ประวัติความเป็นมา พระสีวลี เป็นพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสา ผู้เป็นธิดาของพระเจ้ากรุงโกลิยะ ตั้งแต่พระสีวลีได้ปฏิสนธิถือกำเนิดในครรภ์พระมารดา ได้เกิดมีลาภสักการะแก่พระมารดาเป็นอันมาก เนื่องด้วยบุญของพระสีวลี แต่อยู่ในครรภ์พระมารดาถึง ๗ปี ๗เดือน ๗วัน เนื่องด้วยกรรมที่เคยทำมาซึ่งจะกล่าวตอนท้าย(โปรดติดตาม) เมื่อเวลาที่พระนางประสูติ พระนางได้เสวยทุกขเวทนาเป็นอย่างมาก จึงขอให้ พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพรจากพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาจึงประทานพรให้แก่พระนางว่า ขอพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุข ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้เถิด ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพ ทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานไป พระนางประสูติพระราชโอรสอย่างง่ายดาย ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนามพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสาว่า สีวลีกุมาร เมื่อพระนางสุปปสาวามีสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว มีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานติดต่อกันเป็นเวลา ๗ วัน จึงบอกความประสงค์แก่พระสวามีให้ทราบเพื่อกราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ มารับมหาทานอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวสน์ ตลอดทั้ง ๗ วัน ในวันถวายมหาทานนั้น สีวลีกุมาร มีพระวรกายเข้มแข็งดุจกุมารผู้มีพระชนม์ ๗ พรรษา ได้ช่วยพระบิดาและพระมารดาจัดแจงกิจต่าง ๆ มีการนำธมกรก (ธะมะกะหรก = กระบอกกรองน้ำ) มากรองน้ำดื่ม และได้ถวายพระพุทธเจ้าและเหล่าพระภิกษุสงฆ์ ในขณะที่พระสีวลีช่วยงานพระบิดาและพระมารดาอยู่นั้น พระสารีบุตรได้สังเกตดูพระสีวลีอยู่ตลอดเวลา และเกิดความรู้สึกพอใจพระสีวลีเป็นอย่างมาก เมื่อถึงวันที่ ๗ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย พระสารีบุตรจึงเข้าไปสนทนากับพระสีวลีและชักชวนให้บวช ส่วนพระสีวลีเป็นผู้มีจิตใจน้อมไปในทางที่จะบวชอยู่แล้วเมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้ไปกราบทูลขออนุญาตจากพระบิดาและพระมารดา พระบิดาและพระมารดา อนุญาต พระสีวลีจึงได้ตามพระสารีบุตรไปยังอาศรมแล้วจึงบวช
บรรลุมรรคผล เมื่อพระสีวลีบวชแล้วพระสารีบุตรซึ่งเป็นผู้บวชให้จึงให้กรรมฐานเบื้องต้น คือ ตจปัญจกกรรมฐานทั้ง ๕ ได้แก่ เกสา(ผม) โลมา(ขน) นขา(เล็บ) ทันตา(ฟัน) ตโจ (หนัง) ให้พิจารณาของทั้ง ๕ เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งามเป็นของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหลในสิ่งเหล่านี้ พระสีวลี ได้ฟังพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณาในขณะที่กำลังจับมีดโกนเพื่อโกนผมครั้งแรกนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน โกนผมครั้งที่ ๒ ท่านได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี โกนลงครั้งที่ ๓ ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี และเมื่อโกนผมเสร็จ ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
พระพุทธองค์และหมู่ภิกษุอาศัยบุญพระสีวลี ในสมัยหนึ่งพระบรมศาสดาได้เสด็จพร้อมพระภิกษุสงฆ์ 500 รูป ไปสู่ป่าตะเคียนเพื่อเยี่ยมพระเรวตะซึ่งเป็นน้องชายพระสารีบุตร ในระหว่างทางมีทางแยกสองทาง
พระอานนท์ได้ทูลแก่พระบรมศาสดาว่า
ทางแยกทางหนึ่งเดินอ้อมไป60 โยชน์ เป็นหมู่บ้านคนพระภิกษุจะไม่ลำบาก แต่ถ้าเดินลัดไปอีก ทางหนึ่งระยะทาง 30 โยชน์ จะเต็มไปด้วยอมนุษย์เป็นที่ลำบากแก่พระภิกษุสงฆ์
พระบรมศาสดาได้ตรัสถามพระอานนท์ว่า
ดูกรอานนท์ พระสีวลีมาด้วยรึเปล่า
พระอานนท์ทูลตอบว่า
มาด้วยพระพุทธเจ้าข้า
พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า
ดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงไปทางลัด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลด้วยอาหาร
บิณฑบาต เพราะเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทาง จะจัดสถานที่พักและอาหารบิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลีผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกตน เราทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของ พระสีวลี นั้นด้วย
ได้รับยกย่องในทางผู้มีลาภมาก
ด้วยอำนาจผลบุญของพระสีวลีที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่ชาติก่อน เป็นปัจจัยส่งผลให้ท่านเจริญด้วยลาภสักการะ โดยมีเทพยดานาค ครุฑ มนุษย์ นำมาถวายอย่างไม่ขาดตกบกพร่องไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ด้วยเหตุนี้พระสีวลีจึงได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านลาภสักการะ เป็นหนึ่งในมหาสาวก ซึ่งได้ช่วยแบ่งเบาภาระพระศาสดาและได้ช่วยงานพระศาสนาเป็นอย่างมาก ท่านดำรงชีพอยู่สมควรแก่กาล ก็ดับขันธปรินิพพาน
กรรมของพระสีวลี เหตุที่ต้องอยู่ในท้องแม่ถึง ๗ปี ๗เดือน ๗วัน ก็เพราะ ในอดีตชาติ ท่านได้บังเกิดเป็นกษัตริย์ ได้ยกทับไปตั้งค่ายล้อมเมืองอื่น โดยไม่ให้ประชาชนได้ออกมาจากเมืองถึง ๗ปี๗เดือน๗วันด้วยเหตุนี้เอง เมื่อผลกรรมส่งผลในชาติที่เกิดเป็นพระสีวลีจึงต้องอยู่ในครรภ์ของพระมารดาถึง๗ปี ๗เดือน ๗วัน
ด้วยผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำนี้ ขอให้เจ้ากรรมนายเวร พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ตลอดจนวงศาคณาญาติทั้งหลาย ทั้งอดีตและปัจจุบัน และผู้ที่อาศัยอยู่ทั้ง 4โลก อันได้แก่ มนุษย์ นรก บาดาล สวรรค์ จงมีส่วนบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำด้วยเทอญ