
ขอถามท่านผู้รู้ว่า อานิสงส์ของการสร้างกุฏิและที่พักให้แก่พระภิกษุสงฆ์ จะได้อานิสงส์ผลบุญเป็นอย่างไร
#1
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 01:30 PM
#2
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 01:36 PM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#3
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 01:48 PM
ก็เป็นแบบที่คุณขุนศึกฯ ว่าแหละครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#5
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 02:24 PM
*************************************
อานิสงส์ของการสร้างวัด
การสร้างวัด หรือส่วนประกอบของวัด เพื่อถวายพระสงฆ์ที่มาจากถิ่นฐานต่างๆให้เป็นที่พำนักอาศัยที่ปฎิบัติธรรมที่ประกอบกุศลกิจ อันเป็นประโยชน์ต่อผู้ทรงศีล ทรงคุณธรรมนั้นมีอานิสงส์ คือ ผลดีตอบต่อผู้ถวายอย่างยิ่งใหญ่ไพบูลย์
พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงไว้ ดังนี้
1. " ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นเชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง " (สังยุตตนิกาย สคาถวรรค)
2. ผู้ให้ที่พักอาศัย ฯลฯ ย่อมมีบุญเจริญในกาลทุกเมื่อ ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน เขาตั้งอยู่ในธรรม
สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นผู้ไปสวรรค์ (วนโรปสูตร)
3. ในวิหารทานกถา พระพุทธองค์ทรงยืนยันให้เห็นชัดเจนว่า การถวายวิหาร(วัด)ที่อยู่อาศัยแกภิกษุสงฆ์ เป็นสมุฏฐานก่อให้เกิดประโยชน์สุข ทั้งผู้รับและผู้ถวาย ซึ่งทรงแสดง อานิสงส์ไว้ว่า
เป็นยอดของสังฆทาน เป็นปัจจัยให้ประสบความเกษมศานต์ จนบรรลุถึงพระนิพพาน เป็นที่สุด โดยตรัสไว้ว่า
“เสนาสนะที่อยู่อาศัย ย่อมบรรเทาความหนาว ความร้อน ป้องกัน เนื้อร้าย ป้องกันงู และยุงได้ ป้องกันฝนก็ได้ แม้ลมแดดกล้าที่ปรากฏขึ้น ก็บรรเทาได้”
การถวายกุฎีวิหารที่อยู่อาศัยแก่พระสงฆ์เพื่อเร้นอยู่ ของผู้ต้องการความสงบ เพื่อความสุข เพื่อฌานการเพ่ง เพื่อวิปัสสนา การเห็นแจ้งพระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่าเป็นทาน อันเลิศ
เพราะเหตุนั้น ผู้มีปัญญา เมื่อเล็งเห็นประโยชน์ของตน พึงสร้างกุฎวิหาร ที่อยู่อาศัยอันรื่นรมย์ ถวายแด่พระสงฆ์ ผู้เป็นพหูสูตเถิด อนึ่งถวายข้าว น้ำ ผ้า และเสนาสนะ แก่พระสงฆ์ ทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยน้ำใจอันเลื่อมใส ในท่านผู้ปฏิบัติตรง ทั้งทางกาย และ ทางใจ ท่านย่อมแสดงธรรม อันเป็นเครื่องบรรเทาความทุกข์ทั้งมวล แก่บุคคลผู้เมื่อรู้ธรรมแล้วเป็นผู้ไม่มีกิเลส ปรินิพพานในโลกนี้(เสนาสนขันธกะ พระวินัยปิฎก)
4. ในพุทธวรรคที่1 ขุททกนิกาย อปทาน ภาค1 แสดง อดีตชาติ ของพระอรหันตสาวก ชั้นผู้ใหญ่ ว่าได้บำเพ็ญทานสร้างวัด และส่วนประกอบของวัด ด้วยศรัทธาเสื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วในชาติปัจจุบันท่านเหล่านั้นก็ได้รับอานิสงส์ผลบุญกุศลคล้ายคลึงกัน ว่าโดยสรุปก็คือ ไม่รู้จักทุคติได้โลกิยสมบัติอันน่าพึงพอใจ จนถึงชั้นสูงสุดและได้บรรลุคุณวิเศษต่างๆ อาทิ วิโมกข์ 8 ปฎิสัมภิทา 4 อภิญญา 6 อรหัตตผล สิ้นอาสวะกิเลสเป็นที่สุด
ตัวอย่างท่านผู้ใดได้อานิสงส์ดังกล่าว คือ
พระมหากัสสปเถระ ได้ดีเพราะสร้างพุทธเจดีย์ถวายพระพุทธเจ้า
พระอุบาลีเถระ ได้ดีเพราะสร้างสังฆาราม(วัด) ถวายพระพุทธเจ้า
พระอุปสีวเถระ ได้ดีเพราะสร้างอาศรม(ที่อยู่อาศัย)ถวายพระพุทธเจ้า
พระอายาตทายกเถระ ได้ดีเพราะสร้างบรรณศาลา ถวายพระพุทธเจ้า
ชาวพุทธได้ทราบ แบบอย่างอันประเสริฐเลิศล้ำอย่างนี้ จึงนิยมสร้างวัด ในประเทศไทยจึงมีวัดวาอารามมากมาย เป็นที่เชิดชูหน้าตาของชาติ จูงใจให้ชาวต่างชาติอยากไปเที่ยวเมืองไทย
#6
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 03:05 PM





ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#7
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 03:14 PM
คุณขุนศึกฯ ตอบแทนทุกสิ่ง (ทุกคน) ไปแล้ว
ฟังเพลงนางวิสาขา พลางๆ ก่อนนะครับ "มองไป รอบตัว....."
#8
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 05:14 PM
การทอดกฐินเพื่อสร้างมหารัตนวิหารคด ก็จะเป็นสุดยอดของสังฆทานใช่ไหมครับ
#9
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 05:14 PM
#10
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 06:03 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#11
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 06:25 PM

"ในบรรดาทานทั้งปวงนั้น อามิสทานใดจักเสมอเหมือนด้วย "วิหารทานที่สร้างถวายแด่สงฆ์ผู้จรมาจากทิศทั้ง ๔" เป็นไม่มี ส่วนทานที่มิได้เนื่องด้วยอามิสนั้น ทานใด จักเสมอเหมือนด้วยธรรมทานเป็นไม่มี เพราะเหตุว่า การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง รสแห่งธรรม ชนะรสทั้งปวง ความยินดีในธรรม ชนะความยินดีทั้งปวง ผู้ให้ธรรมทาน ย่อมได้ชื่อว่า ให้อมฤตธรรม"
ขอให้เราท่านทั้งหลาย พึงกล่าวคำอนุโมทนาสาธุการกับธรรมทานที่แต่ละท่านได้ให้ไว้ดีแล้ว โดยพร้อมเพรียงกันนะครับ สาธุ... สาธุ... สาธุ...

ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#12
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 07:52 PM
พระพากุละเถระ ซึ่งในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า สมัยนั้นท่านบังเกิด ณ เมืองพาราณสี
เป็นกุลบุตรผู้ที่มีความเคารพรักในพระรัตนตรัยเป็นอันมาก ครั้งนั้นกุลบุตรกำลังจะซ่อมแซมบ้าน
คิดใคร่ครวญว่า บ้านของเราก็เก่าคร่ำคร่าเช่นนี้ เราควรจะไปหาเครื่องเรือนที่บ้านนอก นำเข้ามา
ปรับปรุงบ้านให้ดีขึ้นกว่าเดิม ว่าแล้วเขาก็ได้ออกเดินทางไปพร้อมกับช่างไม้ ในระหว่างทาง
พวกเขาได้พบมหาวิหารที่เก่ามากแห่งหนึ่ง จึงคิดได้ว่า การซ่อนแซมบ้านของเราควรพักไว้ก่อน
เพราะว่าบ้านของเราไม่สามารถติดตามเราไปได้ในเวลาที่เราตายแล้ว แต่เราควรกระทำบุญกุศล
ก่อนดีกว่า เพราะบุญกุศลสามารถติดตามตัวเราไปได้ในภพชาติหน้า กุลบุตรผู้นี้จึงขอร้องให้
พวกช่างไม้ไปนำเอาเครื่องไม้ต่างๆ มาสร้างโบสถ์ หอฉัน กุฏี โรงครัว สร้างที่พักกลางวันและ
กลางคืน รวมทั้งสร้างห้องน้ำขึ้นในบริเวณใกล้ ๆ กับมหาวิหารนั้น พร้อมกับจัดหาสิ่งที่เป็นยา
สำหรับรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ถวายพระภิกษุสงฆ์มาไว้ในวัดนั้น กุลบุตรผู้นี้ได้กระทำบุญอย่างอื่นๆ
จนตลอดชีวิต พอละจากโลกไปแล้วก็ได้ขึ้นไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์บ้าง ลงมาเกิดเป็น
มนุษย์บ้าง เป็นเช่นนี้ตลอด 1 พุทธทันดรไม่เคยตกต่ำไปเกิดในอบายอีกเลย
ครั้นพอถึงสมัยของสมเด็จพระสมณะโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า กุลบุตรผู้นี้ก็ได้มีโอกาสได้มาฟังธรรม
จากพระพุทธองค์ และได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนา ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนา
อยู่ 7 วัน พอรุ่งเช้าของวันที่ 8 ก็มีดวงตาเห็นธรรมได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ และนับตั้งแต่ท่าน
บรรพชาอุปสมบทมา ท่านไม่เคยเจ็บป่วยด้วยโรคใด ๆ แม้แต่โรคเดียว อีกทั้งไม่เคยขาดแคลน
ปัจจัย 4 เลย พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแต่งตั้งท่านเป็นภิกษุผู้เลิศในทางมีอาพาธน้อย หลังจาก
บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และได้รับตำแหน่งเอตทัคคะแล้ว พระพากุลเถระ ได้กล่าวขึ้นในท่าม
กลางพระภิกษุสงฆ์ว่า ผู้ใดประสงค์จะกระทำสิ่งที่ควรกระทำก่อนในภายหลัง ผู้นั้นย่อมพลาด
จากความสุข บุคคลจะกระทำสิ่งใด จึงควรกล่าวสิ่งนั้น ไม่กระทำสิ่งใด อย่ากล่าวสิ่งนั้น
ผู้ไม่กระทำได้แต่พูดนั้น บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่าไม่ดี พระนิพพานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง
แสดงไว้แล้ว เป็นสุขแท้ ทุกข์ย่อมดับไปในที่ใด ที่นั้นย่อมไม่มีความเศร้าโศรก ไม่มีธุลี
ย่อมเป็น ที่ปลอดโปร่ง
Ref:sun14/05/43
#13
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 10:16 PM
ต้องถึงธรรมอย่างเสบย แน่แท้
ให้ทำอย่างที่เคย สอนสั่ง
นั่ง บ่ มีข้อแม้ จักได้ธรรมครอง
สุนทรพ่อ
มาร่วมกันสร้างสันติสุขให้กับโลกกันเถอะ
#14
โพสต์เมื่อ 19 September 2006 - 11:47 PM
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#15
โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 09:17 PM
การให้วิหารทานนั้นเลิศ เหตุนึงก็เพราะ ไม่ว่าใครจะถวายวัตถุทานอะไร เวลาเก็บหรือเวลาใช้งาน ส่วนใหญ่ก็เก็บอยู่ในวิหารทานทั้งนั้น เช่น ไม่เก็บในกุฎิ ก็เก็บในศาลา ในโบสถ์ หอฉัน หอไตรหรือห้องสมุด-ห้องเก็บหนังสือ ครัว ไปจนถึงห้องเก็บของ ฯลฯ เกือบทุกอย่างที่ถูกถวายมาก็จะอยู่ในวิหารทานนี่เอง เวลาพระสงฆ์จะทำกิจของสงฆ์ หรือจำวัดก็อยู่อาคารที่เป็นวิหารทานของโยมด้วย ...นึกแล้วชื่นใจจริงๆ
#16
โพสต์เมื่อ 22 September 2006 - 12:18 PM
#17
โพสต์เมื่อ 22 September 2006 - 12:42 PM
