คำว่าความดีแล้วมันทำได้มากกว่าการทำชั่วเสียอีก แต่ไม่ใช่ว่าจะทำความดีไม่ได้ การทำความเหมือนเราพายเรือทวนสายน้ำแต่ความชั่วเหมือนเราปล่อยเรือลำนั้นลอยตามสายน้ำ ถ้าเรายิ่งพายมันก็จะยิ่งทำให้เราเร็วขึ้นก็เหมือนว่าถ้าเราทำชั่วเพิ่มขึ้นๆ ผลกรรมนั้นก็จะยิ่งมากขึ้น ยากที่จะตัดกรรมไปได้ ดังที่ได้บอกความดีก็เหมือนน้ำ 1 ขวด นึกถึงน้ำขวดสิงห์ (แต่เป็นขวดป่าวนะ) แล้วลองทำอย่างนี้นะครับ ถ้าเราทำดีก็ตักน้ำใส่ลงไป 1 ช้อนชา เช่นกันถ้าเราทำชั่วก็ตักเกลือลงไป 1ช้อนชา ในปริมาณที่เท่ากัน ทำไปเรื่อยๆๆ พอเติมขวดเราลองมาชิมนะครับว่าน้ำมันจะเค็มไหม ถึงแม้เราทำชั่วไปบ่อยแต่ก็ได้ริมรสความเค็มของเกลือเหมือนกัน ใช่ไหมครับ ผมถึงบอกได้ว่า ทำดี 10 มันก็ลบเลือนความชั่วที่ทำเพียงครึ่งเดียวไม่ได้ =========================อหิงสา===================================
==================อยากเห็นคนไทยรักกัน :'( :'( =====================
•~ความดีก็เหมือนน้ำขวดหนึ่ง~•
Started by •อหิงสา•, Oct 12 2008 10:18 PM
9 replies to this topic
#1
Posted 12 October 2008 - 10:18 PM
#2
Posted 13 October 2008 - 12:58 AM
จากบทความของเจ้าของกระทู้ จับประเด็นได้ 3หัวข้อ จึงขอแสดงหลักคิดไว้ดังนี้
ประเด็นที่ 1 ความดีทำได้ยากกว่าความชั่วเสียอีก
หลักคิด : พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ความดีนั้นคนดีทำได้ง่าย แต่คนชั่วทำได้ยาก ส่วนความชั่วนั้นคนดีทำได้ยาก แต่คนชั่วทำได้ง่าย"
ประเด็นที่ 2 การทำความดีต้องสวนกระแสกับการทำความชั่ว(บาป)
หลักคิด : ปลาที่ตายแล้วเท่านั้นจึงไหลไปตามกระแสน้ำ ส่วนปลาที่ยังเป็นจะว่ายทวนกระแสน้ำ ฉันใด คนที่ตายแล้ว
(ตั้งอยู่ในความประมาท เพราะไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม)เท่านั้นจึงไหลไปตามกระแสกิเลส(บาป) ส่วนคนที่ยังเป็น(ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม)จะไหลทวนกระแสกิเลส(บาป) ยิ่งไหลทวนมากขึ้นๆ ก็ยิ่งทำให้ตัดกระแสกรรม(บาป)ได้มากขึ้นๆไปตามลำดับ
ประเด็นที่ 3 ทำความดีมามากเท่าใดก็ลบความชั่วที่เคยทำไม่ได้
หลักคิด : ถ้าเป็นความดีธรรมดาย่อมไม่สามารถลบความชั่วที่เคยทำมาได้เร็วดังใจปรารถนา แต่ถ้าเป็นความดีอย่างยิ่งยวด ย่อมสามารถลบความชั่วที่เคยทำมาทั้งหมดได้ ดังเช่นอหิงสะกะ(หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า องค์คุลีมาล)ได้ฆ่าคนมาตั้งมากมาย แต่พอได้พบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ฟังธรรม ทำให้สำนึกผิด กลับตัวกลับใจมาทำความดีอย่างยิ่งยวด สุดท้ายก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์หมดกิเลสเข้าพระนิพพาน
อย่าเพิ่งท้อแท้หรือหมดกำลังใจทำความดี แล้วก็อย่าคิดว่าทำชั่วทำได้ง่ายนึกอยากทำเมื่อไหร่ก็ได้
เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "อย่าคิดว่าความดีเล็กน้อยแล้วจึงไม่ทำ และอย่าคิดว่าความชั่วเล็กน้อยแล้วจึงทำ เพราะขึ้นชื่อว่ากรรมดีหรือกรรมชั่ว จะไม่ส่งผลนั้นเป็นไม่มี"
อยากเห็นสรรพสัตว์ทั้งโลกรักกัน
เจริญพร
ประเด็นที่ 1 ความดีทำได้ยากกว่าความชั่วเสียอีก
หลักคิด : พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ความดีนั้นคนดีทำได้ง่าย แต่คนชั่วทำได้ยาก ส่วนความชั่วนั้นคนดีทำได้ยาก แต่คนชั่วทำได้ง่าย"
ประเด็นที่ 2 การทำความดีต้องสวนกระแสกับการทำความชั่ว(บาป)
หลักคิด : ปลาที่ตายแล้วเท่านั้นจึงไหลไปตามกระแสน้ำ ส่วนปลาที่ยังเป็นจะว่ายทวนกระแสน้ำ ฉันใด คนที่ตายแล้ว
(ตั้งอยู่ในความประมาท เพราะไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม)เท่านั้นจึงไหลไปตามกระแสกิเลส(บาป) ส่วนคนที่ยังเป็น(ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม)จะไหลทวนกระแสกิเลส(บาป) ยิ่งไหลทวนมากขึ้นๆ ก็ยิ่งทำให้ตัดกระแสกรรม(บาป)ได้มากขึ้นๆไปตามลำดับ
ประเด็นที่ 3 ทำความดีมามากเท่าใดก็ลบความชั่วที่เคยทำไม่ได้
หลักคิด : ถ้าเป็นความดีธรรมดาย่อมไม่สามารถลบความชั่วที่เคยทำมาได้เร็วดังใจปรารถนา แต่ถ้าเป็นความดีอย่างยิ่งยวด ย่อมสามารถลบความชั่วที่เคยทำมาทั้งหมดได้ ดังเช่นอหิงสะกะ(หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า องค์คุลีมาล)ได้ฆ่าคนมาตั้งมากมาย แต่พอได้พบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ฟังธรรม ทำให้สำนึกผิด กลับตัวกลับใจมาทำความดีอย่างยิ่งยวด สุดท้ายก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์หมดกิเลสเข้าพระนิพพาน
อย่าเพิ่งท้อแท้หรือหมดกำลังใจทำความดี แล้วก็อย่าคิดว่าทำชั่วทำได้ง่ายนึกอยากทำเมื่อไหร่ก็ได้
เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "อย่าคิดว่าความดีเล็กน้อยแล้วจึงไม่ทำ และอย่าคิดว่าความชั่วเล็กน้อยแล้วจึงทำ เพราะขึ้นชื่อว่ากรรมดีหรือกรรมชั่ว จะไม่ส่งผลนั้นเป็นไม่มี"
อยากเห็นสรรพสัตว์ทั้งโลกรักกัน
เจริญพร
#3
Posted 13 October 2008 - 01:14 PM
ขอกราบอนุโมทนาบุญสาธุ สาธุ สาธุ กับพระ ping ครับ.
#4
Posted 14 October 2008 - 04:25 PM
ขอขอบพระคุณพระping ครับที่ชี้ทางสว่างให้ผม กราบมนัสการครับ สาธุ
#5
Posted 27 October 2008 - 09:51 AM
สาธุ ค่ะ
#6
Posted 29 October 2008 - 07:23 AM
ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ยายทำ ยายก็ได้ คุณก็ไม่ได้ คุณทำคุณก็ได้ เพราะฉะนั้นก็ทำมากๆ ไว้ก่อน เราทำทุกๆ วัน "ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าวัดตลอดชีวิต"
#7
Posted 30 October 2008 - 09:50 AM
ขอเอาไปเผยแพร่น้า~
หยุดเป็นตัวสำเร็จ
#8
Posted 01 November 2008 - 03:34 AM
สาธุ ครับ
#9
Posted 03 November 2008 - 04:18 AM
Bottled water won't do, you need the living water from the Fountain of Life. You drink bottled water and you will thirst again, but if you drink from the Fountain of Life, you will never thirst again.
#10
Posted 07 November 2008 - 10:03 PM
เปรียบเทียบได้ดีครับ อนุโมทนา สาธุ
วณิพก ผู้แสวงหาปัญญา