...ใจมันถูกดึงไปตลอดเวลาเลย
หลับก็ถูกดึงไปฝัน
...ตื่นก็ถูกดึงเอาไปใช้ในกิจกรรมในชีวิต
ประจำวัน พอดึงไปเท่าไร
มันก็ออกห่างจากต้นทางที่จะไปสู่
อายตนะนิพพาน
...เพราะฉะนั้นชีวิตจึงปราศจาก
ความสุขที่แท้จริงไม่เคยเจอะเจอเลย
ไม่รู้จักด้วยซํ้าว่าความสุขที่แท้จริง
มีลักษณะอย่างไรมีอาการอย่างไร
ทำอย่างไรถึงจะถึงตรงนี้ได้
เราไม่รู้จักเลย
...แล้วแถมถูกโฆษณาชวนเชื่อว่า
สิ่งนี้ สิ่งนั้น สิ่งโน้นคือความ
สุข เราถูกหลอมอย่างนั้นจากผู้ไม่รู้
หลอมด้วยสื่อต่าง ๆ ทุกสื่อ
ที่ผ่านเข้ามาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ
..ถูกหลอมว่า...สิ่งที่เราได้เห็น ได้ยิน
ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องสัมผัส
เหล่านั้นคือความสุข สุขที่ดื่มได้บ้าง
ที่เห็นได้บ้าง ที่ฟังได้บ้าง
ที่ถูกต้องสัมผัสได้บ้าง ที่ฟุ้งฝันบ้าง
...ก็เหมาเอาว่านั่นแหละคือความสุข
ได้ดูทิวทัศน์ ดูหนัง ดูละคร ดูเพชรนิล
จินดา ดูของสวย ๆ งาม ๆ
...เราถูกสอนให้เชื่อว่าถ้าได้ดูอย่างนี้แล้ว
จะเป็นสุข แล้วเราก็เลยเข้าใจว่า
คงใช่ จึงไปแสวงหา
หรือได้ยินเสียงเพราะ ๆ
เสียงเพลงบ้าง เสียงธรรมชาติ
เสียงทะเล เสียงคลื่นซัดฝั่ง
เสียงนํ้าตก เสียงเยินยอสรรเสริญอะไรพวกนั้น
...เราก็ถูกทำให้เข้าใจผิดว่า...
นั่นคือความสุข จริง ๆ แล้ว"มันไม่ใช่"
...คุณครูไม่ใหญ่...