ขุมทรัพย์คือบุญ ไม่สาธารณะแก่ชนเหล่าอื่น โจรก็ลักไปไม่ได้ บุญนิธิอันใด ติดตามตนไปได้ ปราชญ์พึงทำบุญนิธิอันนั้น
(นิธิกัณฑสูตร)
ทุกคนเกิดมาในโลกนี้ ต่างก็ปรารถนาได้รูปสมบัติ มีร่างกายแข็งแรง อยากอายุขัยยืนยาว ไม่เจ็บป่วยไข้
หวังทรัพย์สมบัติ มีทรัพย์สินเงินทอง ไหลมาเทมา เอาไว้ใช้อย่างสะดวกสบาย มีฐานะรํ่ารวย
อยากได้คุณสมบัติ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด สามารถรู้แจ้งแทงตลอดในความรู้ของครูอาจารย์
สมบัติเหล่านี้สามารถบังเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน ขึ้นอยู่กับว่าใครมีบุญ คนนั้นก็เป็นเจ้าของสมบัติเหล่านั้น
ขุมทรัพย์ในโลกนี้มีอยู่ ๔ ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ
๑. ถาวรนิธิ คือ ทรัพย์ที่อยู่กับที่เคลื่อนไปมาไม่ได้ด้วยตัวเอง เช่น
เงินทอง ที่ดินไร่นา เพชร นิล จินดา บ้านเรือน หรือพวกอสังหาริมทรัพย์
๒. ชังคมนิธิ คือ ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไปมาได้ด้วยตัวเอง เช่น สัตว์เลี้ยง ช้าง ม้า ลา แพะ แกะ ไก่
เป็นประเภทสังหาริมทรัพย์ เคลื่อนที่ไปมาเองได้ ขุมทรัพย์สองชนิดข้างต้นนี้เป็นทรัพย์ที่ไม่มั่นคง
สามารถเคลื่อนที่หรือสูญหายไปเองด้วยภัยต่างๆ ได้ ดังพุทธพจน์ที่ว่า
"บุรุษย่อมฝังขุมทรัพย์ไว้ในน้ำลึก ด้วยคิดว่า เมื่อกิจที่จำเป็นเกิดขึ้น ทรัพย์นี้จักเป็นประโยชน์แก่เรา
เพื่อเปลื้องตนจากราชภัยบ้าง จากโจรภัยบ้าง ในคราวคับขันบ้าง ขุมทรัพย์ที่เขาฝังไว้ในโลก
ก็เพื่อประโยชน์นี้แล ขุมทรัพย์นั้น ย่อมหาสำเร็จประโยชน์แก่เขาไปทั้งหมด ในกาลทุกเมื่อทีเดียวไม่
เพราะขุมทรัพย์เคลื่อนจากที่ไปเสียบ้าง ความจำของเขาคลาดเคลื่อนเสียบ้าง นาค ยักษ์ลักไปเสียบ้าง
ผู้ไม่เป็นที่รักขุดเอาไปเสียบ้าง ในเวลาสิ้นบุญ ขุมทรัพย์ทั้งหมดนั้น ย่อมสูญหายไปได้"
๓. อังคสมนิธิ เป็นขุมทรัพย์คือความรู้ความสามารถ ซึ่งสามารถติดตามตัวไปได้เฉพาะในภพชาตินี้เท่านั้น เช่น
เป็นผู้มีศิลปะ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ผู้รู้ถึงบอกเอาไว้ว่า ผู้มีปัญญาย่อมหาทรัพย์ได้
หรือมิวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน เพราะปัญญาเป็นทรัพย์อันประเสริฐในโลก ผู้รู้จึงสรรเสริญ ว่า
ปัญญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะอันประเสริฐของนรชน
บางครั้งทรัพย์สมบัตินอกกายก็ไม่สามารถช่วยเหลือเราได้
แต่ปัญญาจะเป็นอาวุธชั้นยอด คอยช่วยทำให้เราประสพความสำเร็จในชีวิต
๔. อนุคามิกนิธิ คือ ขุมทรัพย์ที่ติดตามตัวเราไปได้ เพราะเป็นผลที่เกิดจากการทำทาน รักษาศีล และก็เจริญภาวนา
หมั่นหาโอกาสฟังธรรม ขุมทรัพย์คือบุญนี้เป็นสิ่งที่พระบรมศาสดาทรงสนับสนุน ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า
ขุมทรัพย์ คือบุญของผู้ใดเป็นสตรีก็ตาม เป็นบุรุษก็ตาม ฝังไว้ดีแล้ว
ด้วยทาน ศีล สัญญมะ-ความสำรวม ทมะ-ความฝึกตน
ในเจดีย์ก็ดี ในสงฆ์ก็ดี หรือในมารดาบิดาก็ดี
ขุมทรัพย์นั้นชื่อว่าฝังไว้ดีแล้ว ใครๆ ไม่อาจผจญได้ เป็นของติดตามตนไปได้
เมื่อละโลกไปแล้วขุมทรัพย์คือ บุญนี้เท่านั้นที่จะติดตามตัวเราไปได้
นอกจากนี้พระบรมศาสดาตรัสเรื่องขุมทรัพย์ติดตัวข้ามชาติเอาไว้ว่า
บุญนิธินั้น อำนวยผลที่น่าปรารถนาทุกอย่างแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เทวดาและมนุษย์ปรารถนาอิฐผลใดๆ อิฐผลทั้งหมดนั้นๆ ย่อมได้ด้วยบุญนิธินี้
การได้ผิวพรรณวรรณะที่สวยสดงดงาม มีเสียงไพเราะเสนาะโสต มีทรวดทรงดี มีรูปกายที่สมส่วน ก็เพราะบุญนิธินี้เท่านั้น
การได้เป็นพระราชามหากษัตริย์ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิจอมราชัญ หรือเป็นจอมเทพในสวรรค์ทั้งหลาย
อิฐผลทั้งหมดนั้น ย่อมได้ด้วยบุญนิธินี้
การได้บรรรลุปฏิสัมภิทา วิโมกข์ สาวกบารมี ปัจเจกโพธิหรือเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็ต้องอาศัยบุญนิธินี่เอง
เพราะฉะนั้น เมื่อเราหวังสิ่งใด ก็ต้องเริ่มประกอบเหตุที่จะทำให้ได้สิ่งนั้นเอาไว้ เพราะปลูกถั่วก็ย่อมได้ถั่ว ปลูกงาก็ได้งา
ใครทำกรรมใดไว้ ก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้น เหมือนที่พระองค์ตรัสบุพพกรรมในอดีตเอาไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชาติก่อน ภพก่อน กำเนิดก่อน ตถาคตเกิดเป็นมนุษย์
เป็นคนไม่โกรธ ไม่มากด้วยความคับแค้นใจ ถึงถูกเขาว่ากล่าวมากๆ ก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธ ไม่พยาบาท
ทั้งเป็นผู้ให้ผ้าปูลาด ผ้านุ่งห่มเนื้อละเอียดอ่อน ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด ผ้ากัมพลเนื้อละเอียด
เมื่อจุติจากภพนั้นแล้ว มาในภพชาตินี้ทำให้ได้มหาปุริสลักษณะนี้คือ
เป็นผู้มีวรรณะเปล่งปลั่งดั่งทองคำ มีผิวคล้ายทอง เป็นที่ดึงดูดดวงตาดวงใจของผู้ได้พบเห็น
ภพชาติก่อนตถาคตละวาจาหยาบ กล่าวแต่วาจาไม่มีโทษสบายหู วาจาที่ชาวเมืองรักใคร่พอใจ
ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ทำให้ได้มหาปุริสลักษณะนี้ คือ
เป็นผู้มีชิวหาใหญ่เป็นผู้มีเสียงก้องกังวานประดุจเสียงมหาพรหม
เมื่อพูดจาก็ไพเราะเหมือนเสียงนกการเวกเป็นที่ถูกใจของผู้ฟัง
เทศน์แต่ละครั้งทำให้มีผู้ฟังบรรลุธรรมกันนับไม่ถ้วน
เราจะเห็นได้ว่า รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติหรือคุณสมบัติที่บังเกิดขึ้นกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หรือกับบุคคลทั้งหลายในโลกนี้ เพราะอาศัยการประกอบเหตุที่ดีๆ เอาไว้ในอดีตนั่นเอง
ปัจจุบันนี้คืออนาคตของอดีต
และปัจจุบันกำลังจะก้าวไปเป็นอดีตของอนาคต
เมื่อเราปรารถนาอยากจะให้อนาคตของเราเป็นอย่างไร จึงขึ้นอยู่กับใจของเรา
พระพุทธองค์ถึงได้ตรัสว่า
"บุญสัมปทา คุณเครื่องถึงพร้อมคือบุญนั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์ใหญ่อย่างนี้
บัณฑิตผู้มีปัญญา จึงสรรเสริญความเป็นผู้ทำบุญไว้แล"
เมื่อปรารถนาความสุขและความสำเร็จ ก็ต้องทำในสิ่งที่จะให้ความสำเร็จนั้นบังเกิดขึ้นด้วย
พวกเราทุกคนต่างก็ทราบอยู่แล้วว่า เราเกิดมาเพื่อสร้างบารมีมีพระนิพพานเป็นเป้าหมาย
การสั่งสมบุญจึงเป็นหน้าที่หลักของการสร้างบารมี
เพราะ.... บุญเป็นคำเดียวสั้นๆ แต่ทรงอานุภาพ และมีความหมายที่ลึกซึ้ง
บุญเป็นเสมือนจินดามณี ที่คอยบันดาลความสุขและความสำเร็จทุกอย่างมาให้
บุญเป็นธาตุสำเร็จ ซึ่งเป็นเบื้องหลังของความสำเร็จทุกอย่าง
ก่อเกิดเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ พรั่งพร้อมไปด้วยสมบัติในมนุษย์
บุญเป็นเพื่อนแท้ในยามเดินทางไกลในสังสารวัฏ ประคับประคองให้ได้ไปบังเกิดในสุคติสวรรค์
ก็มีสวรรค์สมบัติ มีวิมานที่สว่างไสวมีรัศมีกายที่รุ่งโรจน์
บุญที่กลั่นตัวมากเข้า จะเป็นดวงบุญที่สุกใสสว่าง
เมื่อบุญบารมีเต็มเปี่ยม บุญนั้นจะบันดาลให้ได้นิพพานสมบัติ
คือเมื่อนั่งสมาธิก็จะทำให้ใจหยุดนิ่ง ได้เข้าถึงพระธรรมกาย
บรรลุมรรคผลนิพพาน เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต
บุญเท่านั้นที่จะทำให้เราไปถึงที่สุดแห่งธรรม
การสั่งสมบุญจึงควรเป็นประดุจลมหายใจเข้าออกของนักสร้างบารมีทุกคน
ที่มา : เวบไซต์ชมรมพุทธศาสตร์สากล http://www.ibs.th.org