ผู้มีฌานสามารถดื่มเหล้าสูบบุหรีได้หรือไม่
#1
โพสต์เมื่อ 21 March 2006 - 02:45 PM
เกิดไปดื่มเหล้าหรือสูบบุหรีเข้า จะทำให้ฌานเสื่อมหรือไม่?
ถ้าเหล้าบุหรี่ทำให้ฌานเสื่อมได้ ต้องดื่มหรือสูบในปริมาณมากมั้ย ถึงจะเสื่อม?
มีองค์ประกอบอื่นไหนอีกบ้างที่ทำให้ฌานเสื่อมได้ครับ?
#2
โพสต์เมื่อ 21 March 2006 - 03:30 PM
เกิดไปดื่มเหล้าหรือสูบบุหรีเข้า จะทำให้ฌานเสื่อมหรือไม่?
ตอบถ้าเป็นโลกิยะฌานก็เสื่อมได้ครับ ตัวอย่างเช่น พระเทวทัต , พระสาคตะผู้ปราบพญานาค แต่โยมถวายสุราให้ท่าน ฌานจีงเสื่อม ฤทธิ์ก็เสื่อม ซึ่งในตอนนั้นพระพุทธเจ้ายังไม่ได้บัญญัติพระวินัยข้อห้ามพระภิกษุฉันน้ำเมา ว่าเป็นอาบัติปาจิตตีย์ แต่ถ้าเป็นโลกุตตระฌานไม่มีทางเสื่อม เพราะบุคคลเหล่านั้นจะไม่ทำผิดศีลผิดธรรมครับ
ตอบคือ อยากจะบอกว่าศีลเป็นบาทฐานของสมาธิถ้าผิดศีลเข้าก็อาจจะต้องเสื่อมบ้างละครับ สำหรับโลกียะฌาน-โลกียฤทธิ์ทันทีที่ผิดศีลผิดธรรมก็เสื่อมทันที และทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณบุญกรรมที่ทำมาด้วย ถ้ากรรมเก่าเข้ามาแทรกตอนนั้นก็เสื่อมทันที ถ้าบุญยังหนุนอยู่ก็อาจเสื่อมช้าหน่อย
ตอบ สำหรับโลกียะฌาน-โลกียฤทธิ์ทันทีที่ผิดศีลผิดธรรมก็เสื่อมทันที และทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณบุญกรรมที่ทำมาด้วย ถ้ากรรมเก่าเข้ามาแทรกตอนนั้นก็เสื่อมทันที ถ้าบุญยังหนุนอยู่ หรือ อดีตชาติเคยทำได้มาเยอะ ก็อาจเสื่อมช้าหน่อย ครับ
ตอบ ผิดศีล ผิดธรรม นิวรณ์ 5เกิด มี 1.กามฉันทะ ความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันเป็นวิสัยของกามารมณ์ 2.พยาบาท ความผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ 3.ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณธรรม 4.อุทธัจจกุกกุจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน และความรำคาญหงุดหงิด 5.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ ไม่แน่ใจว่าจะมีผลจริงตามที่คิดไว้หรือไม่เพียงใด ฯลฯ ยังมีอีกหลายองค์ประกอบครับ แล้วอีกอย่างนั้นก็คือ การทำสมาธิไม่ต่อเนื่อง ถูกผิด ก็ขออภัยด้วยครับ
********************************************************
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#3
โพสต์เมื่อ 21 March 2006 - 03:39 PM
#4
โพสต์เมื่อ 21 March 2006 - 04:30 PM
ครั้งหนึ่งได้เหาะผ่านไปทางปราสาท เห็นผู้หญิง(ไม่แน่ใจนะครับว่าเป็นธิดาเศรษฐีหรือป่าว ) กำลังเปลี่ยนผ้าอยู่เข้าพอดี เกิดกามกำเริบก็เลยฌานเสื่อมแล้วตกลงมาครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#5 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 21 March 2006 - 04:51 PM
ครั้งนั้นพระบรมศาสดาเสวยพระชาติเป็นฤาษีผู้ทรงอภิญญา5 สมาบัติ8 ในหิมพานต์ มีพระเจ้าพรหมทัต(พระอานนท์)เป็นศิษฐ์ได้นิมนต์ฤาษีมารับภัตตาหารทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตต้องออกศึก จึงฝากพระมเหสี(พระอุบลวรรณา)ถวายภัตตาหารแทน
วันเกิดเหตุฤาษีออกจากฌานสมาบัติช้า พระมเหสีรอถวายภัตตาหารนาน จึงเอนกายลงนอนรอ เมื่อฤาษีออกจากสมาบัติจึงรีบเหาะมา พุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง ประจวบกับพระนางได้ยินเสียง จึงรีบลุกขึ้นเป็นเหตุให้ภูษาหลุด ฤาษีที่มีฌานแกร่งกล้าแต่ขาดความสำรวมจึงเสื่อมจากฌาน
#6
โพสต์เมื่อ 21 March 2006 - 09:16 PM
เมื่อบุรุษผู้มีฌานท่านหนึ่งได้ทำการเสพสุรายาเสพย์ติดตลอดจนสิ่งมึนเมาอื่นๆ การกระทำเช่นนี้ย่อมได้ชื่อว่า เป็นการทำลายสติให้ขาดออกจากใจโดยแท้ และตัวสตินั่นเองที่เป็นบ่อเกิดของสมาธิ ในเมื่อขาดสติเสียแล้ว สมาธิจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? และในเมื่อสมาธิไม่เกิด สมาธิในระดับที่ละเอียดนิ่งแน่น ทั้งในระดับเฉียดฌาน (อุปจารสมาธิ) และนิ่งแน่นเทียบเท่าฌาน (อัปปนาสมาธิ) จะเกิดขึ้นได้ไหม?
ขอตอบว่า กิเลสทั้ง ๓ กอง (โลภ โกรธ หลง) นั้นแล เป็นมูลเหตุให้เสื่อมจากองค์ฌานได้ทั้งสิ้น (มิใช่เพียงแค่ตัวใดตัวหนึ่งนะครับ)
#7 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 22 March 2006 - 12:09 AM
ใจจะหยุด นิ่ง ตั้งมั่นได้มั่นคง ก็ควรมี กาย วา จา ใจ สุจริต คือ ศีลบริสุทธิ์เป็นพื้นฐาน
คงพอจำกันได้นะครับว่า
ศีล เป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย และเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง
บุคคลใด ชะระศีล ให้บริสุทธิ์แล้ว ย่อมเป็นเหตุให้เว้นจากความทุจริต จิตจะร่าเริงแจ่มใส
และเป็นท่าหยั่งลง มหาสมุทร คือ นิพพาน
เอาแค่ คนที่รักษาศีล บริสุทธิ์ ขยันบำเพ็ญสมาธิ
ยังไม่แน่ว่า ใจจะหยุดนิ่งได้สมบูรณ์
นับประสาอะไรกับ ผู้ที่มีศีลไม่บริสุทธิ์
#8
โพสต์เมื่อ 22 March 2006 - 12:22 AM
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#9
โพสต์เมื่อ 22 March 2006 - 12:37 AM
เพราะเห็นบางคนอ้างว่ามีฌานขั้นโน้นขั้นนี้ ทำสิ่งต่างๆได้ แต่ยังสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าอยู่
ดูแล้วน่าจะเป็นพวกโกหกหลอกลวง เ่ล่นกลมากกว่า
พอดีไปเจอมา ไม่เคยเจอตัวจริงหรอกครับ เห็นจากวีดีโอ ก็ไม่ค่อยเชื่ออยู่แล้ว
แต่คนรู้จักคนหนึ่ง (ซึ่งผมก็นับถือว่าเป็นผู้มีความรู้มากผู้หนึ่ง)
มายืนยันว่าเค้ามีฌานจริงๆ ไอ้เราก็นึกค้านอยู่ในใจ
ดูต่อไปก็ไปเห็นเค้า (คนที่อ้างว่ามีพลังพิเศษ) สูบบุหรี่เต็มๆเลย (จากที่ดูในวีดีโอ)
ส่วนดื่มเหล้านี้ยังไม่เห็นจะๆ แต่เห็นว่าแจกเหล้าให้คนอื่นๆที่ไปดูเค้า
พอได้อ่านคำตอบในนี้เรียบร้อยก็จะได้ค้านได้เต็มปากหน่อยครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#10
โพสต์เมื่อ 22 March 2006 - 12:40 AM
#11
โพสต์เมื่อ 22 March 2006 - 12:46 AM
ดูแล้วน่าจะเป็นพวกโกหกหลอกลวง เ่ล่นกลมากกว่า
ถูกต้องครับ เป็นเรื่องของการอุปโลกน์ขึ้นมาทั้งสิ้น ฉะนั้น ผมจึงขอสรุปปิดท้ายว่า การที่เราจะเชื่อในคำกล่าวอ้างถึงคุณธรรมความดีของบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้น เราต้องพิจารณาเทียบดูด้วยเหตุและผลอยู่เนืองๆ ว่า การกระทำกับคำพูดของเขานั้นมีความสอดคล้องกันหรือไม่? ถ้าไม่ก็ Say good bye เหอะครับ คนปากอย่างใจอย่างเช่นนี้ หาได้มีความจริงใจอันใดกับเราไม่ และอย่ามัวไปเสียเวลากับคนพวกนี้เลยนะครับ
#12
โพสต์เมื่อ 22 March 2006 - 05:21 AM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#13
โพสต์เมื่อ 22 March 2006 - 11:43 AM
ขอบอกนิดนึง เดี๋ยวท่านอื่นที่เขามาอ่าน จะเข้าใจผิด โดยปกติ พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านไม่สูบบุหรี่ครับ
ขออภัยกับข้อความที่โพสต์ไปก่อนหน้านี้นะครับ เดี๋ยวขอตรวจสอบข้อมูลก่อน เพราะอ่านที่คุณเกียรติก้องธรณินทร์โพสต์แล้ว ผมเองอาจจำข้อมูลสับสน
Someday I'm gonna be free.
#14
โพสต์เมื่อ 22 March 2006 - 11:58 AM
ดิฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลยค่ะ ขอความกระจ่างด้วยค่ะ
#15 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 22 March 2006 - 12:29 PM
#16
โพสต์เมื่อ 22 March 2006 - 12:52 PM
แล้ว ตอบตามความเข้าใจนะครับ ผู้ที่ได้ฌาณไม่ต้องพึ่งเหล้าบุหรี่ แต่อาจจะหลงไปเสพได้
เนื่องจากไม่รู้จัก
#17
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 01:19 AM
สาเหตุที่ท่านสูบบุหรี่ เพราะท่านใช้เป็นกุศโลบาย ในการจับอุบาสิกาที่ประพฤตินอกลู่นอกทางครับ (Neung)
ดิฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลยค่ะ ขอความกระจ่างด้วยค่ะ
น่าจะเป็นเณรมากกว่าอุบาสิกาครับ
#18
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 01:44 AM
#19
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 04:01 AM
ใช่แล้วครับ ที่ถูกต้องเป็นสามเณร ขอขอบพระคุณ คุณIQ0 และ คุณเกียรติก้องธรณินทร์ เป็นอย่างสูงครับ ที่เข้ามาช่วยแก้ไขให้ ผมเองอ่านมาค่อนข้างเยอะ และเรื่องนี้ก็อ่านผ่านตามานานมากแล้ว เลยจำสับสนไปหน่อย ต้องขอโทษทุกๆท่าน ที่ให้ข้อมูลผิดพลาดไปครับ ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ
Someday I'm gonna be free.
#20
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 06:05 AM
ไม่เคยเห็นท่านสูบบุหรี่ ญาติผมไปรอรับพระของขวัญจากท่าน
#21
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 07:21 AM
#22
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 11:36 AM
คุณครูไม่ใหญ่เคยบอกไว้ว่าสุราแม้เพียงหยดเดียวก็นำความเสื่อมมาให้
#23
โพสต์เมื่อ 23 March 2006 - 12:47 PM
เหมือนอย่างนี้ไงครับ เหมือนยุ้งของชาวนาเก็บข้าวสารไว้จำนวนหนึ่ง แต่มีโจรมาขโมยข้าวสารไปจากยุ้ง แต่ชาวนาไถนาเก่งมากได้ข้าวสารมาใส่ยุ้งตลอด คำถามคือ เมื่อไหร่ข้าวสารจะหมดยุ้ง คำตอบคือ ขึ้นกับ 3 ปัจจัย ได้แก่ ข้าวสารเก่าที่มี จำนวนข้าวสารที่โจรขโมยไป จำนวนข้าวสารที่ชาวนาเติมมาใหม่
ดังนั้น ที่ให้ข้อมูลว่า หลวงปู่ท่านนั้นท่านนี้สูบบุหรี่อยู่ ทำไมมีฤทธิ์ ก็แบบนี้แหละครับ เพราะในอดีตกาลจริงๆ แล้ว คุณยายทองสุกท่านก็สูบบุหรี่มาก่อนปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรมแล้วก็ยังสูบอยู่ เพราะในยุคนั้น ไม่รู้ว่ามันคือสารเสพติด แต่ตอนหลังก็เลิก
ส่วนคุณยายจันทร์ของเรา นี่ชอบกินหมาก กินประจำควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรมนั่นแหละ จนนายไชยบูลย์ (ปัจจุบันคือหลวงพ่อธัมมชโย) บอกว่า ยายชอบกินเหรอ มันอร่อยตรงไหน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะลองกินดูบ้าง เท่านั้นแหละครับ วันพรุ่งนี้ หมากและเชี่ยงหมากหายไปหมดเลย และคุณยายจันทร์ก็เลิกกินหมากตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
#24 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 24 March 2006 - 05:12 PM
#25
โพสต์เมื่อ 28 March 2006 - 03:56 PM
แต่น้องหัดฝัน อธิบายกระจ่างไปแล้ว..
แต่พี่นะไม่เคยสนพระรูปใด ๆ เลย...ที่ว่าดัง ๆ เลื่องลือในด้านต่าง ๆ
ยุคเก่า ๆ ที่คนแห่ไปกราบไหว้...พี่ก็ไม่ไป(ยังละอ่อนอยู่ด้วยมั่ง)
อย่างหลวงพ่อคูณ พ่อแม่ไปกราบท่านมา พี่ก็ไม่ไป...
ไม่รู้ซิ เพราะอะไร รวมไปถึงท่านอื่นๆ ที่ดัง ๆ ในยุคนี้ ที่ท่านมีอภิญญาต่าง ๆ
พี่ไม่เคยไปกราบท่านเลยสักรูปเลยค่ะ ไม่ค่อยสนใจ ไม่ค่อยแสวงหาด้วยมั่ง...
แสวงหามาก ๆ มันบ่งชี้ได้ว่า ใจเรามันพร่องไปเยอะ เลยต้องหาที่พึ่งทางใจไว้
แค่เรื่องสูบบุหรี่สูบยาเส้นนี่พี่ก็ไม่ชอบแล้วนะ หากพี่รู้ พี่หมดศรัทธาเอาเลยนะ
พอเห็นพระลูกวัดที่ท่านสูบบุหรี่ในวัดในญาติโยมเห็น พี่ว่าท่านหมดราศีความเป็นสมณะไปจริง ๆ นะ ใจพี่มันจะขาดความนับถือพระรูปนั้น ๆ ไปฉับพลันจริง ๆ อาจพาลไปถึงวัดด้วย...(มีบ้างนิดหน่อย ไม่มากคะ)
แต่พอพี่กราบหลวงปู่วัดปากน้ำ กราบมาตั้งแต่ ม.ต้น เพราะโรงเรียนบังคับไป ให้นั่งธรรมะ
ด้วยวิสัยเด็ก ๆ นั่งทำมั๊ยว่า พอนั่งไปก็บ่นไป ปวดก็ปวด ตาก็เห็นอะไรก็ไม่รู้วาปไปวาปมา
ใจมันคงแกว่งหรืออาจเป็นเพราะเราเกร็งลูกตาก็ได้
และเมื่อได้กราบพระพุทธชินราช ที่พิษณุโลก เมื่อปี่ที่แล้ว จะปลื้มมากๆ
..ก่อนเข้าไปพื่ค่อนข้างใจขุ่นกับภาพการณ์ภายนอกอุโบสถ (หากจำไม่ผิด เพราะเป็นวัดหลวง)แม่ค้าพ่อค้าเต็มไปหมด เพราะไม่อยากให้มีการขายของในเขตจริงๆ เลย
หากจะขายก็ของให้จัดไว้นอกเขตไม่ได้เหรอ ถึงแม้ชาวบ้านและวัดต้องอยู่ด้วยกัน..(คิดในใจ)
แต่พอได้เข้าไปกราบองค์พระพุทธชินราช รับรู้ได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน เย็นกายเย็นใจ
เย็นกายพอรู้ได้ว่า อาจมาจากเครื่องปรับอากาศที่เค้าอาจติดตั้งไว้ แต่เมื่อยู่สักพักเย็นกาย มันเปลี่ยนเป็นเย็นกายที่รู้สึกปีติใจมากกว่า ...พี่อยากบอกว่า พี่ได้อธิษฐานจิตขอพรจากท่านให้ งานหลวงพ่อธัมมะ ขอให้งานหมู่คณะสำเร็จได้ด้วยเร็วได้โดยสะดวก ขอผลบุญที่พวกเราตั้งใจกระทำขอให้ท่านได้โปรดอนุโมทนาบุญด้วย (ประมาณนี้นะค่ะ) พอกราบท่านเท่านั้น อาการปิติมันเกิดขึ้นเองอีกแหละ...เหมือนว่าท่านรับรู้รับทราบ...พี่อยากจะร้องไห้ สุขใจสุดๆไปเลย...จนไม่อยากออกไปข้างนอก เพราะออกไปก็เจอ...
แต่พี่สังเกตุตัวเองเหมือนกันแต่เด็กจนรู้ความมากมายแล้วไม่ค่อยแสวงหาพระดัง ๆ ไปกราบ
มีรูปเดียวที่กราบคือ หลวงพ่อธัมมะ ที่ดังไปทั่วโลกผ่าน DMC ทุกวันนี้ แต่ไม่ใช่เป็นการแสวงหาเลย เป็นเพราะเหตุบังเอิญจริง ๆ...ก่อนเจอ พี่ก็เห็นจำได้แวบๆ ว่าเคยเห็นอัญเชิญ พระธรรมกายองค์ใหญ่สถิตภายในเจดีย์(ถ่ายทอดสด) พี่ก็ชี้ให้น้องชาย(ที่เสียไปแล้วดู) จำได้ว่าอาการของน้องชายก็ปลื้มเหมือนกัน ปลื้มไปด้วยกันเลยสองคนพี่น้อง แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก..
จนเวลาผ่านไป...ก็มาเจอ เพราะการเสียของน้องชาย ทำให้เราตอนนี้แสวงหาธรรมเพื่อบ่มใจล่ะ
ให้คลายทุกข์...แต่คนที่มาเจอวัดก็เป็นพ่อแม่ ส่วนพ่อก็รู้จักมาก่อนหน้านี้แล้ว คงคิดกันยังไงไม่รู้ หรือบุญชี้นำ ก็พาสองท่านมาที่วัด กลับไปก็เอาหนังสือ"เดินไปสู่ความสุข" มาให้อ่านและกับอีกหลาย ๆ เล่ม แต่อ่านหนังสือ เดินไปสู่ความสุข แล้วอยากเห็นมาก ๆๆๆๆๆๆๆ อยากเห็นยาย(แต่ไม่ได้มีโอกาสเห็นเลย เพราะนิสัยไม่แสวงหายังติดอยู่) ตอนนั้นมาเห็นทำเหมือนหยิ่ง ๆ เลยนะ นึกแล้วก็ขำตัวเอง อิอิ "เออ! วัดใหญ่ดี สะอาดดีแหะ ร่มรื่นนิดหน่อย แต่สงบสะอาดดีจัง" ...ก็แค่นั่น แล้วก็กลับมาอีกทีตอนบวชอุบาสิกาแก้ว...หลังจากนั่นก็ไม่ไปไหนอีกเลย ..
เหมือนโดนดูดไว้เลย เหมือนรู้ว่า เรามาถูกทางแล้ว ถึงแม้ตอนนั่นมีข่าว สารพัดเลย พี่ก็มาใครจะ
ทำมั๊ย!? และไม่เคยคิดพิสูจน์เลยว่า หลวงพ่อธัมมะเป็นอย่างไร เป็นเหมือนข่าวหรือเปล่า... คิดแต่ว่า เอาน่า! ลองดูสักหนแล้วกัน หากท่านดีจริงๆ ท่านต้องผ่านไปได้...
แต่พระแถวบ้านพี่ พี่ก็กราบท่านนะค่ะ ไปไหนเห็นพระก็หรือไปวัดไหน พี่กราบก็ไหว้เหมือนเดิมนะ แต่ตอนนี้เรากำลังพูดถึง พระที่มีญาณ และดังในยุคนี้ (กระทู้กลายพันธุ์)
พูดถึงกรณีพระที่ดัง ๆ หลาย ๆรูปนะ