ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เรื่องของพระพุทธเจ้า "ทีปังกร"


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1124 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 August 2007 - 12:04 PM

เรื่องของ "ทีปังกร"

......ช่วงที่ผ่านมาคำว่า "ทีปังกร"
มีผู้คนมากมายสงสัยว่าคำนี้มาจากไหน
และทำไมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือองค์ในหลวงของเรา
ได้พระราชทานนามนี้เป็นชื่อของพระโอรสของพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร

......"ทีปังกร" เป็นชื่อของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ในจำนวน ๒๘ พระองค์
(ซึ่งปรากฏในบทสวดมนต์ต่างๆ)
อาจจะเรียกว่า พระพุทธเจ้าทีปังกร อยู่ลำดับที่ ๔
ถ้าจะนับดูว่าผ่านมากี่ปีแล้ว ก็คงจะนับได้ยากมาก
และก็เป็นเรื่องประจวบเหมาะที่พระพุทธศาสนาที่มีพระทีปังกรเป็นศาสดาอยู่นั้น
มีสุเมธดาบส (กาลต่อมาอีกหลายแสนปีจึงเป็นพระพุทธเจ้าสมณโคดม)
ทราบข่าวว่า
พระพุทธเจ้าทีปังกรกำลังจะเสด็จจาริกเพื่อประกาศพระพุทธศาสนาใกล้ถึงเมือง
รัมมกนคร และจะมาประทับอยู่ในสุทัศนมหาวิหาร
ขณะนั้นประชาชนชาวรัมมกนครได้ออกไปเฝ้าทูลเชิญเสด็จเข้าสู่พระนคร
เพื่อรับบิณฑบาตในวันรุ่งขึ้นแล้วพากันตกแต่งทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ
ต้นไม้ขึ้นรกรุงรังแต่ละคนช่วยกันแผ้วถางเกลี่ยพื้นที่ให้เรียบร้อย
และจะได้มีการโปรยข้าวตอกดอกไม้ ยกธงชัย ธงผืนผ้า
ต้นกล้วย...

ในขณะที่ท่านสุเมธดาบสเมื่อทราบข่าวจึงขอแบ่งที่เพื่อตกแต่งทางตอน
หนึ่ง โดยท่านไม่ใช้อิทธิฤทธิ์ในการนั้น
ลงมือขนดินถมทางด้วยตนเอง

ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าทีปังกรเสด็จผ่านมา
ท่านสุเมธดาบสก็ทอดตนลงนอนถวายหลังให้เป็นทางเสด็จ
ท่านสุเมธดาบสก็ได้แลเห็นพระพุทธเจ้าทีปังกรมีพุทธลักษณะที่งดงาม
บังเกิดความเลื่อมใสจับใจจนถึงตั้งจิตปรารถนาขอเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

ในคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่าถ้าแม้ท่านสุเมธดาบสขอบรรพชาอุปสมบทเป็นภิกษุพุทธสาวก
ของพระทีปังกรพระพุทธเจ้า ก็จะพึงบรรลุนิพพานได้ในชาตินั้น
แต่ท่านสุเมธดาบสปรารถนาที่จะบรรลุสัมโพธิญาณเหมือนพระทีปังกรทศพล
ซึ่งจะเป็นการช่วยยกมหาชนขึ้นสู่ธรรมนาวาพาให้ข้ามจากสังสารสาครแล้วจึงจะปรินิพพานในภายหลัง

ฝ่ายพระทีปังกรพระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จถึงองค์สุเมธดาบส
ประทับยืน ณ ที่เบื้องศีรษะ ก็ได้ตรัสพยากรณ์ว่า
ท่านดาบสนี้ทำอภินิหารปรารถนาเพื่อเป็นพุทธะ
ความปรารถนาของท่านดาบสนี้จักสำเร็จในอนาคตเบื้องหน้าโน้น....

สุเมธดาบสครั้น ได้รับพุทธพยากรณ์ก็ได้ชื่อว่าเป็น "โพธิสัตว์" จำเดิมแต่นั้นมา


......ที่ยกมานี้เป็นเพียงตอนหนึ่งของสมัยพุทธกาลที่มีพระพุทธเจ้าชื่อ
"พระทีปังกรพระพุทธเจ้า" เป็นบรมศาสดา


ที่มา : http://www.budpage.c...e...?b=1&t=7038


หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#2 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 04 August 2007 - 03:54 PM

บทความนี้มีไม่ถูกต้อง 2 ที่นะครับ

QUOTE
ถ้าจะนับดูว่าผ่านมากี่ปีแล้ว ก็คงจะนับได้ยากมาก
และก็เป็นเรื่องประจวบเหมาะที่พระพุทธศาสนาที่มีพระทีปังกรเป็นศาสดาอยู่นั้น
มีสุเมธดาบส (กาลต่อมาอีกหลายแสนปีจึงเป็นพระพุทธเจ้าสมณโคดม)


ประการแรก ไม่ใช่แค่หลายแสนปีแน่ๆ ครับ หลายอสงไขยเลยทีเดียว อย่าลืมนะครับ ว่าพระพุทธเจ้า สร้างบารมีกันอย่างน้อย 20 อสงไขย ถ้าชาตินี้ ท่านได้พุทธทำนายเป็นชาติแรก อย่างน้อยๆ ก็ต้องอีก 4 อสงไขยครับ

เพราะพูดตัวเลขกันน้อยๆ เช่น พันปีบ้าง แสนปี บ้าง คนถึงได้เชื่อว่าพระศรีอริยเมตไตรย์จักได้มาตรัสรู้ในเวลาใกล้ๆ นี้นั่นแหละครับ จริงๆ อีกนานมากทีเดียว

QUOTE
สุเมธดาบสครั้น ได้รับพุทธพยากรณ์ก็ได้ชื่อว่าเป็น "โพธิสัตว์" จำเดิมแต่นั้นมา


สุเมธดาบส ท่านเป็นโพธิสัตว์อยู่แล้วครับ แต่ก่อนหน้าที่จะได้รับพุทธพยากรณ์ในชาตินี้ ท่านเป็นอนิตโพธิสัตว์ ไม่ใช่ นิยตโพธิสัตว์ ดังนั้นการจะกล่าวว่า ท่านเป็นโพธิสัตว์ จำเดิมแต่นั้น จึงไม่ถูกต้อง 100% นัก

แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง


#3 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1124 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 August 2007 - 04:43 PM

ขอบพระคุณผู้รู้ที่ช่วยแก้ไขค่ะ สาธุ

ขออภัยที่มีความผิดพลาดด้วยค่ะ
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#4 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 August 2007 - 04:14 PM

ขออนุโมทนาบุญนะครับ...สาธุ

#5 บี

บี
  • Members
  • 151 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 August 2007 - 08:47 PM

ขออนุโมทนาบุญนะครับ...สาธุ


#6 Nida49

Nida49
  • Members
  • 456 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 August 2007 - 10:50 AM

ขออนุโมทนบุญ ด้วยคะ ...สาธุ


#7 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 August 2007 - 11:35 PM

อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุๆๆ

#8 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 August 2007 - 09:32 AM

อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุๆๆ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#9 เด็กสมบูรณ์

เด็กสมบูรณ์
  • Members
  • 173 โพสต์
  • Location:ไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่อ่ะ
  • Interests:-

โพสต์เมื่อ 14 August 2007 - 08:27 AM

กราบอนุโมทนาบุญกับผู้ที่นำบทความดีๆมาให้อ่านด้วยนะคะ
...ความรักก็เหมือนการจับไฟนั่นแหละ
ทางที่จะไม่ให้มือพองเพราะไฟเผามีอยู่ทางเดียว คืออย่าจับไฟอย่าเล่นกับไฟ
ทางที่จะปลอดภัยจากรักก็ฉันนั้น มีอยู่ทางเดียวคือ...อย่ารัก...

#10 Poti

Poti
  • Members
  • 254 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 August 2007 - 11:04 AM

อนุโมทนาบุญกับท่าน สาธุธรรม ด้วยครับที่เอาความรู้ดี ๆ มายเผยแผ่

ขอเพิ่มเติมนิดหน่อย

พระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านพยากรณ์สุเมธดาบส เป็นองค์แรก เมื่อ 4 อสงไขยกำไรแสนกัป โดยในกัปนั้น
เรียกว่า สารมัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ครับ 3 องค์แรก ไม่ได้พยากรณ์ ต่อมาองค์ที่ 4 คือพระทีปังกร ท่านได้พยากรณ์ ส่วน3 องค์ คือ พระตัณหัง พระเมธัง และพระสรนัง ไม่พยากรณ์

หลังท่านได้รับพยากรณ์แล้วมีหญิงเจ้าบ้านชื่อ สุมิตตา ได้ถวายดอกบัวแก่พระองค์ แล้วอธิษฐาน ขอเป็นคู่บุญคู่บารมี
(เมีย) กับท่านสุเมธดาบส ๆ ขัดใจที่มีคนมาอธิษฐานเช่นนั้น พระทีปังกรท่านได้อธิบายถึงเส้นทางการสร้างบารมี ว่า ต้องมีผู้ช่วย คือผู้หญิงคนนี้ ท่านจึงเข้าใจ แต่ยังเป็นดาบสต่อไป ไม่ได้สึกออกมาแต่งงาน เมื่อตายไปบังเกิดชั้นพรหม หญิงผู้นี้ คือ...พระนางพิมพา

อีกพระองค์ชื่อเหมือนกัน แต่จะเรียกท่านเป็นองค์แรก ว่าพระปุราณทีปังกร มีน้องสาวต่างพระมารดาว่า เจ้าหญิงสุมิตตา
ราชกุมารี วันหนึ่งมีพระสาวกมาบิณฑบาตน้ำมันเพื่อนำไปจุดบูชาพระพุทธองค์ เจ้าหญิงสุมิตตาราชกุมารี ได้ถวายน้ำมันเมล็ดผักกาด แล้วตั้งมโนปณิธาน ขอเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง นามว่า สิทธัตถะ ซึ่งเหมือนด้วยชื่อน้ำมันพันธุ์ผักกาด โดยฝากพระสาวกไปกราบทูลพระพุทธเจ้า

พระองค์ไม่ทรงพยากรณ์ เพราะบารมียังไม่พอ เช่นยังเป็นหญิง แต่มีพระพุทธฎีกาว่า
อีก 16 อสงไขยแสนมหากัป จะมีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง นามว่าพระทีปังกร เป็นนามที่เสมอกับเรา ในกาลนั้น
พระน้องนางจะได้รับลัทธยาเทศ (พยากรณ์) ก็คือ พระทีปังกร องค์ที่พยากรณ์ท่านสุเมธดาบส นั้นเอง

เจ้าหญิงสุมิตตา (ปัจจุบัน คือ พระพุทธเจ้าของเรา) ที่ต้องเกิดเป็นหญิงโดยชาตินี้ เป็นชาติที่ 500 เพราะช่วงที่เกิดเป็นหนุ่มช่างทอง ได้เป็นชู้กับเมียคนอื่น หลังตายได้ไปอยู่ในมหาานรก 14 มหากัป แล้วต้องมาเกิดเป็น ลา โค คนหูหนวกตาบอดแต่กำเนิด กระเทย และสตรี อย่างละ 500 ชาติ

พระพุทธเจ้าของเรา พระองค์ทรงพบกับพระพุทธเจ้า ทั้งสิ้น 512,027 พระองค์ ถือว่าน้อย เพราะแค่ 20 / 1 แสน
โดย 4 อสงไขยแสนกัป ได้พบ 27 พระองค์
4 อสงไขย ได้พบ 12 พระองค์ (ไม่พยากรณ์ 3 พระองค์ พยากรณ์ 9 พระองค์)
แสนกัป ได้พบ 15 พระองค์

รวมที่พยากรณ์ 24 พระองค์

เป็นมาอย่างนี้ครับ คลาดเคลื่อนอย่างไร กรุณาเสนอแนะด้วยครับ

ท่านใดทราบที่มาของ 28 พระอง์ ขอรายละเอียดด้วยครับ





#11 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1124 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 August 2007 - 12:30 PM

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคะ สาธุ
(สำนวน คุ้นๆ ไหมคะ @happy.gif@ ป่าวล้อเลียนนะ...แค่รู้สึกว่ามันมักจะโผล่เข้ามาในใจเสมอๆ น่ะค่ะ)


ขอบคุณคุณ Poti ด้วยนะคะ


เอาบุญทุกบุญมาฝากทุกท่านด้วยนะคะ สาธุ _/\_
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#12 JaiKaeW

JaiKaeW
  • Members
  • 149 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 December 2007 - 12:39 AM

Sadhu ka...with this good topic. I'm so eager to learn about our Lord Buddha because he really is our role model _/l\_