ใครมีเป็นไฟล์ข้อมูลบ้างครับ
อยากได้ป้ายพรุ่งนี้วันพระ กับ วันนี้วันพระอ่ะครับ
Started by boom_057, May 06 2008 02:55 PM
4 replies to this topic
#1
Posted 06 May 2008 - 02:55 PM
#2
Posted 06 May 2008 - 04:22 PM
____________________________________ok1.jpg 277.03KB
140 downloads
__________________________________________.jpg 74.02KB 87 downloads
__________________________________________.jpg 74.02KB 87 downloads
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#3
Posted 06 May 2008 - 06:39 PM
อ่านเจอมา น่าจะเป็นประโยชน์
ที่มา :: http://www.larndham....o.pl/005698.htm
และ
ที่มา :: http://www.larndham....o.pl/005698.htm
QUOTE
"วันพระ" นั้น แต่เดิมในสมัยเริ่มแรกในพุทธศาสนายังไม่มีครับ
แต่เนื่องจากผู้คนสมัยนั้น ได้มีกิจวัตรเป็นที่นิยมอยู่อย่างนึง
คือ ทุกๆวัน 14 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ และ 8 ค่ำ
จะมีการไปฟังธรรมตามที่สถานที่ต่างๆที่ตนนับถือ
พระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์แห่งมคธ จึงเกิดความเห็นว่า
ในพระธรรมวินัยก็น่าจะมีวันที่ให้ผู้คนไปฟังธรรมด้วยเช่นกัน
จึงได้เสร็จไปสนทนา ปรารภกับพระสัมมาสัมพุทธองค์
ขอให้ในมีการเข้าฟังธรรมในวัน 14 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ และ 8 ค่ำบ้าง
ต่อมาเมื่อพระสัมมาสัมพุทธองค์ได้มีการประชุมสงฆ์แล้ว
จึงกำหนดบัญญัติให้พระสงฆ์มีการประชุมกันดังนี้
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ประชุมกัน ในวัน๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และ ๘ ค่ำ แห่งปักษ์. "
เริ่มแรก ก็มีผู้คนจะไปฟังธรรมในวันพระในพระพุทธศาสนาบ้าง
แต่ด้วย ภิกษุทั้งหลายเห็นว่า พระพุทธานุญาติมีเพียงให้ประชุมกันเท่านั้น
เมื่อวันพระมาถึง มีการประชุมสงฆ์ แต่ไม่ได้มีการแสดงธรรมอะไร
ภายหลัง ผู้คนเลยพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น
ต่อเมื่อพระสัมมาสัมพุทธองค์ทราบเหตุ
จึงได้ตรัสให้มีการแสดงธรรมขึ้นดังนี้
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ประชุมกันกล่าวธรรมในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และ ๘ ค่ำ แห่งปักษ์."
จึงเป็นเหตุให้มีวันสำหรับฟังธรรมแก่พุทธศาสนิกชนในทุกวันพระ
หรือวัน 8 ค่ำ และ วัน 14 หรือ 15 ค่ำครับ
(ประวัติจาก พระวินัยปิฎกเล่ม 4)
แต่เนื่องจากผู้คนสมัยนั้น ได้มีกิจวัตรเป็นที่นิยมอยู่อย่างนึง
คือ ทุกๆวัน 14 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ และ 8 ค่ำ
จะมีการไปฟังธรรมตามที่สถานที่ต่างๆที่ตนนับถือ
พระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์แห่งมคธ จึงเกิดความเห็นว่า
ในพระธรรมวินัยก็น่าจะมีวันที่ให้ผู้คนไปฟังธรรมด้วยเช่นกัน
จึงได้เสร็จไปสนทนา ปรารภกับพระสัมมาสัมพุทธองค์
ขอให้ในมีการเข้าฟังธรรมในวัน 14 ค่ำ หรือ 15 ค่ำ และ 8 ค่ำบ้าง
ต่อมาเมื่อพระสัมมาสัมพุทธองค์ได้มีการประชุมสงฆ์แล้ว
จึงกำหนดบัญญัติให้พระสงฆ์มีการประชุมกันดังนี้
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ประชุมกัน ในวัน๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และ ๘ ค่ำ แห่งปักษ์. "
เริ่มแรก ก็มีผู้คนจะไปฟังธรรมในวันพระในพระพุทธศาสนาบ้าง
แต่ด้วย ภิกษุทั้งหลายเห็นว่า พระพุทธานุญาติมีเพียงให้ประชุมกันเท่านั้น
เมื่อวันพระมาถึง มีการประชุมสงฆ์ แต่ไม่ได้มีการแสดงธรรมอะไร
ภายหลัง ผู้คนเลยพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น
ต่อเมื่อพระสัมมาสัมพุทธองค์ทราบเหตุ
จึงได้ตรัสให้มีการแสดงธรรมขึ้นดังนี้
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ประชุมกันกล่าวธรรมในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และ ๘ ค่ำ แห่งปักษ์."
จึงเป็นเหตุให้มีวันสำหรับฟังธรรมแก่พุทธศาสนิกชนในทุกวันพระ
หรือวัน 8 ค่ำ และ วัน 14 หรือ 15 ค่ำครับ
(ประวัติจาก พระวินัยปิฎกเล่ม 4)
และ
QUOTE
สำหรับการกำหนดปฏิทินจันทรคติไทย นั้นเป็นแบบสะดวกใช้
ไม่ได้กำหนดตามธรรมชาติที่เป็น วันขึ้นแรม 8 ค่ำ, 14-15 ค่ำ ตามจริงๆ
หากให้กำหนดตามธรรมชาติจริงๆ ปฏิทินออกมาจะยุ่งยากในการใช้งาน
ฉะนั้น บางช่วงภายในปี อาจพบว่า มีการเลื่อนไปวันสองวันจากธรรมชาติพระจันทร์จริงก็ได้
เป็นเกร็ดแทรกไว้เล็กน้อย
พระจันทร์จะใช้เวลาโคจรกลับมาแสดงหน้าเดิมในอีกรอบ
กินเวลาอยู่ราว 29.53xxxx วัน
ซึ่งปฏิทินจันทรคติไทย ที่ใช้เทียงเคียงนั้น
ได้มีการกำหนดประมาณมาจากจากวิธีคำนวณตามคัมภีร์สุริยยาตร์
ซึ่งกำหนดใช้รอบพระจันทร์อยู่ที่ 30x692/703 = 29.530583214793741109530583214794 วัน
การคำนวณหาวันข้างขึ้น-ข้างแรมตามจริง (ตามคัมภีร์สุริยยาตร์)
หากทราบเพียงว่า เวลานี้ พระจันทร์มีอายุในรอบเดือนไปกี่วันแล้ว
ก็เอามาคำนวณหา วันดับ วันเพ็ญได้แล้วครับ
ไม่ได้กำหนดตามธรรมชาติที่เป็น วันขึ้นแรม 8 ค่ำ, 14-15 ค่ำ ตามจริงๆ
หากให้กำหนดตามธรรมชาติจริงๆ ปฏิทินออกมาจะยุ่งยากในการใช้งาน
ฉะนั้น บางช่วงภายในปี อาจพบว่า มีการเลื่อนไปวันสองวันจากธรรมชาติพระจันทร์จริงก็ได้
เป็นเกร็ดแทรกไว้เล็กน้อย
พระจันทร์จะใช้เวลาโคจรกลับมาแสดงหน้าเดิมในอีกรอบ
กินเวลาอยู่ราว 29.53xxxx วัน
ซึ่งปฏิทินจันทรคติไทย ที่ใช้เทียงเคียงนั้น
ได้มีการกำหนดประมาณมาจากจากวิธีคำนวณตามคัมภีร์สุริยยาตร์
ซึ่งกำหนดใช้รอบพระจันทร์อยู่ที่ 30x692/703 = 29.530583214793741109530583214794 วัน
การคำนวณหาวันข้างขึ้น-ข้างแรมตามจริง (ตามคัมภีร์สุริยยาตร์)
หากทราบเพียงว่า เวลานี้ พระจันทร์มีอายุในรอบเดือนไปกี่วันแล้ว
ก็เอามาคำนวณหา วันดับ วันเพ็ญได้แล้วครับ
#4
Posted 07 May 2008 - 08:26 AM
อยากได้ป้ายไม้ค่ะ ไปเดินหาตามเสาต่างๆ แล้วไม่เห็น ใครรู้บ้างช่วยบอกด้วยว่ามีอยู่ที่ไหน เพราะจะนำไปฝากคนอื่นเขาค่ะ(เขาเห็นเรานำมาติดหลังรถ วันโกณกับวันพระ เขาเลยอยากได้บ้างค่ะ)
#5
Posted 07 May 2008 - 11:39 AM
เห็นติดกันแต่ตามร้านขายดอกไม้ขายพวงมาลัย
น่าจะติดตามที่ต่างๆ สถานที่ราชการ โรงเรียน ฯลฯ
เพื่อที่ว่าทุกคนจะได้ชิน ได้เห็นและรับรู้ จากนั้นค่อยสร้างสำนึกเรื่องทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาต่อไป
หรือว่าไงครับ ทุกที่ขึ้นป้ายกันสลอนเลย พรุ่งนี้วันพระ วันนี้วันพระ คงสนุกไม่น้อยเลย
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
น่าจะติดตามที่ต่างๆ สถานที่ราชการ โรงเรียน ฯลฯ
เพื่อที่ว่าทุกคนจะได้ชิน ได้เห็นและรับรู้ จากนั้นค่อยสร้างสำนึกเรื่องทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาต่อไป
หรือว่าไงครับ ทุกที่ขึ้นป้ายกันสลอนเลย พรุ่งนี้วันพระ วันนี้วันพระ คงสนุกไม่น้อยเลย
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ .....
ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน .....
ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ .....
อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ