที่เจอผู้มีบุญมากกว่าจะไม่กล้าสบตา ได้รับผลบุญที่อุทิศไปให้ทำให้สภาพดีขึ้น คือ หน้าตาดูผ่องใส ไม่เปรอะเปื้อนเลือด สิ่งที่เธอทำนั้นถูกหลักวิชชา คือไม่กลัว แถมพูดจาเรื่องบุญและอุทิศบุญไปให้



เรื่องที่ 3 ผู้ชายที่เข้ามากอดเอวและร้องไห้นั้นคือเจ้าที่ ต้นมะม่วงถูกตัดทำให้เขาไม่มีที่อยู่ จึงเดือดร้อน ทำให้เขามาขอพึ่งบารมีเจ้าของเคส เขาอธิษฐานจิตอย่างแรงกล้าให้มาปรากฏตัวให้เธอเห็นด้วยตาเนื้อ เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้อาจจะต้องจุติ นั่นคือพวกรุกขเทวาที่ถูกตัดต้นไม้ หมายความว่าเขาหมดบุญแล้ว วิมานของเขาที่อยู่ในนั้นก็หมดลง พอหมดก็ต้องจุติ เขาจึงอธิษฐานจิตอย่างแรงกล้าเพื่อปรากฏตัวให้เห็น แล้วก็ต้องรีบวิ่งพรวดมาเลย เพราะว่าถ้าช้า กำลังอ่อนลงจะจุติอีก ซึ่งอาจจะไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ อาจจะไปเป็นอะไรก็ไม่รู้ อาจจะร้องเอ๋ง ๆ หรือร้องเจี๊ยกๆ เพราะฉะนั้นอยู่ในภูมินี้ดีกว่า จึงเกิดความกลัว นี่จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายของเขา ถ้าจะต้องจุติ ก็ต้องจุติ เขาจึงรีบวิ่งพรวดมาหา เพราะเขารู้ว่าเจ้าของเคสเป็นผู้มีบุญ เพราะว่าเธอทำบุญ ซึ่งอยู่ในสายตาของเขาอยู่ตลอดเวลา เขาไม่สนใจว่า เธอจะกลัวหรือไม่กลัวเขา เพราะว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเขาชั่วแวบเดียว เพียงต้องการให้เธอรู้เท่านั้นเอง เธอทำถูกหลักวิชชาที่อุทิศบุญไปให้เขา แล้วเชิญเขามาอยู่ที่ต้นมะม่วงหน้าบ้านตามคำของสามเณรลูกชาย ตอนนี้เขาก็มาอยู่หน้าบ้านแล้ว



พ่อของเจ้าของเคสตายแล้วไปเป็นภุมเทวาอยู่ใกล้กับแม่ของเจ้าของเคส (แม่ที่ยังมีชีวิตอยู่) คอยติดตามตลอดเวลาเพราะความผูกพัน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้ แต่ยังไม่ยอมไปไหนเพราะรอคอยสุดที่รักที่รักที่สุดและผูกพัน อยากจะให้ไปอยู่ด้วยกัน แม้จะมีสุดที่รักหลายคน แต่ก็ไม่สนใจคนอื่น แม้ตอนเป็นมนุษย์มีสุดที่รักหลายคน แต่รักที่สุดมีอยู่คนเดียว จึงตามอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา



#2 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4,109 posts
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

Posted 03 October 2007 - 07:30 AM

อนุโมทนาบุญกับคุณ Extra ด้วยนะครับ สาธุ

#3 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2,210 posts

Posted 03 October 2007 - 03:54 PM

อนุโมทนาบุญกับคุณ Extra ด้วยนะครับ.... สาธุ

#4 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1,199 posts

Posted 04 October 2007 - 01:03 AM

อนุโมทนาบุญกับคุณ Extra ด้วยนะครับ.... สาธุ

พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#5 ^_^หลับตาพริ้ม๐นั่งหน้ายิ้ม^_^

^_^หลับตาพริ้ม๐นั่งหน้ายิ้ม^_^
  • Members
  • 62 posts

Posted 04 October 2007 - 06:04 PM

สาธุ

#6 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 posts

Posted 11 March 2008 - 03:31 PM

อนุโมทนา สาธุค่ะ