ทุมเมธชาดก-ชาดกว่าด้วยการใช้อำนาจให้เป็นประโยชน์

วสันตฤดูครั้งนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จกลับมาพักผ่อนพระวรกาย หลังจากตรากตรำเผยแผ่พระศาสนามาเนิ่นนาน โดยไม่ย่อท้อต่อความทุรกันดารและอุปสรรคใดๆ พระเกียรติคุณนี้เป็นที่สรรเสริญกันอย่างกว้างขวางในหมู่พุทธบริษัท พระพุทธองค์ทรงใช้วาระนั้นปรารภถึงการบำเพ็ญประโยชน์แก่โลก https://dmc.tv/a11187

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 8 มิ.ย. 2554 ] - [ ผู้อ่าน : 18255 ]

ชาดก 500 ชาติ

ทุมเมธชาดก-ชาดกว่าด้วยการใช้อำนาจให้เป็นประโยชน์

พระเจ้าพรหมทัตผู้ครองนครพาราณสีด้วยความสงบร่มเย็น
 
พระเจ้าพรหมทัตผู้ครองนครพาราณสีด้วยความสงบร่มเย็น
 
    วสันตฤดูครั้งนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จกลับมาพักผ่อนพระวรกาย หลังจากตรากตรำเผยแผ่พระศาสนามาเนิ่นนาน โดยไม่ย่อท้อต่อความทุรกันดารและอุปสรรคใดๆ พระเกียรติคุณนี้เป็นที่สรรเสริญกันอย่างกว้างขวางในหมู่พุทธบริษัท พระพุทธองค์ทรงใช้วาระนั้นปรารภถึงการบำเพ็ญประโยชน์แก่โลกในครั้งอดีตชาติขึ้นเรื่องหนึ่ง
  
พระพุทธองค์ทรงปรารภถึงการบำเพ็ญประโยชน์ แก่โลกเมื่อครั้งในอดีต
 
พระพุทธองค์ทรงปรารภถึงการบำเพ็ญประโยชน์แก่โลกเมื่อครั้งในอดีต
 
    เป็นชาดกแสดงการใช้อำนาจด้วยปัญญาอันนำมาซึ่งประโยชน์ต่อชาวโลกอย่างมหาศาล ณ กรุงพาราณสี ริมฝั่งคงคามหานทีแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ เหล่าประชาชีต่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ในวาระประสูติกาลของเจ้าชายพระองค์น้อยประชาชนทั้งเมืองได้ออกมาร่วมแซ่ซ้องถวายพระพร ทั้งเมืองเต็มไปด้วยความยินดีปลื้มปีติ
  
ชาวเมืองเข้าถวายพระพรพระราชโอรส
 
ชาวเมืองเข้าถวายพระพรพระราชโอรส
  
    “เอ้า! เดินเร็วๆ เข้าลูก เดินไปถวายพระพรให้เจ้าชายองค์น้อยกัน” “โอ้โห! ชาวบ้านมากันเยอะแยะเต็มวังเลย” โฮ้ย! เข้าไปข้างในกันสักทีซิวะ เป็นพนักงานต้อนรับกันรึไง? มายืนยิ้มอยู่หน้าทางเข้าน่ะ โฮ้ย” “โอ้ย! พวกแกเล่นดนตรีกันไปสองคนได้ไหม ข้าอยากไปร่วมถวายพระพรด้วยน่ะ” “ตีกลองไปเถอะน่า เสียงดนตรีจากพวกเรา ก็คือคำถวายพระพรเช่นกันแหละ”
  
บรรดาพสกนิกรต่างชื่นชมในความน่ารัก น่าเอ็นดูของเจ้าชายองค์น้อย
 
บรรดาพสกนิกรต่างชื่นชมในความน่ารักน่าเอ็นดูของเจ้าชายองค์น้อย
  
    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานนับหลายปี แต่ความปลื้มปีติของชาวพสกนิกรที่มีต่อเจ้าชายพระองค์น้อยของพวกเขาก็ยังคงอยู่ทุกวันเวลา มิเคยเลือนหาย เจ้าชายน้อย นาม พรหมทัต ทรงเป็นสิ่งล้ำค่าสูงสุดของกรุงพาราณสี “องค์ชายของเราน่ารักน่าเอ็นดู ข้าน่ะ ทั้งเคารพและรักเลยแหละ” “ฮ่าๆๆๆ แต่ข้าเคารพรักมากกว่าแกอีกโว้ย”
  
พระราชโอรสเป็นที่รักของพระราชมารดาเป็นยิ่งนัก
 
พระราชโอรสเป็นที่รักของพระราชมารดาเป็นยิ่งนัก
 
    “ฮิๆๆ ไอ้พวกขี้คุย ข้าเคารพรักมากกว่าพวกแกสองคนรวมกันอีก ฮิๆๆๆ” “เจ้าชายของเราเมื่อทรงเติบใหญ่แล้วจะต้องเป็นเจ้าชายที่เก่งที่สุดเป็นแน่” “ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ นอกจากเก่งแล้วยังหล่อเหลาด้วยนะ ฮ่าๆๆๆๆ” “แม่... เมื่อไหร่พวกเราจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าเจ้าชายน้อยอีกล่ะคะ” “ใจเย็นๆ สิจ๊ะลูก เดี๋ยวท่านก็เสด็จมาเยี่ยมเยียนพวกเราอีกนั่นอีกแหละ”
 
เด็กน้อยรบเร้าให้มารดาพาตนเข้าเฝ้า พระราชโอรสในวัง
 
เด็กน้อยรบเร้าให้มารดาพาตนเข้าเฝ้าพระราชโอรสในวัง
 
    เจ้าชายน้อยทรงเพียบพร้อมในสรรพสิ่งตามสมควรแก่ขัตติยะราช มีชีวิตวัยเด็กด้วยความเกษมสำราญ “ท่านพี่ทอดพระเนตรโอรสของเราสิคะ ยิ่งเจริญวัย ยิ่งสง่างาม” “ฮ่าๆๆๆ ตอนพี่เด็กๆ ก็สง่างามเช่นนี้แหละ น้องหญิง พรหมทัตน่ะ ถอดแบบพี่ออกมาเลยแท้ๆ”
 
เจ้าชายน้อยทรงเพียบพร้อมในสรรพสิ่ง ตามสมควรแก่ขัตติยะราช
 
เจ้าชายน้อยทรงเพียบพร้อมในสรรพสิ่งตามสมควรแก่ขัตติยะราช
 
    จากวัยกุมารน้อยสู่วัยหนุ่ม เจ้าชายพรหมทัตทรงเจนจบกระบวนรบและศาสตราวุธดุจขุนทหารที่แข็งแกร่ง “โอ้! ทรงพระปรีชาสามารถแท้ๆ แม้จะมีชันษาได้เพียง 16 ปี แต่พระองค์ทรงสามารถเรียนจบศิลปศาสตร์ชั้นสูง ไตรเทพทั้ง 18 แขนงได้ ซึ่งไม่เคยมีใครผู้ใดทำได้มาก่อนเลยพะยะค่ะ” “ก็ได้ท่านช่วยฝึกปรือให้ข้าด้วยนั่นแหละ”
 
พระโอรสทรงพระปรีชาสามารถในด้านศาสตราวุธทุกแขนง
 
พระโอรสทรงพระปรีชาสามารถในด้านศาสตราวุธทุกแขนง
 
     ด้วยทรงพระปรีชาสามารถและความโอบอ้อมอารีของเจ้าชาย ทำให้ชาวพสกนิกรทวีความจงรักภักดี เชิดชูมากยิ่งขึ้น พรหมทัตกุมารมิได้ทรงหลงใหลในคำเยินยอสรรเสริญแต่ประการใด ยังคงเฝ้าดูและห่วงใยพสกนิกรด้วยความรักใคร่ “อืม พรหมทัต โอรสของเราเนี่ยะ ช่างอัจฉริยภาพทางการปกครองจริงๆ เห็นทีเราต้องพระราชทานพระยศให้เป็นมหาอุปราชแล้วล่ะ
 
พระโอรสทรงเสด็จออกเยี่ยมราษฎรอย่างใกล้ชิด
 
พระโอรสทรงเสด็จออกเยี่ยมราษฎรอย่างใกล้ชิด
  
    จะได้เรียนรู้การปกครองพาราณสีมากยิ่งขึ้น” เมื่อเจ้าชายพรหมทัตได้พระราชทานเป็นมหาอุปราชก็ทรงทำหน้าที่ได้อย่างดี ออกเสด็จเยี่ยมประชาชนอย่างใกล้ชิด “อืม ประชาชนส่วนใหญ่ในพาราณสียังยากจนอยู่รึเนี่ย? เราต้องทำอะไรสักอย่าง ให้พวกเขาเหล่านี้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นบ้างแล้ว”
 
ราษฎรส่วนใหญ่ไม่ทำมาหากินชอบเซ่นไหว้บูชายัญ
 
ราษฎรส่วนใหญ่ไม่ทำมาหากินชอบเซ่นไหว้บูชายัญ
 
     “อุ้ย! เจ้าชายพรหมทัต มีม้าตั้ง 2 ตัว เราขอม้าพระองค์มากินสักตัวดีไหมตา?” “โอ้! เจ้าชายพรหมทัต เสด็จมาแล้ว อยากออกไปรับเสด็จใกล้ ๆ เหลือเกิน โอ้ย! แต่ไม่มีแรงเดิน โอ้! หิว” ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น เจ้าชายพรหมทัตยังทรงพบว่าราษฎรส่วนใหญ่เกียจคร้านไม่ทำมาหากิน หวังพึ่งแต่ผีสางเทวดา เอาแต่เซ่นไหว้บูชายัญ
 
บรรดาสัตว์น้อยใหญ่ถูกจับฆ่าเพื่อเซ่นไหว้บูชายัญ
 
บรรดาสัตว์น้อยใหญ่ถูกจับฆ่าเพื่อเซ่นไหว้บูชายัญ
 
     “สาธุ! เจ้าพ่อต้นไทรโปรดช่วยดลบันดาลให้ลูกได้เจอแต่โชคลาภด้วยเถิด เฮ้อ! ไหว้เสร็จแล้วไปนอนดีกว่า เดี๋ยวโชคก็มาเอง ฮิๆๆๆ” “เจ้าพ่อต้นไทรเจ้าคะ ช่วยดลบันดาลให้มีอาเสี่ยมาเลี้ยงลูกสักคนด้วยเถิด ลูกช้างนะ ไม่เรื่องมากหรอกค่ะ เอาแบบรวยๆ หล่อๆ สูง ยาว เข่า ดี มีเชื้อเจ้า อืม...มีเค้าโง่หน่อยๆ ก็ดีนะเจ้าคะ”

ราษฎรต่างหลงงมงายหวังพึ่งแต่โชคลาภ จากการบูชายัญ

ราษฎรต่างหลงงมงายหวังพึ่งแต่โชคลาภจากการบูชายัญ
 
     “สาธุ! เจ้าพ่อต้นไทร ลูกน่ะไม่ขออะไรมากหรอก ขอแค่เลขเด็ดๆ สัก 3 ตัว ติดต่อกันสักยี่สิบสามสิบงวดก็พอ ลูกเตรียมตัวนะขอรับ” นานวันเข้าสัตว์ที่ถูกฆ่าเพื่อนำมาเส้นไหว้บูชายัญก็มากขึ้น เสียงร้องโหยหวนเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานดังระงมไปทั่วเมือง เป็นที่น่าสังเวชใจยิ่งนัก
 
เจ้าชายพรหมทัตกระทำการบูชายัญต่อเจ้าพ่อต้นไทร
 
เจ้าชายพรหมทัตกระทำการบูชายัญต่อเจ้าพ่อต้นไทร
 
     “หึๆๆๆ งวดนี้น่ะได้มาเยอะ เอาของอร่อยๆ ไปเซ่นไหว้เจ้าพ่อต้นไทรสักหน่อย” เมื่อผู้คนเกียจคร้านไม่ทำมาหากิน หวังพึ่งแต่ผีสางเทวดา นานไปความจนความอดอยากก็เป็นเหตุให้มีโจรผู้ร้ายอยู่ทั่วเมือง “หึๆๆๆ เอาหัวหมูมาถวายได้ลาภจากเจ้าพ่อต้นไทรมาเพียบล่ะซิ อย่างนี้ต้องปล้นเอาหัวหมูมาแกล้มเหล้า
 
เจ้าชายพรหมทัตทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ ต่อจากพระราชบิดา
 
เจ้าชายพรหมทัตทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา
 
    เอ้ย! ไม่ใช่ต้องปล้นเงินให้เกลี้ยง หึๆๆๆ” เจ้าชายพรหมทัต แม้จะทรงรู้ว่าความเชื่อผิดๆ ของชาวบ้านเป็นสาเหตุของปัญหาก็มิได้ทรงใช้อำนาจทำลายโดยทันที กลับเสด็จไปบูชาเจ้าพ่อต้นไทรร่วมกับชาวบ้านแทน “โอ้! เจ้าชายพรหมทัต เสด็จมาบูชาเจ้าพ่อต้นไทรอีกแล้ว ช่างขยันขันแข็งจริงๆ น่านับถือๆ”
 
บรรดาอำมาตย์ราชบุรุษต่างตกใจที่เจ้าชายให้หาคน 1,000 คน มาบูชายัญ
 
บรรดาอำมาตย์ราชบุรุษต่างตกใจที่เจ้าชายให้หาคน 1,000 คน มาบูชายัญ
 
    “นี่แหละ เจ้าชายผู้เป็นมหาราชของพาราณสี ช่างน่าชื่นชมจริงๆ” ต่อมาราชาแห่งพาราณสีก็เสด็จสวรรคต องค์อุปราชพรหมทัตได้ขึ้นครองบัลลังก์แทน ทรงพระนาม “พระเจ้าพรหมทัต” เมื่อได้ครองราชย์พระเจ้าพรหมทัตก็ทรงปราบปรามเหล่าโจรผู้ร้าย และทำนุบำรุงปวงประชาเป็นอย่างดี
 
ประชาชนต่างตื่นตระหนกในประกาศจากพระราชวัง
 
ประชาชนต่างตื่นตระหนกในประกาศจากพระราชวัง
  
    “ปัญหาต่างๆ เราก็ขจัดจนหมดสิ้น เหลือเพียงอย่างเดียวต้องขจัดความลุ่มหลง มัวเมาของประชาชนให้หมดไป ท่านราชบุรุษ เราเคยบนบานเจ้าพ่อต้นไทรไว้ ว่าหากได้ครองบัลลังก์เมื่อใด เราจะจัดเครื่องเซ่นไหว้บูชาอย่างยิ่งใหญ่ ท่านช่วยหาเครื่องเซ่นไหว้และประกาศให้ชาวบ้านมาร่วมพิธีด้วยนะ”
 
ประชาชนพากันหวาดกลัวและล้มเลิกความคิดในการบูชายัญ
 
ประชาชนพากันหวาดกลัวและล้มเลิกความคิดในการบูชายัญ
 
    “จะให้หม่อมชั้นเตรียมเครื่องเซ่นไหว้เป็นอะไรรึพระเจ้าค่ะ?” “เอาเป็นชีวิตของคนบาปที่ทำผิดศีล 5_น่ะ โดยเฉพาะไอ้พวกที่ชอบฆ่าสัตว์ หามาเซ่นสังเวยสักพันชีวิตซิ” “หา! โอ่! ไม่น่าเชื่อ อะไรเนี่ย” เมื่อชาวบ้านทั่วกรุงพาราณสีได้ทราบข่าวการเซ่นไหว้ของพระเจ้าพรหมทัต ก็เกิดความกลัว สิ่งนี้นั่นเองที่ทำให้ชาวบ้านเกิดสติ คิดพิจารณาผิดชอบชั่วดี
 
ประชาชนชาวเมืองต่างพากันทำมาหากินด้วยความขยัน ไม่เกียจคร้านอย่างแต่ก่อน
 
ประชาชนชาวเมืองต่างพากันทำมาหากินด้วยความขยันไม่เกียจคร้านอย่างแต่ก่อน
 
     “เฮ้อ! เจ้าลาที่เราเอาหัวมันมาเซ่นไหว้นี้ มันก็คงรักชีวิตของมันเหมือนสินะ เราเนี่ย..ช่างทำเรื่องผิดศีลธรรมแท้ๆ เลย เอาหัวเจ้าคืนไปเถอะ ฉันผิดไปแล้ว ขอโทษด้วยนะ เจ้าลา” “อุ้ย! พระเจ้าพรหมทัตน่ะ ทรงขึ้นครองราชย์ได้เพราะพระปรีชาสามารถแท้ๆ ไม่ใช่เพราะเจ้าพ่อต้นไทรดลบันดาลซักหน่อย ทำไมต้องเอาชีวิตคนไปเซ่นไหว้ด้วยละ”
 
เหล่าราษฎรต่างมีน้ำใจช่วยเหลือช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
 
เหล่าราษฎรต่างมีน้ำใจช่วยเหลือช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
 
    “เฮ้อ พระราชาทรงทำให้พวกเราคิดได้แท้ๆ ที่ผ่านมาเรามีความเชื่อที่ผิดๆ มาตลอดหรือเนี่ย” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวบ้านกรุงพาราณสีก็ขยันทำมาหากิน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ชาวบ้านต่างดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข “ลูกรัก แม่มีข้าวมาให้เจ้ากินแล้วล่ะ วันหลังแม่จะไปทำงานบ้านเศรษฐีอีก ลูกจะไม่อดอยากอีกแล้วนะจ๊ะ”
 
เจ้าชายพรหมทัตปกครองแผ่นดินพาราณสีอย่างสงบสุขร่มเย็น
 
เจ้าชายพรหมทัตปกครองแผ่นดินพาราณสีอย่างสงบสุขร่มเย็น
 
    “เอ้า! มารับค่าแรงกันได้แล้ว วันนี้ท่านเศรษฐีใจดีเอาข้าวของมาแจกให้เรากินกันที่บ้านด้วย” “โอ่ย หลงพึ่งเจ้าพ่อต้นไทรมานานจนอดอยากปากแห้ง คราวนี้ทำงานเองมีข้าวกินแล้วเว้ย” จากนั้นกรุงพาราณสีของพระเจ้าพรหมทัตก็สงบสุขร่มเย็นเป็นแผ่นดินธรรมไปตลอดรัชสมัย
 
 
ทุมเมธานํ สหสฺเสน                           ยญโณ เม อุปยาจิโต
อิทานํ โขหํ ยชิสฺสามิ                          พหฺ อธมฺมิโก ชโน
 
เราเข้าไปบนไว้ว่า จะบูชายัญด้วยคนโง่ๆ พันคน
บัดนี้เราจะต้องกระทำ เพราะคนที่ประพฤติ “อธรรม” เช่นนี้มีมากแล้ว
 

รับชมคลิปวิดีโอ
ชมวิดีโอ   Download ธรรมะ
 

http://goo.gl/eCY1q


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ