ชาดก 500 ชาติ
เวฬุกะชาดก-ชาดกว่าด้วยโทษของการเป็นผู้ว่ายากสอนยาก
หนุ่มผู้สอนยากกับงูน้อยเวฬุกะครั้งอดีตกาล ณ พระเชตะวัน มหาวิหารอันสำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนาได้เกิดเรื่องราวมิงามของภิกษุผู้ว่ายากอยู่ท่านหนึ่ง ไม่ว่าใครจะว่ากล่าวตักเตือนอย่างไรก็ตามท่านก็มิเคยฟัง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระกรุณาธิคุณให้ภิกษุรูปหนึ่งเข้าเฝ้า เพื่อปลดโทษให้พระเชตะวัน มหาวิหารในพระพุทธศาสนา“ท่านๆ องค์พระบรมศาสดาให้มานิมนต์ท่านไปเข้าเฝ้าแน่ะ” “จะโปรดอะไรเราอีกหล่ะ เฮ้อ..เอ่อๆๆ เดี๋ยวไป” “หึ อวดดีอย่างนี้ก็คงมีแต่องค์พระบรมศาสดาเท่านั้นแหละที่จะตักเตือนได้” “ใช่ๆ ข้าก็ว่าอย่างงั้นแหละ คราวนี้คงหายดื้อซะที”ภิกษุผู้อวดดื้อถือดี“อะไรๆๆ บ่นอะไรของท่านอยู่สองคน ข้าได้ยินน่ะ” “มาแล้วรึภิกษุ เธอผู้ว่ายากสอนยาก ใครเตือนก็ไม่เคยเชื่อฟัง แม้ในชาติปางก่อนก็เป็นเช่นนี้” “เรานี่ช่างเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายโดยแท้” “ยัง ยังไม่สำนึกอีก มันน่าตำหนิจริงๆ” “ใช่ๆ ยังไม่สำนึกอีก น่าตำหนิจริงๆ”พระบรมศาสดาทรงมีรับสั่งให้ภิกษุผู้ถือดีเข้าเฝ้า“เฮ้ยเมื่อไหร่ท่านจะเลิกพูดตามเราซะทีเนี่ย” “ใช่ๆ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ในวาระนั้นพระพุทธองค์ก็ทรงระลึกชาติและตรัสเล่าเรื่องราวของเวฬุกะชาดกให้พระภิกษุทั้งหมดฟัง เพื่อให้ภิกษุผู้ว่ายากได้เห็นโทษของการดื้อรั้น จะได้เปลี่ยนแปลงนิสัยเสียทีพระบรมศาสดาทรงตรัสเล่าเวฬุกะชาดก“ด้วยความดื้อดึงสอนยากของท่าน ทำให้ท่านถูกงูกัดถึงแก่ความตาย หากท่านไม่ละทิ้งนิสัยนี้ชาตินี้ท่านก็คงต้องพบจุดจบไม่ต่างอะไรกับชาติที่แล้ว ท่านจงฟังเถอะ เราจะเล่าเรื่องเมื่ออดีตชาติของท่านให้ฟัง เพื่อท่านจะได้บรรลุเห็นทางธรรมเสียที” ในแคว้นกาสีมีครอบครัวเศรษฐีผู้หนึ่ง ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวเกิดล้มป่วยลงยากที่จะรักษาได้ สมาชิกในครอบครัวต่างอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจเศรษฐีผู้หนึ่งผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้ล้มป่วยลง“โอ้นายท่าน” “หือๆ ท่านพ่อท่านอย่าจากข้าไปนะ ท่านต้องไม่เป็นอะไรนะ หือๆ..ท่านพ่อ” เมื่อผู้เป็นพ่อได้เสียชีวิตลงบุตรชายเศรษฐีก็ได้จัดพิธีศพให้บิดาตามประเพณี “แม้บิดาของเราจะมีทรัพย์สมบัติมากเพียงใด แต่สุดท้ายก็มิสามารถนำติดตัวไปได้แม้แต่ชิ้นเดียว แล้วเราจะเก็บรักษาทรัพย์เหล่านี้ไว้เพื่อสิ่งใด” “ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็จากข้าไป หือๆๆๆ”เศรษฐีได้เสียชีวิตลงหลังจากที่ป่วยมานานบัณฑิตบุตรเศรษฐีได้นำทรัพย์สมบัติทั้งหมดออกมาแจกเป็นทานให้กับผู้ยากไร้ เหลือไว้เฉพาะอาภรณ์ติดตัวกับเครื่องบริขารเพื่อไว้บำเพ็ญเพียรเท่านั้น “ท่านบัณฑิตชั่งมีน้ำใจแท้ๆ” “ขอให้เจริญๆ เถอะพ่อหนุ่ม” หลังจากนำทรัพย์สมบัติแจกจ่ายหมดแล้ว บุตรเศรษฐีก็นำบริวารมุ่งสู่ป่าใหญ่แดนหิมพานต์เพื่อประพฤติพรหมจรรย์บุตรชายเศรษฐีได้นำทรัพย์สมบัติมาแจกจ่ายคนยากไร้“โอ้ย ปวดหลังจัง เราจะเดินไปไหนกันเนี่ย” “ท่านอย่าบ่นนักเลยน๊า ท่านน่าจะดีใจน่ะ ท่านจะได้ละความวุ่นวายเสียที” “จริงซินะตลอดชีวิตที่ผ่านมาพวกเราหมกหมุนอยู่แต่กับโลกีย์ เอ้อ..แต่ว่าโลกีย์นี่คืออะไรเหรอ” “หือ..ทิ้งไว้ในป่าดีไหมเนี่ย” บัณฑิตหนุ่มได้ถือเพศเป็นฤาษีเพียรภาวนาจนบรรลุธรรมอภิญญา จนมีผู้เลื่อมใส ถือบวชติดตามเป็นศิษย์มากมาย “ข้าพเจ้าขอถวายตัวเป็นศิษย์ท่านด้วยเถอะบุตรชายเศรษฐีได้นำบริวารมุ่งสู่ป่าแดนหิมพานต์โปรดชี้แนะให้ข้าพเจ้าบรรลุธรรมด้วยเถิด” “ข้าพเจ้าเองก็เอาด้วยคน ข้าพเจ้าก็อยากบรรลุธรรมบ้างเหมือนกัน” “อย่ามาเลียนแบบข้าได้ไหม๊ ข้าพูดก่อนนะ” บรรดาศิษย์ทั้งหลายได้ช่วยกันสร้างอาศรมเพื่อปฏิบัติธรรมกรรมฐานอยู่ในป่าหิมพานต์อย่างสงบ “โอ้ว..ช่างสงบเงียบจริงๆ ขอนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมซะหน่อยเถอะ” “ข้าก็เอาด้วยคน ข้าอยากนั่งสมาธิด้วย” “เมื่อไหร่จะเลิกเลียนแบบข้าซะที เฮ้อ..เบื่อจริงๆ เลย”บุตรชายเศรษฐีถือเพศเป็นฤาษีเพียรภาวนาจนบรรลุธรรมอภิญญาอยู่มาวันหนึ่งศิษย์ฤาษีวัยหนุ่มได้พบลูกงูพิษที่เลื้อยเข้ามาในบริเวณอาศรม ก็เกิดความรักเอ็นดูมันขึ้นมา “ลูกงู ช่างน่ารักเหลือเกิน ดูซิเลื้อยบิดไปบิดมาน่าเอ็นดู อุ๊ย..ชูคอได้ด้วย ฉลาดจริงๆเลย เก็บไปเลี้ยงไว้ดีกว่า ไปอยู่ด้วยกันนะเจ้างูน้อย ข้าจะเลี้ยงเจ้าอย่างดีเลย” “อย่าเชียวนะ งูพิษเลี้ยงไม่เชื่องหรอกอันตรายนะ เจ้าอย่าไปยุ่งกับมันเลย ปล่อยมันไปเถอะ” “เอ้านี้บ้านเจ้า เข้าไปอยู่ในกระบอกไม้ไผ่นี่นะ เอ้..ข้าตั้งชื่อให้เจ้าด้วยดีกว่ามีผู้ถวายตัวเป็นศิษย์กับฤาษีมากมายชื่ออะไรดี เจ้าอยู่ในไม้ไผ่ ไม้ไผ่ก็เวฬุกะ เอาเป็นชื่อเวฬุกะก็แล้วกันนะ เลื้อยเข้าไปดีๆ นะ อย่างนั้นๆ อุ๊ย..น่าเอ็นดู” “ข้าว่าปล่อยมันไปเถอะ อย่าเลี้ยงไว้เลย ระวังเถอะเลี้ยงงูพิษไว้สักวันมันจะทำร้ายเจ้า” “ใช่ๆ ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ เจ้าอย่าเลี้ยงไว้เลยนะ” “เลียนแบบคำพูดข้าอีกแล้ว เมื่อไหร่เจ้าจะนึกบทเองได้ซะทีเนี่ย..เฮ้อ” “ท่านดูเจ้าเวฬุกะของเราซิน่ารักๆ ยิ่งโตก็ยิ่งหล่อเหมือนข้าใช่ไหม๊”ศิษย์หนุ่มของฤาษีได้เจอลูกงูพิษตัวหนึ่ง“อึย..น่ากลัวจะตาย ไม่เห็นจะน่ารักเลย ท่านว่ามะ" "เอ้า ทีตอนจะให้พูดตามนะไม่พูด เฮ้อเสียอารมณ์จริงๆ” “เจ้าหนุ่มชื่อว่างูพิษย่อมไว้ใจไม่ได้ปล่อยมันไปเสียเถอะ เจ้าเชื่ออาจารย์เถอะนะ” “โธ่อาจารย์มันเชื่องจะตาย ข้าเลี้ยงมันอย่างดี มันก็ต้องรักข้าซิ ไม่เป็นไรหรอกอาจารย์อย่าคิดมากเลย” “เฮ้อ เจ้านี่ชั่งว่านอนสอนอยากซะจริงๆ อนิจจาไว้ใจงูพิษเช่นนี้ ก็ระวังให้ดีเถอะเจ้า”ศิษย์หนุ่มได้เกิดความเอ็นดูลูกงูและนำมันมาเลี้ยงดู“โห๊ย..อาจารย์งูพิษที่ไหนกันเล่า ข้าเอามาเลี้ยงตั้งแต่เด็กพิษมันหายไปหมดแล้ว อาจารย์ดูซิ มันรักข้าจะตาย” แล้วศิษย์ผู้ดื้อรั้น ก็มิฟังคำตักเตือนจากใครยังเลี้ยงดูงูเวฬุกะต่อไป จนวันเวลาผ่านไปเมื่อฤดูแล้งเวียนมาถึง “เอ้า นี่อาหารของเจ้า กินให้อิ่มนะ ข้าจะต้องเข้าป่าไปหาอาหารมาเก็บไว้ เฮ้อไปตั้ง 3 วันแน่ะฤาษีได้กล่าวเตือนศิษย์ให้ล้มเลิกความคิดที่จะเลี้ยงลูกงูพิษข้าคงคิดถึงเจ้าแน่เลย ระหว่างที่ข้าไม่อยู่เจ้าอย่าดื้อน่า แล้วข้าจะหาของอร่อยๆ มาฝากเจ้านะ” “เอ้าๆๆ ล่ำลากันอยู่นั่นแหละสายมากแล้วตามมาเร็วๆ เข้า” “ท่านจะเอ็ดมันทำไม่ บอกมันดีๆ ก็ได้” “อย่าพูดอะไรที่ไม่เหมือนข้าได้ไหม๊” “ขัดใจจริงๆ เลย” “จะเอายังไงกันแน่เนี่ยพอคิดบทได้เองก็จะให้พูดตาม” “เวฬุกะข้าไปละนะอยู่ดีๆ นะจ๊ะงูน้อยของข้า”ศิษย์หนุ่มได้หาอาหารมาเลี้ยงดูลูกงูพิษเป็นอย่างดีศิษย์หนุ่มตามขบวนศิษย์อื่นๆ ไปหาผลไม้ในป่าด้วยความจำใจ ในใจก็เฝ้าคิดถึงลูกงูเวฬุกะอยู่ตลอดเวลา ช่วงเวลา 3 วันที่เขาไม่อยู่เวฬุกะของเขาจะกินอยู่อย่างไร ยิ่งเดินทางไปได้ไกลเท่าไหร่ ความกังวลของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น สามวันผ่านไปพวกฤาษีและศิษย์หาของป่าได้มากพอจึงพากันกลับศิษย์หนุ่มได้ร่ำลางูน้อยเพื่อไปหาผลไม้ในป่า“เย้ กลับอาศรมกันซะทีป่านนี้เวฬุกะคงรอข้าจะแย่แล้ว” “อย่ามัวแต่ดีใจซิ มาช่วยพวกข้าเก็บของด้วย” “ใช่อย่ามัวแต่ดีใจซิ มาช่วยเก็บของ” “ดีมาก พูดตามข้าอย่างนี้แหละ เออดีๆๆ” “สองคนนี้มันจะไม่พูดกับคนอื่นเลยหรือไงเนี่ย เล่นรับมุขกันอยู่สองคน ดูซิข้าไม่เด่นเลย” “เวฬุกะลูกรักข้าจะไปหาเจ้าแล้วนะ พวกท่านตามข้ามาเร็วๆ ซิะ”ศิษย์หนุ่มเฝ้าครุ่นคิดถึงงูน้อยตลอดเวลา“ข้าไม่ได้หนุ่มไฟแรงเหมือนเจ้านี่ โอ๊ย..เมื่อยจังเลย พักก่อนดีไหม๊ท่าน” “ท่านอย่าถามข้าซิ ข้ามีหน้าที่ตามท่านอย่างเดียว” “นี่น้องเขียด นี่น้องกบ อ๊บๆ เจ้ากิ้งก่าอีกไปเป็นอาหารของเวฬุกะข้าซะดีๆ อ้วนๆ อย่างนี้ลูกข้าชอบ” “ข้าว่าอย่าเก็บไปเลย ป่านนี้เวฬุกะของเจ้าคงหนีหายไปแล้วหล่ะ” “ใช่ๆๆ คงหนีหายไปแล้วหล่ะ ฮ่ะๆๆๆ”ฤาษีและบรรดาศิษย์พากันเดินทางออกจากป่ากลับที่พัก“พวกท่านอย่ามาพูดให้ข้าใจเสียได้ไหม๊ ลูกข้าต้องอยู่รอข้ากลับมาแน่ๆ เวฬุกะจ๋า ข้ามาแล้วจ้า ข้าออกมาดูซี ข้ามีอาหารมาฝากเจ้าเยอะแยะเลย รีบออกมาเร้ว ไหนๆๆ ไม่เจอกันตั้ง 3_วันคิดถึงจังเลย ขอดูหน้าหน่อย” ธรรมชาติของงูพิษคือเลี้ยงไม่เชื้อง ยิ่งหิวยิ่งดุร้าย เวฬุกะถูกขังอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ 3 วัน 3 คืนศิษย์หนุ่มได้หาอาหารมาฝากลูกงูของตนทั้งหิว ทั้งโกรธไม่เหลือร่องรอยของงูเชื้องแสนน่ารักน่าเอ็นดูเลยสักนิด เมื่อไม้ไผ่ถูกเปิดออกมันก็พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ฉกเข้าที่ดวงตาของศิษย์หนุ่มผู้เป็นคนเลี้ยงมันมาอย่างโหดเหี้ยม “โอ๊ย เวฬุกะลูกรัก เจ้ากัดพ่อทำไม โอ๊ย...ข้าอุตส่าห์เอาเจ้ามาเลี้ยงหาอาหารให้เจ้ากินนะ ปล่อยๆ ปล่อยข้า โอ๊ยๆ”งูน้อยพุ่งออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ด้วยความโกรธและหิวด้วยความหิวเวฬุกะพุ่งตัวออกมาทำร้ายศิษย์หนุ่มที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็กด้วยความโกรธ อนิจจานี่แหละงูพิษ ย่อมไว้ใจไม่ได้ “ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย โอ๊ยๆๆ...” จากงูน้อยแสนน่ารักกลายเป็นงูพิษที่ดุร้าย เวฬุกะฉกฝังเขี้ยวลงที่ดวงตาของผู้มีพระคุณ ปล่อยน้ำพิษจนศิษย์หนุ่มฤาษีสะท้านไปทั่วร่าง ล้มลงขาดใจตายอยู่ตรงนั้นทันทีงูน้อยฉกกัดศิษย์หนุ่มด้วยสัญชาตญานของสัตว์ร้ายงูพิษก็คืองูพิษ อย่างไรเสียมันก็คงไม่ลืมสัญชาตญาณไปได้ นี่แหละโทษของการดื้อรั้นที่ว่ายากสอนยาก ไม่เชื่อฟังคำตักเตือนของใคร สุดท้ายก็ต้องพบจุดจบอย่างน่าอนาจ หากศิษย์หนุ่มผู้นี้เชื่องฟังคำของอาจารย์และเหล่าฤาษีคนอื่นสักนิดเขาก็คงไม่ต้องมาจบชีวิตด้วยอายุเพียงเท่านี้โยอัตถะกามัส สะ หิตานุกัมปิโน โอวัชชะมาโน นะ กะโรติสาสะนัง เอวัง โส นิหะโต เสติ เวฬุกัสสะยะถา ปิตาพุทธกาลวาระนั้น ศิษย์ผู้ดื้อรั้นเกิดมาเป็น ภิกษุที่ว่ายากสอนยากฤาษีบริวาร เกิดมาเป็น พุทธบริษัททั้งหลายพระอาจารย์ เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า
http://goo.gl/UThUO