พัพพุชาดก-ตอนที่ 2-ชาดกว่าด้วยวิธีให้แมวตาย

ย้อนไปในอดีตกาลในยุคสมัยที่พระเจ้าพรหมทัตเสวยพระราชสมบัติปกครองแคว้นพาราณสีอยู่นั้น พระโพธิสัตว์ในยุคนั้นได้บังเกิดเป็นช่างสลักหิน ในเวลานั้นช่างสลักหินผู้นี้ได้เติบโตเจริญวัยเป็นหนุ่มศึกษาวิชาศิลปะจนสำเร็จ https://dmc.tv/a11252

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 15 มิ.ย. 2554 ] - [ ผู้อ่าน : 18256 ]

ชาดก 500 ชาติ

พัพพุชาดก-ตอนที่ 2-ชาดกว่าด้วยวิธีให้แมวตาย

ช่างสลักหินผู้ได้ทรัพย์สมบัติเพราะคุณความดีที่ได้กระทำ
ช่างสลักหินผู้ได้ทรัพย์สมบัติเพราะคุณความดีที่ได้กระทำ
  
    ย้อนไปในอดีตกาลในยุคสมัยที่พระเจ้าพรหมทัตเสวยพระราชสมบัติปกครองแคว้นพาราณสีอยู่นั้น พระโพธิสัตว์ในยุคนั้นได้บังเกิดเป็นช่างสลักหิน ในเวลานั้นช่างสลักหินผู้นี้ได้เติบโตเจริญวัยเป็นหนุ่มศึกษาวิชาศิลปะจนสำเร็จแล้ว “อื้ม..เอาล่ะ เราแกะสลักหินก้อนนี้เสร็จทันเวลาจนได้ แหม..งานนี้ยากเอาการ เล่นเอาเหนื่อยเลยแฮะ”
 
ฝีมือของช่างสลักหินมีความละเอียดและปราณีตยิ่ง
ฝีมือของช่างสลักหินมีความละเอียดและปราณีตยิ่ง
 
    “โอ้โห! นายท่าน ฝีมือท่านเนี่ย นับวันยิ่งเยี่ยมนะ สุดยอดจริงๆ” ถัดไปยังนิคมแห่งหนึ่ง ณ แคว้นกาสี มีเศรษฐีอยู่ผู้หนึ่ง ซึ่งมีทรัพย์สินมากมายก่ายกอง เขาได้นำทรัพย์สมบัติของเขาทั้งหมดฝังไว้ใต้ดินถึง 40_โกฏิ “สมบัติเรามีมากขนาดนี้ เก็บไว้กับตัวจะเป็นอันตรายได้ ฝังไว้ใต้ดินดีกว่า ปลอดภัยไม่ต้องกลัวโจร”
 
เศรษฐีสามีภรรยาซึ่งมีทรัพย์สินมากมายและได้นำทรัพย์ทั้งหมดฝังไว้ใต้ดินถึง 40 โกฏิ
เศรษฐีสามีภรรยาซึ่งมีทรัพย์สินมากมายและได้นำทรัพย์ทั้งหมดฝังไว้ใต้ดินถึง 40 โกฏิ
 
    “อื้ม..ดีเหมือนกันท่านพี่ ทรัพย์สมบัติของเรามันเยอะซะจนไม่มีที่จะเก็บแล้วเนี่ย เอาไว้ที่บ้านก็ล่อตาล่อใจโจรเปล่าๆ” อยู่มาวันหนึ่งเรื่องเศร้าก็บังเกิด เมื่อภรรยาของเศรษฐีได้ด่วนตายจากไป “โอ้ น้องพี่ เจ้าไม่น่ารีบมาด่วนตายจากข้าไปเลย เฮ้ย...ทรัพย์สินเรามีตั้งมากมาย แต่คนรักเรากลับมาตายจากไปอย่างงี้ มันช่างน่าเศร้านัก”
 
ท่านเศรษฐีเสียใจยิ่งนักที่ภรรยามาด่วนจากไป
ท่านเศรษฐีเสียใจยิ่งนักที่ภรรยามาด่วนจากไป
 
    แต่ด้วยความห่วงใยในทรัพย์สิน ภรรยาของเศรษฐีเมื่อตายจากไปแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นหนู กลับมาเฝ้ากองทรัพย์สินที่สามีตนได้ฝังเอาไว้อย่างมากมาย “ชาติที่แล้ว เรากับสามีฝังทรัพย์สินไว้มากมาย อีกไม่นานสามีเราก็คงต้องตายจาก แล้วใครจะดูแลทรัพย์สินเหล่านี้เล่า? เรานี่แหละที่จะขอดูแลทรัพย์สินเหล่านี้เอง”
 
บ้านเศรษฐีถูกปล่อยรกร้างเพราะขาดผู้สืบสกุล
บ้านเศรษฐีถูกปล่อยรกร้างเพราะขาดผู้สืบสกุล
 
    หลังจากนั้นอีกไม่นาน เศรษฐีก็ตายจากไปอีกเช่นกัน โดยที่ซึ่งไร้ทายาท ตระกูลนี้จึงขาดผู้สืบตระกูล บ้านของเศรษฐีก็ถูกปล่อยรกร้าง กลายเป็นบ้านร้างไปในที่สุด โดยไม่มีใครล่วงรู้ว่า ใต้ผืนบ้านนี้มีกองสมบัติถูกฝังอยู่มากมาย ช่างสลักหินเมื่อผ่านมาพบบ้านร้างหลังนี้เข้าก็เกิดถูกชะตา ประสงค์จะนำหินที่อยู่ในบ้านร้างนั้นมาทำการแกะสลักเป็นงานศิลปะตามความชอบ
 
ภรรยาของเศรษฐีได้เกิดมาเป็นหนูเฝ้าสมบัติในบ้านของตน
ภรรยาของเศรษฐีได้เกิดมาเป็นหนูเฝ้าสมบัติในบ้านของตน
  
    “อื้ม...บ้านร้างหลังเนี้ย ใหญ่โตโอ่โถงยิ่งนัก ไม่รู้เป็นบ้านของใครมาก่อน หินต่างๆ ที่อยู่ในบ้านน่ะ ปล่อยไว้ก็รกร้างซะเปล่า ไม่มีประโยชน์ เรานำหินจากบ้านร้างหลังเนี้ย มาแกะสลักงานของเราน่าจะดีแฮะ” ฝ่ายนางหนูที่เฝ้ากองสมบัติอยู่นั้น เห็นความเคลื่อนไหวของช่างสลักหินอยู่ตลอด ด้วยความที่ช่างสลักหินดูเป็นคนมีจิตใจงดงาม
 
นายช่างถูกใจหินในบ้านร้างของท่านเศรษฐี
นายช่างถูกใจหินในบ้านร้างของท่านเศรษฐี
 
    นางหนูจึงรู้สึกถูกชะตากับช่างสลักหินยิ่งนัก “อื้ม...พ่อหนุ่มคนนี้ดูไม่มีพิษ ไม่มีภัยดีแฮะ ท่าทางจะเป็นคนดี ช่างถูกใจเราซะแล้วสิ” นางหนูนั้นคิดว่า ทรัพย์สมบัติมากมายที่ตนเฝ้าอยู่นั้น หากปล่อยทิ้งไว้ก็คงจะเปล่าประโยชน์เป็นแน่แท้ หากนางนำทรัพย์นี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์น่าจะดีซะกว่า “เอ..จะว่าไป เราจะเฝ้าทรัพย์พวกนี้ทำไม เอามาทำอะไรก็ไม่ได้
 
การกระทำทุกอย่างของนายช่างอยู่ในสายตาของนางหนู
การกระทำทุกอย่างของนายช่างอยู่ในสายตาของนางหนู
 
    สู้หาทางใช้ทรัพย์นี้กับพ่อหนุ่มแกะสลักนั่นยังจะดีซะกว่า เอาล่ะ เอาตามนี้ดีกว่า” เมื่อคิดได้ดังนั้น นางหนูจึงตัดสินใจที่จะวางแผนการใช้เงินเหล่านี้ร่วมกับช่างสลักหิน นางทำการคาบเหรียญกษาปณ์จากกองสมบัติมาหนึ่งเหรียญ แล้ววิ่งไปที่ร้านของช่างสลักหิน “โอ้ อัศจรรย์นัก หนูคาบเหรียญกษาปณ์ เหอะๆๆๆ เป็นไปได้เยี่ยงไรเนี่ย
 
นางหนูได้คาบเหรียญกษาปณ์มาให้นายช่าง
นางหนูได้คาบเหรียญกษาปณ์มาให้นายช่าง
  
    แม่หนู่เอ๋ย นี่เจ้าคาบเหรียญกษาปณ์มาทำไมรึ?” “คืออย่างงี้ ท่านช่างสลักหิน เรานำทรัพย์นี้ก็หวังจะมาแบ่งให้ท่านใช้ เพียงแต่ท่านนำทรัพย์นี้ไปแบ่งซื้อเนื้อมาฝากเราที่บ้านร้างบ้างก็พอแล้ว แล้วเราจะนำทรัพย์มาให้ท่านได้ซื้อทุกวันนะ” “โห เจ้าหนูเอ๋ย ที่แท้ก็เป็นเยี่ยงนี้นี่เอง ได้ซี่..เราจะไปซื้อเนื้อมาให้เจ้า เจ้าจะได้กินอิ่มหนำสำราญน่ะ
 
นางหนูได้บอกนายช่างถึงเหตุที่ตนนำเหรียญกษาปณ์มาให้
นางหนูได้บอกนายช่างถึงเหตุที่ตนนำเหรียญกษาปณ์มาให้
 
    ส่วนเงินส่วนที่เหลือเราก็ขอรับไว้ตามความปรารถนาของเจ้าก็แล้วกัน ขอบใจเจ้ามากนะ แม่หนูเอ๋ย” ช่างสลักหินทำตามที่ให้วาจาไว้กับหนูทุกประการ เขานำเหรียญกษาปณ์นั้นไปแลกซื้อเนื้อจากในพระนครมาส่วนหนึ่งเพื่อนำไปฝากหนู และเก็บไว้ใช้เองอีกส่วนหนึ่ง เมื่อได้เนื้อมาแล้ว เขาก็จะนำไปให้หนูที่บ้านร้างกินทุกครั้งและวันต่อไปหนูก็จะคาบเหรียญมาให้ช่างสลักหินและก็นำไปซื้อเนื้อมาฝากหนูอีก เป็นเช่นนี้อยู่เรื่อยมา
 
ช่างสลักหินซื้อเนื้อมาฝากนางหนูตามที่ได้ตกลงกันไว้
ช่างสลักหินซื้อเนื้อมาฝากนางหนูตามที่ได้ตกลงกันไว้
  
    “เอ้า...กินให้อิ่มๆ นะ แม่หนู เจ้าน่ะคงหิวมากล่ะซี่” “อื้ม...อร่อยจริงๆ นี่ท่านซื้อเนื้อชั้นดีขนาดนี้มาฝากเราเชียวหรือเนี่ย” อยู่มาวันหนึ่งได้มีแมวเกเรตัวหนึ่ง หลงเข้ามาในบ้านร้าง เจ้าแมวเห็นนางหนูที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในบ้าน ก็วิ่งไล่จับตามวิสัยของแมวที่ชอบจับหนู “โอะๆ โอ้ย เจอของดีเข้าแล้ว ฮี่ๆๆๆ เจ้าหนูเอ๋ย แกเสร็จข้าแน่ เรื่องรังแกสัตว์ตัวเล็ก เราน่ะชอบจริงๆ ฮี่ๆๆ ฮิ้ว!
 
แมวเกเรตัวหนึ่งหลงเข้ามาในบริเวณบ้านร้าง
แมวเกเรตัวหนึ่งหลงเข้ามาในบริเวณบ้านร้าง
 
    “อุ๊ย งานเข้าแล้วล่ะสิ เผ่นดีกว่าเรา” หลังจากไล่จับกันอยู่นาน ในที่สุดนางหนูก็ถูกเจ้าแมวเกเรจับเข้าจนได้ นางพยายามดิ้นรนร้องขอชีวิตกับเจ้าแมวเกเร “โอ้ย พี่แมว เราเจ็บนะ ปล่อยเราซะเถอะอย่ากินเราเลย” “ปล่อยให้โง่หรอ นี่ข้าไม่ได้เล่นไล่จับนะ ข้าจะจับเจ้ากินนะเฟ้ย เรื่องอะไรจะปล่อยให้โง่ ข้าหิวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย ข้าจะกินเนื้อเจ้าซะตอนนี้แหละ อย่ามาร้องขอชีวิตซะให้ยาก”
 
แมวเกเรจับนางหนูได้
แมวเกเรจับนางหนูได้
 
    “โธ่ พี่แมว ฟังขอเสนอของเราก่อนสิ หากท่านกินเราซะตอนนี้ ท่านก็จะอิ่มอยู่แค่มื้อนี้นั่นแหละ แล้วมื้อต่อไปท่านจะเอาเนื้อที่ไหนกินเล่า สู้ปล่อยเราไว้ให้เรานำเนื้อมาแบ่งให้พี่แมวกินทุกวันไม่ดีกว่ารึ ลองคิดดูดีๆ หน่า” “เพ้อเจ้อ เจ้าจะหาเนื้อมาให้เรากินได้ไงทุกวัน” “โธ่ เชื่อเราสิ เรามีเนื้อก้อนเบ้อเริ่มเลย กินคนเดียวไม่หมดหรอก ท่านสนใจมั้ย เราจะแบ่งให้ท่าน
 
นางหนูนำเนื้อมาให้แมวเกเรตามที่สัญญาไว้
นางหนูนำเนื้อมาให้แมวเกเรตามที่สัญญาไว้
 
    เราสามารถนำมาให้ท่านกินได้ทุกวันเลยนะ ถ้าไม่เชื่อก็ตามมาสิ เราจะพาไปดู” “อื้อ ก็ได้ อย่าตุกติกนะเฟ้ย ไม่งั้นพ่อเจี๋ยนแน่” ในที่สุด เจ้าแมวเกเรก็เชื่อ แล้วยอมตามนางหนูมาดูเนื้อที่นางหนูสัญญาว่าจะแบ่งให้ “นี่ไง ท่านเห็นมั้ย เรามีเนื้อจริงๆ นะ หากท่านไว้ชีวิตเรา เราจะแบ่งเนื้อให้ท่านกินทุกวันเลยนะ” “โอเค ได้เลย ตกลงตามนั้น หือ นี่เราโชคดีจริงๆ นะ
 
นางหนูได้ตกลงจะแบ่งเนื้อให้แมวเกเรตัวที่ 2
นางหนูได้ตกลงจะแบ่งเนื้อให้แมวเกเรตัวที่ 2
 
    ไม่ต้องอยู่อย่างอดอยากอีกต่อไปแล้ว ฮี่ๆๆ ฮิ้ว โชคดีแมว” อยู่มาวันหนึ่ง นางหนูก็ถูกแมวตัวอื่นจับไว้ได้อีก ด้วยความที่ต้องการจะเอาตัวรอด นางหนูจำต้องใช้วิธีเดิมต่อรองขอชีวิตกับแมวตัวนั้นอีกครั้ง “หง่าว อะไรนะ เจ้าบอกข้าว่า เจ้ามีเนื้อแบ่งมาให้ข้าทุกวันน่ะรึ อย่าขี้โม้นะเฟ้ย ยิ่งเชื่อคนง่ายๆ อยู่ด้วย หง่าว” “จริงสิ ไม่เชื่อก็ตามมาดูที่รังของเราเลย
 
นางหนูมารับเนื้อจากช่างสลักหินตามปกติ
นางหนูมารับเนื้อจากช่างสลักหินตามปกติ
 
    ด้วยเหตุนี้เนื้อที่ช่างสลักหินนำมาให้จากเดิมที่ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเพื่อแบ่งให้กับแมวเกเรตัวแรกกลับกลายต้องมาแบ่งเป็น 3_“หง่าว ขอโทษนะพี่ชาย ขอแจมด้วยคนนะ นางหนูนั่นมันสัญญาว่าจะแบ่งให้เราเหมือนกันหน๊า หง่าว” “เอาเลยๆ ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่าอยู่บ้านตัวเองนะ ฮี่ๆๆ ฮุ่ย เหมี้ยว” “โอ้ย คิดมาตลอด ไม่เคยเกรงใจอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ เหงี้ยว”
 
นางหนูต้องแบ่งเนื้อให้แมวทั้ง 4 ตัวตามที่ตกลงกันไว้
นางหนูต้องแบ่งเนื้อให้แมวทั้ง 4 ตัวตามที่ตกลงกันไว้
 
    “เฮ้อ ซวยจริงๆ เลยเรา” ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นาน นางหนูก็ถูกแมวตัวอื่นจับได้อีก ก็ต้องใช้วิธีเดิมกันอีก แล้วก็ถูกแมวตัวอื่นจับได้อีก จึงต้องใช้วิธีเดียวกันนี้อีกเช่นกัน สรุปแล้วนางหนูถูกแมว 4 ตัวจับได้ ก็ต้องแบ่งเนื้อเป็น 4 ส่วนให้แมวทั้ง 4 ตัวและเลยอีกส่วนหนึ่งให้ตนเองกิน “เหลืออยู่จึ๊งเดียว ซวยจริงๆ เรา”
 
ช่างสลักหินได้สังเกตเห็นว่านางหนูซูบผอมลงไปกว่าเดิม
ช่างสลักหินได้สังเกตเห็นว่านางหนูซูบผอมลงไปกว่าเดิม
  
    อยู่มาวันหนึ่ง ช่างสลักหินก็สังเกตเห็นว่า นางหนูดูซูบผอมลงไปจากเดิมเยอะ ด้วยความเป็นห่วง ช่างสลักหินจึงเอ่ยถามนางหนูว่า “แม่หนูเอ๋ย เหตุไฉนเจ้าจึงดูซูบไปเช่นนี้ล่ะ ไม่สบายรึ?” “เอ่อ คือ คือว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้น่ะ ช่างสลักหินจ๋า” นางหนูตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับช่างสลักหินฟังจนหมดสิ้น “โห ที่แท้เรื่องก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ไยเจ้าถึงไม่รีบบอกเราเล่า
 
ช่างสลักหินได้ทำผลึกแก้วครอบที่ปากถ้ำที่อาศัยของนางหนู
ช่างสลักหินได้ทำผลึกแก้วครอบที่ปากถ้ำที่อาศัยของนางหนู
 
    ไม่ต้องห่วงนะแม่หนู เดี๋ยวเราจะหาทางช่วยเจ้าเอง” “ขอบคุณท่านมากนะ ท่านช่างเป็นคนดีจริงๆ” ช่างสลักหินใช้วิชาแกะสลักที่ตนมี จัดการแกะสลักแก้วผลึกใสให้นางหนู เพื่อนำไปครอบที่ปากถ้ำของนางหนู ซึ่งหากดูเผินๆ แล้ว จะดูราวกับว่า ไม่มีสิ่งใดปกปิดปากถ้ำอยู่ ด้วยความใสของแก้วผลึกใสนั่นเอง “เอาล่ะ แม่หนูเอ๋ย เราจะครอบผลึกแก้วใสนี้นะ
 
แมวเกเรตัวที่ 1 มาทวงเนื้อจากนางหนู
แมวเกเรตัวที่ 1 มาทวงเนื้อจากนางหนู
 
    แล้วเจ้าน่ะก็นอนอยู่ในถ้ำตามปกติ เมื่อใดก็ตามที่พวกแมวเหล่านั้นมาระรานเจ้าอีก เจ้าก็ตวาดด่ามันไปด้วยถ้อยคำหยาบคาย ไม่ต้องไปกลัวนะ” “มันจะดีหรือจ๊ะท่าน ทำอย่างเนี่ย พวกแมวนั่น ไม่โกรธเราแย่รึ” “ไม่เป็นไรน่า เจ้าทำตามที่เราบอกเถิด แม่หนูเอ๋ย” จากนั้น นางหนูก็เข้านอนในถ้ำ โดยที่ปากถ้ำมีผลึกแก้วใสปิดครอบอยู่
 
นางหนูไม่ยอมมอบเนื้อให้และตะโกนด่าเจ้าแมว ตามแผนของนายช่าง
นางหนูไม่ยอมมอบเนื้อให้และตะโกนด่าเจ้าแมวตามแผนของนายช่าง
 
    จนกลางดึก เจ้าแมวเกเรตัวแรกก็มาที่ปากถ้ำและร้องเรียกให้นางหนูนำเนื้อมาให้มันกินเฉกเช่นทุกวัน “เฮ้ย เจ้าหนู ข้ามาแล้ว ตื่นเดี๋ยวนี้ ไปนำเนื้อมาให้ข้ากินเร็วๆ เข้า ข้าหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว รีบๆ ตื่น เร็วๆ สิ” “มาอีกแล้วเจ้าแมวเกเรนี่ เราต้องทำตามที่ช่างสลักหินบอกสินะ” แต่หนนี้นางหนูไม่ยอมมอบเนื้อให้เจ้าแมวเหมือนเช่นทุกที
 
เจ้าแมวพุ่งตัวหมายขย้ำนางหนูแต่ชนผลึกแก้ว เข้าอย่างเต็มแรง
เจ้าแมวพุ่งตัวหมายขย้ำนางหนูแต่ชนผลึกแก้วเข้าอย่างเต็มแรง
  
    นางตัดสินใจรวบรวมความกล้าที่มี แล้วตะโกนด่าใส่แมวสุดชีวิตเหมือนที่ช่างสลักหินได้กำชับไว้ “ไอ้แมวชั่ว เรื่องอะไรข้าจะต้องเอาเนื้อไปให้เอ็งกินด้วยวะ เอ็งไม่มีปัญญาไปหามากินเองรึไง ถึงต้องมาแย่งของข้ากินอย่างนี้ ถ้าหิวมากนัก เอ็งก็ไปกินเนื้อลูกตัวเองสิวะ” เจ้าแมวเกเร ตกตะลึงพรึงเพริดคิดไม่ถึงว่า แม่หนูจะอาจหาญมาด่าตนได้ถึงเพียงนี้ เจ้าแมวยืนโกรธจนตัวสั่น
 
แมวเกเรทั้ง 3 ตัววิ่งชนผลึกแก้วอย่างแรงและสิ้นใจในทันที
แมวเกเรทั้ง 3 ตัววิ่งชนผลึกแก้วอย่างแรงและสิ้นใจในทันที
 
    “หนอย ปากดีนะ นางหนูบ้า ข้ายิ่งหิวๆ อยู่ ปากดีอย่างเนี้ย ข้าจะจับเจ้ากิน เคี้ยวให้แหลกเลย ตายซะเถอะนางหนู” ด้วยความโกรธสุดขีด เจ้าแมวจึงพุ่งเข้าใส่นางหนูที่อยู่ในถ้ำ หมายจะขย้ำให้สุดชีวิต โดยหารู้ไม่ว่า หายนะกำลังจะเข้ามาใกล้อยู่ “แก ตายซะเถอะ เจ้าหนูปากเสีย เฮอะ ฮ่าๆๆๆ” ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เจ้าแมวเกเรวิ่งเข้าชนกับผลึกแก้วใสที่ครอบปากถ้ำอยู่เข้าอย่างจัง
 
นางหนูมอบทรัพย์สมบัติที่ตนเฝ้าอยู่ทั้งหมดให้แก่ช่างสลักหิน
นางหนูมอบทรัพย์สมบัติที่ตนเฝ้าอยู่ทั้งหมดให้แก่ช่างสลักหิน
 
    ด้วยความแรง ทำให้มันหัวใจแตก ตาถล่นออกนอกเบ้า ตายทันทีอย่างน่าอนาถ และด้วยแผนอันแยบยลของช่างสลักหินนั่นเองในที่สุดเจ้าแมวเกเรก็ตายลงจนได้ “เฮ้ย ทำสำเร็จจริงๆ ด้วย ต่อไปเนี้ย เราก็ไม่ต้องไปกลัวเจ้าแมว 3 ตัวที่เหลืออีกแล้ว” หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าแมวเกเรอีก 3 ตัวที่เหลือก็ทยอยตายกันไปทีละตัว ด้วยแผนการเดียวกันนี้เอง และนับแต่นั่นมา นางหนูก็อยู่อย่างปลอดภัย ไม่มีแมวตัวใดมาระรานอีกเลย
 
    “ต้องขอบคุณช่างสลักหินผู้นั้นจริงๆ เลย ต่อไปนี้ เราจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างอดอยากอีกต่อไปแล้ว” นับแต่นั้นมา นางหนูก็อยู่อย่างปลอดภัย และเพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่างสลักหินได้ช่วยตนไว้ นางหนูจึงนำเหรียญกษาปณ์มามอบให้กับช่างสลักหินทุกวัน วันละ 2-3 เหรียญ ทั้งสองมีไมตรีให้กันและกันอย่างมีความสุข
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงตรัสประชุมชาดก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงตรัสประชุมชาดก
 
    ต่อมานางหนูก็มอบทรัพย์สมบัติที่ตนเฝ้าอยู่ทั้งหมดให้แก่ช่างสลักหิน และนับจากนั้นทั้งคู่ก็รักษาไมตรีที่มีให้กัน จนแก่เฒ่าสิ้นอายุขัยไปทั้งคู่ เมื่อนำพระธรรมเทศนาเรื่องนี้มาตรัสเล่าจนจบแล้ว องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงประชุมชาดกว่า
   
    “แมวตัวที่ 1 ได้หนู หรือเนื้อ ในที่ใด แมวตัวที่ 2 ก็เกิดในที่นั้นได้ ตัวที่ 3 ที่ 4 ก็เกิดตามๆ กันมาทำนองนั้น ด้วยอาการอย่างนี้ แมวเหล่านั้นในครั้งนั้นจึงรวมเป็น 4_ตัว ก็แลรวมกันแล้ว ก็กินเนื้อทุกวัน แมวเหล่านั้นเอาอกกระแทกถ้ำด้วยแก้วผลึกนี้ ถึงความสิ้นชีวิตไปหมดแล้ว
 
แมวทั้ง 4 ในครั้งนั้นได้มาเป็นภิกษุทั้ง 4
นางหนู ได้มาเป็น มารดานางกาณา
ส่วนช่างสลักหิน ได้มาเป็นเรา ตถาคต ฉะนี้แล”
 

รับชมคลิปวิดีโอ
ชมวิดีโอ   Download ธรรมะ

http://goo.gl/Kp9fG


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ