สวดมนต์เห็นธรรม อานิสงส์ไม่มีประมาณ
อานุภาพการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย
จะช่วยขจัดทุกข์โศกโรคภัย สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ
ที่มาเกิดกับเราและมวลมนุษยชาติทั้งหลาย
ให้มลายหายสูญไป
ในการสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย
เราต้องฝึกท่องบทสวดให้จำได้จนคล่องปากขึ้นใจ
ขณะสวดให้นั่งพับเพียบ พนมมือ หลับตา
เอาใจจรดไปที่ศูนย์กลางกาย
นึกถึงองค์พระหรือดวงธรรมใส ๆ
โตใหญ่ขนาดไหนก็ได้ แล้วแต่ใจเราชอบ
หากยังนึกไม่เห็น ไม่เป็นไร ให้ทำความรู้สึกว่ามีองค์พระหรือดวงธรรมใส ๆ อยู่ในกลางท้องของเรา
แล้วทำความรู้สึกประหนึ่งว่า เรานั่งอยู่ในอายตนนิพพานกำลังเข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธองค์เสียงที่เปล่งออกมา
ไม่ใช่ดังออกมาจากปาก หรือแค่คอของเราเท่านั้นแต่ให้เป็นเสียงแก้ว
ที่กลั่นออกมาจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์ภายในจากองค์พระใส ๆ จากดวงธรรมใส ๆ ผ่านศูนย์กลางกายหรือจำง่าย ๆ ว่า
เสียงสวดมนต์นั้นได้เปล่งออกมาจากกลางท้องแล้วค่อยออกมาที่ปากของเรา
เสียงที่เปล่งออกมา ให้เป็นเสียงที่ดังพอดี ๆ
ไม่ดังในระดับเสียงตะโกน หรือไม่ค่อยเหมือนเสียงกระซิบแต่ให้ดังในระดับที่เราได้ยินด้วยหูของเราเอง และคนข้าง ๆ ได้ยิน
เสียงที่สวดออกมาดีจะมีอานุภาพไปไกล
ที่กายละเอียดทั้งหลาย
หรือใครที่ได้ยินได้ฟังก็จะชุ่มชื่นจิตใจเบิกบาน สว่างไสวและไม่ใช่ว่าสวดเฉพาะพวกเรา แม้กายละเอียดที่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยก็จะร่วมสวดไปพร้อม ๆ กันด้วย
ทุกครั้งที่เราสวดมนต์
ใจเราก็จะถูกกลั่นให้สะอาดบริสุทธิ์
บุญก็เกิดขึ้นกับตัวเราใจก็เป็นมงคล ปากเราก็เป็นมงคล หูเราก็เป็นมงคล
ทั้งเนื้อทั้งตัวเราเป็นสิริมงคลทั้งหมด
วิบากกรรมที่ติดมาข้ามภพข้ามชาติ
เพราะอกุศลเข้าสิงจิตทำให้เราพลาดพลั้ง
คิดผิด พูดผิด ทำผิด
ก็จะถูกกลั่นแก้ไปด้วย
หนักก็จะเป็นเบา เบาก็จะหาย จิตใจที่ขุ่นมัวก็จะใสสว่างเสียงที่กระจายออกไปจากใจใส ๆ ที่เกิดจากความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยนั้นจะเชื่อมเป็นพลังใจซึ่งกันและกันกระจายขยายเชื่อมกับบรรยากาศรอบตัว แล้วแผ่ขยายไปทุกทิศทุกทาง
ไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว
จักรวาลน้อยใหญ่ต่าง ๆ อันไม่มีประมาณ
จะเป็นกระแสคลื่นแห่งความบริสุทธิ์
ที่ขยายไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ที่จะช่วยขจัดสิ่งที่เป็นมลทินที่อยู่ในบรรยากาศทุกข์ โศก โรคภัย สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ก็จะมลายหายสูญไป
ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความคิดเบียดเบียนกันก็จะค่อย ๆ ละลายจางหายไปเรื่อย ๆสิ่งที่เป็นมลทินต่าง ๆ จะค่อย ๆ ถูกกลั่นแก้กันไป
เพราะฉะนั้น ต้องหมั่นสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยด้วยจิตที่เลื่อมใสทุก ๆ วัน
และเวลาสวดให้สวดด้วยใจที่ชุ่มชื่น เบิกบานให้มีความเคารพเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง
สวดมนต์อย่างถูกหลักวิชชา อย่างนี้จึงจะเรียกว่าสวดมนต์เห็นธรรม ที่มีอานิสงส์ไม่มีประมาณ
๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗
พระเทพญาณมหามุนี
(หลวงพ่อธมฺมชโย)