ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* - - - - 1 คะแนน

ศรัทธา VS งมงาย


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 2 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 17 January 2015 - 11:26 AM

มีเรื่องราวในอดีตมาเล่าสู่กันฟัง  อ่านแล้วก็รบกวนพิจารณากันตามสบายนะครับ  ผมจะไม่สรุป  ไม่ชี้แนะอะไรทั้งนั้น

 

..............................................................................................................................................................................................

 

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  ณ ดินแดนแอฟริกาใต้  ราวๆ ศตวรรษที่ 19  ในกลุ่มชนพื้นเมือง  Bantu Tribes  ซึ่งเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม คือ  เผ่า Xhosa  และก็แน่นอนตามวิถีชีวิตของขนแอฟริกาใต้  คือ  ทำเกษตรกรรม  เลี้ยงปศุสัตว์  และเป็นกรรมกรรับจ้างทำงานให้กับชนผิวขาวผู้รุกราน

 

แนบไฟล์  ytjfg.gif   223.29K   15 ดาวน์โหลด

ภาพประกอบจาก Google  ไม่เกี่ยวกับเนื่อหา

 

ราวๆ ปี ค.ศ.1778  บริเวณ Fish River ทางตะวันออกของเขต Cape Province  ก็เริ่มมีปัญหากันระหว่างชนเผ่า กับชนผิวชาว  บวกกับทุพภิกขภัยแล้ง  เกิดความอดอยากล้มตายไปทั่ว  หัวหน้าเผ่านาม Ndlambe  ได้นำชนเผ่าเข้าโจมตีเพื่อปล้นสะดมคนขาว  ด้วยเชื่อว่าน้ำมนต์ของหมอผีประจำเผ่าที่ชื่อ Makana  ทำให้  สามารถหยุดกระสุนปืนของพวกคนขาวได้  ผลคือ  นักรบเผ่า Xhosa ตายไปนับพันคนในปี ค.ศ.1819

 

ก็ระหองระแหงกันมา  จนวันหนึ่งในเดือน พฤษภาคม ค.ศ.1856  สองสาวน้อยชาว Xhosa นามว่า Nongqawuse(16ปี) ส่วนอีกคนไม่ถูกระบุชื่อ เพราะเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น  เด็กทั้งสองได้ไปที่แอ่งน้ำใหญ่ของหมู่บ้านใกล้แม่น้ำ Gxara แล้วก็ได้พบร่างภูตวิญญาณในรูปชายผิวดำหุ่นกำยำ 5 ตนโผล่ขึ้นมาจากน้ำ  พร้อมกล่าวว่า  พวกตนเป็นตัวแทนของบรรพบุรุษของเผ่า  จะมาช่วยกอบกู้สถานภาพของลุกหลาน  พร้อมทั้งขับไล่ขนผิวขาวออกไปจากดินแดน  และจะเนรมิตความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณ ธัญญาหารให้กลับมาอีกครั้งแต่มีข้อแม้ว่า  ทั้งเผ่าต้องฆ่าสัตว์เลี้ยงทั้งหมดทิ้ง  ทำลายพืชพรรณรวมถึงยุ้งฉางให้หมด  แล้วพวกตนจะบอกวีเอาชนะคนขาวให้

 

แนบไฟล์  07-limba-devil-ghongorli-sierra-leone-670.jpg   77.11K   17 ดาวน์โหลด

ภาพประกอบจาก Google  ไม่เกี่ยวกับเนื่อหา

 

 

สองสาวได้ฟังก็ต๊กกะใจวิ่งปรู๊ดกลับหมุ่บ้าน  สาว Nongqawuse  ก็รีบไปเล่าให้ลุงของตนเองฟัง  ซึ่งลุง Mhlakaza ซึ่งเป็นหมอผีประจำเผ่าได้ฟังก็หัวเราะกลิ้ง  วันรุ่งขึ้นสองสาวก็ไปที่แอ่งน้ำอีก  ซึ่งวิญญาณภูตเหล่านั้นก็มาปรากฏตัว  พร้อมกับกล่าวซ้ำเดิมให้สองสาวฟังอีก  แต่สองสาวก็บอกไปว่า  ไปเล่าแล้วแต่ไม่มีใครฟัง  วิญญาณภูตเลยให้ไปแจ้งกับ Mhlakaza ว่า  ให้มาฟังด้วยตัวเอง  โดยต้อง  ทำการฆ่าวัวทิ้งก่อนหนึ่งตัว  แล้วชำระล้างร่างกายตัวเองให้สะอาด   จากนั้นอีก 4 วันก็ให้มาที่แอ่งน้ำนี้  ... ซึ่ง Mhlakaza ก็ทำตาม  เมื่อมาถึงแอ่งน้ำพร้อมคนอื่นๆ ในเผ่า  วิญญาณภูตก็ไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็น  แต่ใช้การสื่อสารผ่านหญิงสาว Nongqawuse   ซึ่งก็ยืนยันเรื่องเดิมๆ  ให้ฆ่าสัตว์ทุกตัวทิ้ง  ให้ทำลายพืชไร่  ให้ทำลายยุ้งฉาง 

 

ทางพ่อหมอ Mhlakaza ก็ได้ถามว่า  แล้วทุกคนจะเอาอะไรกิน  วิญญาณภูตตอบว่า  ให้สร้างคอกสัตว์ใหม่  สร้างยุ้งฉางใหม่  ให้กลับไปบอกทุกคน  และกราบทูลกษัตริย์ของทุกเผ่าให้ทำตาม  เมื่อทุกอย่างพร้อมจะมีพายุใหญ่พัดมากวาดล้างคนขาวและผู้ที่ไม่เชื่อถือทำตามลงทะเลไป   จากนั้นก็จะปรากฏสัตว์เลี้ยงเต็มคอก  พืชพรรณเต็มยุ้งฉางเอง  พืชพรรณต่างๆ  ก็จะงอกมาจนเต็มผืนดิน  อุดมสมบูรณ์ด้วยอำนาจแห่งบรรพบุรษ

 

กษัตริย์ Saili  เมื่อได้ฟังคำของหมอผี Mhlakaza ยืนยันว่า นี่เรื่องจริงพระเจ้าค่า  ก็ทรงมีรับสั่งโดยมิทรงลังเล  ให้สังหารปศุสัตว์และทำลายพืชพันธุ์จนสิ้น  ...  แต่ก็อย่างว่า  ของแบบนี้ก็ต้องมีผู้ไม่ทำตาม  ไม่เชื่อถือ  สาวน้อย Nongqawuse ก้อ้างว่าได้รับสื่อใหม่ คือ พื้นดินรอบแอ่งน้ำสั่นสะเทือน  แล้วเห็นวิญญาณบรรพบุรุษกำลังกวาดต้อนฝูงสัตว์ขนาดใหญ่ขึ้นมาจากแอ่งน้ำ  แต่ขึ้นไม่ได้ เพราะมีคนไม่ทำตาม  งานนี้ตามรายงาน  มีการอ้างว่ามีชาวบ้านเห็นกันหลายคน  บางคนก็เห็นบรรพบุรุษที่ตนรู้จัก  แต่งตัวนักรบเตรียมทำสงครามกับคนขาวบ้าง  ก็ว่ากันไป  สุดท้ายส่วนใหญ่ก็ต้องทำตาม

 

แนบไฟล์  image.jpg   79.7K   21 ดาวน์โหลด

ภาพประกอบจาก Google  ไม่เกี่ยวกับเนื่อหา

 

 

Charies  Browntree  ผู้นำของฝั่งคนผิวขาว  ได้ออกมาตักเตือน  แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ  ยังคงตั้งหน้าฆ่าสัตว์เลี้ยงต่อไป

 

แล้วก็มาถึงตอนสำคัญ  สาวน้อย Nongqawuse ก็ประกาศว่า  วิญญาณบรรพบุรุษจะจัดการคนขาวในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1857  โดยจะมีสัญญาณให้รู้ คือ  พระอาทิตย์จะเป็นสีแดงโลหิต   เมื่อถึงเวลาเที่ยงตรง  ดวงอาทิตย์จะลอยนิ่งอยู่เหนือหัว  จากนั้นจะเกิดพายุใหญ่พัดเอาคนขาว  และคนที่ไม่เชื่อถือลงทะเลไป  จากนั้นดวงอาทิตย์จะถอยกลับไปทางทิศตะวันออก  ลาลับหมดวันไป  แล้วจะลอยขึ้นมาใหม่พร้อมความอุดมสมบูรณ์  (ประมาณวันใหม่ชีวิตใหม่ ทำนองนี้มั้ง)

 

 

พอวันที่  17  กุมภาพันธ์ 1857  ทุกคนที่ยังมีแรงเหลืออยู่ก็ลุกขึ้นมาประดับประดาร่างกายพร้อมออกมาเต้นรำบวงสรวงแบบหมดแรง   (แต่ส่วนใหญ่คงจะนั่งซึมกะทือเพราะหิวเป็นแน่-เดี๋ยวเฉลยให้ฟังว่าทำไมถึงหิวกันนัก) จนเช้า  ทุกคนก็เฝ้ามองดวงอาทิตย์ด้วยความหวัง  ซึ่งแน่นอนท่านสุริยะเทพก็ไม่ได้ทำให้ใครผิดหวัง  ทรงเสด็จมาตามปกติ  สุกสว่างจ้าทางทิศตะวันออกด้วยเครื่องทรงสีปกติ  แผดร้อนสูงขึ้นไปตามลำดับจนถึงกลางหัว  แล้ว...ก็เลยลงไปอัสดงที่ฝั่งตะวันตกเหมือนอย่างที่เคยๆ  เป็นมาทุกวัน 

 

 

ฝูงชนที่สิ้นหวัง  ส่วนที่ไม่มีแรงก็เสาะหาทุกอย่างมากิน  เปลือกไม้  รากไม้  กระดูกสัตว์  หนังสัตว์ที่เขาฆ่าทิ้ง  สุดท้ายก็ตกเป็นภาระของคนขาวที่ต้องเอาอาหารมาแบ่งปันให้  ...  ส่วนคนที่ยังมีแรง  ก็ออกเสาะหาตัวการซึ่งก็หนีหัวซุก  หัวซุนไปอาศัยพึ่งคนขาวที่ตัวเองต้องการจะมาปราบ  คนอื่นไม่มีรายงานว่าประสบชะตากรรมอย่างไร  แต่สาวน้อย Nongqawuse ต้นเรื่อง  ถูกผู้ปกครองนิคมอังกฤษจับกุมและส่งตัวไปเป็นคนงานในฟาร์มที่เกาะ  Robben  Island  และเสียชีวิตในปี 1898

 

ประมาณกันว่า  จากจำนวนประชากรเผ่า Xhosa ในเดือนมกราคม 1857(คำทำนายสุดท้าย)   จำนวนประมาณ  105,000  คน  เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง  เหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน  จำนวนคนลดลงเหลือประมาณ  37,500   คนเท่านั้น  ล้มหายตายจากด้วยความอดอยาก  และโรคภัยไข้เจ็บที่ตามมาไป  67,500  คน  พูดง่ายๆ  หายไป  2 ใน 3 กันเลย  และประมาณว่า  มีการฆ่าสัตว์เลี้ยงอย่างบ้าคลั่งไปอย่างน้อย(ย้ำ-อย่างน้อย)  400,000 ตัว

..............................................................................................................................................................................................

ไม่ได้คิดจะประนาม  หรือตำหนิใคร  แต่เหตุการณ์แบบนี้มีจริงในประวัติศาสตร์  และมีบันทึกไว้เป็นตัวอย่างในตำราเรียนด้วย

 

พออ่านแบบนี้แล้ว  ทำให้ยิ่งยินดีกับตัวเองอย่างที่สุด  ที่ได้ทำบุญมาดี  ได้เกิดในพระพุทธศาสนาที่ยึดเหตุผลเป็นหลัก   มหาปูชนียาจารย์ของพวกเราถึงได้เมตตากล่าวย้ำกับพวกเรานักหนาว่า  เวลาทำบุญให้อธิษฐานว่าให้ได้เกิดในพระพุทธศาสนา  ให้คิด  ให้สอนตัวเองได้  หนทางในการสร้างบารมีจึงจะสะดวกราบรื่น  ถ้าหลุดไปเกิดในประเทศที่มีความเชื่อแบบไม่ถูกต้อง  คิดเอง  สอนตัวเองไม่ได้   ป่านนี้ก็ไม่รู้ไปวนเวียนอยู่ขุมไหนแล้ว  เสียเวลาไปอีกอื้อเลย

 

บทเรียนในอดีต  มีไว้ศึกษา  และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นนะครับ    


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#2 ปฏิปทา 072

ปฏิปทา 072

    ขอชื่อ ที่ถูกต้อง ปฏิปทา 072 THANIDA KOIKE

  • Members
  • 1358 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 17 January 2015 - 12:51 PM

ขอขอบพระคุณ คุณ.ทัพพีในหม้อ ที่กรุณาเอาบทความอันนี้มาลงให้ได้อ่านแล้ว พออ่านจบก็ทำให้ได้ มีความคิดว่าตัวเราเองโชคดีนะ

 

ที่ได้เกิดมา มีพระพุทธศาสนา รู้จักการให้ ทาน รักษาศีล ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ รู้จักให้อภัยทาน  และก็อย่างที่บอกไว้ ว่าเวลาที่ทำบุญถ้าไม่รู้

 

จักอธิษฐาจิต ตอกย้ำตัวเรามีโอกาศผิดพลาดได้มากๆ  และก็ยังรู้จักสอนตัวเองได้ และข้อสำคัญที่เรามีมหาปูชนียาจารย์ ที่ท่านคอยประคับประคอง

 

ให้เราอยู่ในเส้นทางการสร้างบารมี พร้อมทั้งทำความดีมาตลอด ค่ะ โชคดีที่เกิดมาไม่เสียชาติเกิด ค่ะ ขอกราบอนุโมทนาบุญกับธรรมะใสๆ กับ

 

คุณ.ทัพพีในหม้อ ด้วย ค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ



#3 kotchapornda

kotchapornda
  • Members
  • 649 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 17 January 2015 - 08:49 PM

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ.ทัพพีในหม้อ ด้วย นะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ  8-|