ไปที่เนื้อหา


เนื้อหาจาก ผู้กองยอดรัก

ค้นพบทั้งสิ้น 17 รายการโดย ผู้กองยอดรัก (จำกัดการค้นหาจาก 29-May 23)


#195331 กฎ12ข้อในการสร้างทีมเวิร์ค

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 06 April 2015 - 01:40 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

ทีมเวิร์คคืออะไร?

 

 

 

     ทีมเวิร์ค คือ "การทำงานที่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว มีหัวใจดวงเดียวคือเราต้องเป็นทีมแชมเปี้ยน"

 

หัวใจองค์กร(สาขา)คือ ทีมเวิร์ค

 

การสร้างทีมงานที่มีความเป็นเลิศคือการสร้างทีมงานที่มีความเก่งสมดุลย์กัน ทีมที่ดีใม่ต้องการวีรบุรุษวีรสตรี หรือใครเก่งคนเดียว ซึ่งในการทำให้องค์กร(สาขา)ของเราเป็นทีมเวิร์ค สามารถทำได้ง่ายๆ คือ

 

1.ทุกคนทำงานด้วยความสนุก อยากทำงาน ไม่อยากหยุด

2.ทำงานด้วยบรรยากาศยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ทะเลาะกัน ไม่เกี่ยงงานกัน

3.ทุกคนมีความคิดไปทางเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกันสไตล์เดียวกัน

4.ถ้าเป็นม้าลากรถก็ลากไปในทางเดียวกันไม่ใช่ไปคนละทิศคนละทาง

5.คนเก่งเหมือนม้าที่เร็วกว่า ถ้าเข้าโค้งก็ต้องชะลอความเร็วรอม้าที่ช้ากว่า ส่วนม้าที่ช้ากว่าก็ต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพราะเข้าโค้งจะได้น้ำหนักเดียวกัน

6.ทุกคนช่วยเหลือกัน ใครพลาดก็มีคนช่วยเหลือไม่ใช่ซ้ำเติม เห็นอะไรที่ดีกว่าก็เสนอแนะอย่างสร้างสรร
ถ้ามีวิกฤติเกิดขึ้นเข้าช่วยเหลือโดยไม่ต้องขอ

7.เมื่อคนอื่นทำดีก็ชมให้กำลังใจยินดีด้วย ไม่อิจฉาริษยา มีมุฑิตาจิต

8.รู้จังหวะการทำงานขององค์กรบางครั้งงานเร่งด่วนรีบก็ต้องเร่งรีบด้วย บางครั้งช้าให้รอก็ต้องรู้จักรอ
ไม่ใจร้่่อนหงุดหงิดแอบทำไปก่อนเหมือนนักเต้นรำต้องเต้นจังหวะเดียวกัน

9.เวลาทีมชนะก็ต้องยินดีด้วยไม่ใช่ทำเฉย เวลาแพ้ก็ไม่ซ้ำเติมรู้สึกเสียใจด้วย

10.ทุกคนรู้เป้าหมาย ศรัทธาในผู้นำองค์กร เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่นฝีมือแาะช่วยกันทำงานให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

11.ทุกคนให้เกียรติกันเคารพในความเห็นของผู้อื่น ยอมรับการทำงานของผู้อื่น เมื่อตกลงกันแล้วก็ต้องมีหน้าที่ไปทำให้ได้ตามที่ตกลงกัน ถ้าไม่ได้ก็ต้องรีบขอความช่วยเหลือไม่มีความผิดพลาดจนกลายเป็นเรื่องใหญ่

12.ทุกคนทำงานด้วยความหนักแน่น อดทนอดกลั้น ผู้นำไม่หูเบามีศิลปะในการให้กำลังไจในการปลอบขวัญ

 

และนี่คือ กฎ12ข้อในการสร้างทีมเวิร์ค

ทีมของคุณ มีกี่ ข้อเอ่ย ?




#192022 เสียงสุดท้ายของสูกสาวที่ผมรัก . . .

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 22 June 2014 - 09:21 AM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

คุณเคยได้ยินเรื่องนี้ไหม
"พ่อที่โทรหาลูกสาว เพื่อฟังข้อความเสียง"

 

dad.jpg

 

เรื่องจริงของชายชราคนหนึ่ง ซึ่งถูกเล่าผ่านพนักงานคอลเซ็นเตอร์สาว
ผู้จัดการของเธอถามถึงสาเหตุที่ต้องเซ็นอนุมัติ เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายนี้

พนักงานสาวจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

 

ชายชราคนหนึ่งอาศัยอยู่กับลูกสาวของเขา
แต่ด้วยหน้าที่การงานของลูก ทำให้เขาไม่ได้อยู่กับลูกมากนัก
เขามีเพียงโทรศัพท์มือถือเป็นสื่อกลางให้เขาได้ส่งข้อความเสียงถึงกันเท่านั้น

จนวันคริสมาสต์ลูกสาวได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่ชายชราก็ยังหมั่นโทรหาลูกสาวเขาทุกวัน
เหมือนทุกครั้งที่เธอยังมีชีวิตอยู่ จนวันหนึ่งเขาโทรหาลูกสาวเหมือนเช่นเคย แต่ข้อความเสียงถึงจำนวนจำกัด และเขาไม่ได้ยินข้อความเสียงของลูกอีกต่อไป

ชายชราโทรหาคอลเซ็นเตอร์ด้วยความร้อนรน
แล้วพร่พพูดเพียงว่า "มันหายไปแล้วๆ"
จนพนักงานสาวถามเขาจำเบอร์ผิดรึเปล่า

ชายชราบอกว่า "ตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาจ่ายค่าโทรศัพท์มาตลอด"

ภาพของเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนที่ลูกสาวเคยถามเขาว่า
เขาปรารถนาสิ่งใดมากที่สุดย้อนกลับมา
ชายชราให้คำตอบว่า เขาเพียงอยากให้ลูกสาวของเขามีความสุขก็พอแล้ว

 

แต่ในตอนนี้เขาอยกตอบว่า เขาต้องการที่จะเก็บเสียงของลูกสาวเอาไว้
"เสียงที่เขาจะไม่ได้ยินอีกต่อไป ;

 

"ฮัลโหลๆ ฉันรับสายไม่ได้ตอนนี้นะคะ
ทิ้งข้อความไว้แล้วฉันจะโทรกลับนะ บาย
"

 

พนักงานสาวเล่าเรื่องทั้งหมด ให้ผู้จัดการฟัง ทำให้ยอมเซ็นอนุมัติ
เธอแจ้งกับชายชราว่า โทรศัพท์ใช้ได้ตามปกติแล้ว
เรื่องราวของชายชราที่โทรหาลูกสาวตัวเองทุกวัน

ทั้งที่ลูกสาวเสียชีวิตไป 3 ปีแล้ว

ทำให้พนักงานสาวรีบกลับบ้าน กอดพ่อของเธอ ทันทีหลังเลิกงาน

ส่วนผู้จัดการหนุ่มเขาก็เริ่มเอาใจใส่พ่อของเขามากยิ่งขึ้น

 

 

คุณพ่อที่ขอฟังเสียงลูกสาวผ่านโทรศัพท์ทุกวัน

 

คุณพ่อที่ขอฟังเสียงลูกสาวผ่านโทรศัพท์ทุกวัน แม้ลูกจะไม่รับสายคุณพ่อเลยก็ตาม

มีคุณลุงอายุ ๗๐ กว่าคนหนึ่ง โทรหาลูกสาวทุกวัน และลุงก็ได้ยินแต่เสียงพูดของลูกสาวว่า

“ขอโทษคะ ตอนนี้ไม่ว่างรับสาย กรุณาฝากข้อความไว้นะคะ” เสียงอ่อนหวานน่ารักนี้ ทำให้คุณลุงพอใจ หน้ามีรอยยิ้ม แม้จะรู้ว่าลูกไม่ได้รับสาย ก็ยังพูดต่อไปว่า “ไม่เป็นไร ไปยุ่งงานของลูกนะ พรุ่งนี้พ่อจะโทรหาใหม่”

ความจริง เจ้าของเสียง ซึ่งเป็นของลูกสาวคุณลุง ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้วเมื่อ ๓ ปีก่อน จากอุบัติเหตุทางถนน

เสียงพูดนี้ เป็นวิธีเดียวที่คุณลุงจะยินจากลูกสาว เพื่อคลายความคิดถึง มันเหมือนกุญแจดอกหนึ่ง ที่สามารถเปิดประตูลึกลับ ที่นั่นมีความทรงจำที่หวานฉ่ำของลูกสาว

เมื่อลูกสาวจากไป ไม่มีคนใช้เบอร์นี้แล้ว แต่คุณลุงก็ยังจ่ายค่ารายเดือนต่อไปไม่ได้หยุด

ทุกวันเมื่อได้ยินคำพูดนี้ คุณลุงรู้สึกเหมือนว่า ลูกสาวไม่ได้จากไปไกล ยังทำงานอยู่ที่บริษัทเดิม คุณลุงก็เหมือนนั่งข้างลูกสาว มองดูลูกสาวด้วยรอยยิ้ม ดูลูกสาวพิมพ์เอกสาร พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ถ่ายเอกสารของที่ทำงานอยู่ ความทรงจำอันหวานฉ่ำนี้ ทำให้คุณลุงผ่านกลางคืนที่ยาว ผ่านความทุกข์ความเจ็บปวดไปได้

ในทะเลที่ไม่เห็นฝั่ง บางที แค่คำพูดคำเดียว ก็ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำได้

แต่วันหนึ่ง ตอนคุณลุงโทรเบอร์ลูกสาว

เสียงของลูกสาวหายไปซะแล้ว

คุณลุงได้ยินแต่คำพูดว่า “ไม่ได้เปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” คุณลุงตกใจ ทำอะไรไม่ถูก

เหมือนสวรรค์ได้หายไปต่อหน้า

คุณลุงพยายามหาเบอร์ของ คอลเซ็นเตอร์ เพื่อโทรไปถาม

พอพนักงานรับสาย คุณลุงพูดเริ่มต้นไม่ถูก เพราะน้ำตาร่วงเป็นทางยาว เมื่อ พนักงานพยายามฟังจนเข้าใจที่คุณลุงว่า จึงอธิบายว่า ทางบริษัทได้ปรับปรุงระบบ และได้ส่งข้อความไปยังผู้ใช้ ให้ย้ายข้อความเดิมไปยังระบบใหม่ มิฉะนั้น คำพูดเก่าที่บันทึกไว้ก็จะถูกลบ

แต่คุณลุงไม่เคยเปิดดูข้อความ เมื่อระบบใหม่เริ่มทำงาน คำพูดที่บันทึกไว้อันล่ำค่าของลูกสาวคุณลุงจึงหายไป คุณลุงความหวังพังทลาย “นี่เป็นเสียงบันทึกของลูกสาวที่จากไปแล้ว ต่อไปลุงจะทำยังไง ?”

คุณลุงพูดสะอื้นไป ร้องไห้ไป เหมือนเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พนักงานจึงรีบรายงานเรื่องนี้ไปยังหัวหน้า ๆ ก็รีบติดต่อไปยังแผนก ไอ ที ของบริษัท เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเป็นเดือน จาก voice mail ของลูกค้าหลาย ๆ ล้านคน จนหาเจอเสียงของลูกสาวคุณลุง แล้วก็หาทางใส่กลับไปเหมือนเดิม พนักงานใช้วิธีธรรมดาทั่วไป ใช้โทรศัพท์โทรเข้าเบอร์ลูกสาวคุณลุง และก็ได้คำพูดอัดเสียงล้ำค่านั้น แล้วก็ผ่านกระบวนการ จนกลับสู่แบบเดิม

 

คุณลุงที่ค่อยท่าแล้วค่อยท่าอีก ในที่สุด ก็ได้ยินเสียงคำพูดของลูกสาวอีกครั้งหนึ่ง

 

วินาทีนั้น คุณลุงดีใจมาก พูดว่า “ได้ยินแล้ว ได้ยินแล้ว

 

เหมือนกับว่า แค่เอื้อมมือไป ก็กอดลูกสาวได้ เหมือนกับว่า ลูกสาวก็ยังคลอเคลียอยู่ข้างคุณลุง

เพื่อไม่ให้คำพูดอัดเสียงนี้หายไปอีก

พนักงานบริษัท ได้บันทึกคำพูดนี้ลงบนแผ่น ซีดี และส่งให้คุณลุงเก็บไว้

เราทุกคนเป็นคนธรรมดา ไม่สามารถยับยั้งภัยอันตรายต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นได้
แต่เราสามารถใช้ความพยายามและอดทน เพื่อเย็บหัวใจของพ่อที่แตกสะลายดวงหนึ่ง ให้กลับมาเหมือนเดิม ให้คุณลุงยังอยู่อย่างอบอุ่นในโลกของเรา

คนจีนมีคำพูดเปรียบเทียบว่า ต้นไม้อยากหยุดนิ่ง แต่ลมไม่หยุด

ลูกอยากเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว

เรื่องของโลก คาดการณ์ยาก บางที คนที่จากไปก่อน อาจจะเป็นคนหนุ่มคนสาว เหลือไว้แต่พ่อแม่สูงวัยที่เสียใจ

ไม่ว่าจะยังไง จงรักษาและทะนุถนอมช่วงเวลาที่อยู่กับครอบครัว

อย่าดีกับคนนอก มากกว่าคนในครอบครัว

การกตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่ต้องใช้เงินเยอะ และไม่ต้องใช้เงินมาก

คำพูดคำเดียว คำพูดที่เป็นห่วงเป็นใย หอมสักครั้ง

ข้อความสั้นสักข้อความ ดอกไม้สักดอก กอดสักครั้ง
บางทีก็ทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วงได้

พ่อแม่ในโลกใบนี้ ไม่ได้ต้องการมาก แค่นิดเดียวก็พอใจแล้ว วันนี้คุณให้เวลากับคนที่รักคุณหรือยัง ....




#191876 ให้เครดิตนั้น สำคัญไฉน ???

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 12 June 2014 - 05:35 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

ทำไมจึงพูดเช่นนี้น่ะหรือ นั่นก็เพราะ หากเราดูในเรื่องของ "งานเขียน" บนสื่ออินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นงานแปล งานศิลปะ บทความ ผู้คนก็ไม่ค่อยจะให้เครดิตผู้เป็นเจ้าของงานนัก มันจะมีปัญหา "การละเมิดลิขสิทธิ์" ออกมาอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจากเว็ปไซด์ชื่อดังใดๆก็ตาม  และทุกครั้งเมื่อพาดพิงถึงเรื่องของการให้เครดิต ก็มักจะเบี่ยงประเด็นไปต่างๆนาๆ ทั้งๆที่วัตถุประสงค์ของการให้เครดิตจริงๆนั้นมีดังนี้ค่ะ

 

1 . เพื่อให้เกียรติเจ้าของงาน

ไม่ เกี่ยงว่าคุณจะนำชื่อเขามาไว้ก่อนหรือหลัง แต่ต้องเขียนระบุให้ชัดเจน  ในกรณีที่ไม่ทราบเจ้าของ  ให้ระบุที่มาว่ามาจากเวปไซด์ไหน วันที่เท่าไหร่

 

2. เพื่อตรวจสอบความผิดพลาด 

เพราะ ตัวเรานั้นอาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาด ผู้อ่านก็จะสามารถกลับไปตรวจสอบได้  ในขณะเดียวกันก็เป็นการป้องกันตนเองว่า หากต้นข้อมูลพลาด เราที่เป็นคนคัดลอกมาก็จะมีข้อแก้ตัวให้กับตนเอง

 

3. เคารพผู้อ่าน ผู้ดู หรือผู้ชม

จะ ได้ทราบว่าเขากำลังอ่านงานของใคร ออริจินอลคือที่ไหน ผู้แปล ผู้เขียน หรือผู้วาดสร้างสรรค์มาได้อย่างไร การไม่ใส่เครดิตเท่ากับเรากำลัง "ดูถูก" ว่าคนเข้ามาชมผลงานเป็นคนที่หลอกง่ายนะคะ

 

4 . สร้างจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกันในสังคม  อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย  

เพื่อสร้างเครือข่ายของข้อมูล และชิ้นงานที่เชื่อมโยงกัน  ให้ง่ายแก่การสาวไปถึงต้นสายของ "ข้อมูล"   

 

 

ไม่นานมานี้ได้เข้าไปอ่านบทสนทนาโต้ตอบความเห็นจากเวปไซด์หนึ่ง ซึ่งก็เป็นกรณีของการ "ก๊อปปี้งานแปล"  แล้วก็ถกเถียงกันว่าหากคนๆหนึ่งนำงานของเจ้าของในภาษาอื่นมาแปลเป็นภาษาไทยโดยมิได้รับอนุญาตถือว่าผิดล่ะก็  งั้นคนที่ก๊อปปี้งานเขามาอีกทอดจะผิดไหม???

 

คำตอบ ตามหลักกฎหมายอาญาคือ  "ผิดค่ะ" ไม่ ว่าจะลักมากี่ทอดก็ตาม คนที่เอามาก็ผิดอยู่ดี  อย่าลืมสิคะว่า ผู้แปล นั้นมีลิขสิทธิ์ในงานแปลอยู่ เขามีสิทธิจะให้ใครก็ได้นำบทแปลของเขาไป ไม่ใช่ว่าจะมาอ้างกันอย่าง "ขอไปที"  เช่นนั้นได้นะคะ

 

เหมือน กับที่ข้าน้อยเคยอธิบายไปในกรณีแฟนฟิค ในเอนทรี่ของกรณีก๊อปปี้แฟนฟิค Blessing of Moon ว่าแม้ผู้แต่งแฟนฟิคผิดต่อเจ้าของเรื่องที่ยืมตัวละครมาใช้  แต่ผู้แต่งก็มีลิขสิทธิ์ครอบถ้วนในส่วนเนื้อหาของแฟนฟิคนะคะ

 

 

ดัง นั้น หากคิดจะนำ "แฟนอาร์ต" "แฟนฟิค" "โดจินแปล" "ผลงานวิชาการ" "บทพูด" "ความคิด" ฯลฯ ของใครก็ตามไปใช้ล่ะก็ แม้จะเพียงน้อยนิด ก็จำเป็นต้อง "ให้เครดิต" เจ้าของงานนะคะ  ได้โปรดอย่าได้คิดอะไรง่ายดายทำนองว่า "โจรลักของโจรไม่ผิด" นะคะ เพราะนั่นจะผิดเจตนาของกฎหมายบ้านเมืองค่ะ

 

ใช่ ว่าตัวข้าน้อยจะไม่เคยทำผิด เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีที่ข้าน้อยผลิตแฟนฟิคออกไปสองเรื่อง และเมื่อตนเองนึกขึ้นได้ก็ปรากฏว่าไม่ได้เขียนว่าเป็นแฟนฟิครีบอร์นไปบนปก หนังสือ  นั่นก็คือข้าน้อยทำผิดต่ออ.อามาโนะผู้เขียนรีบอร์นเช่นกัน หรือสมัยก่อนที่นำรูปงานแฟนอาร์ตมาทำเฮดบล็อค โดยไม่ให้เครดิต นั่นก็ผิดอีกเช่นกันค่ะ  ( หากถามถึงเฮดบล็อกตอนนี้ล่ะก็ ข้าน้อยถ่ายรูปนี้มาเองค่ะ )

 

การลืมให้เครดิตจะไม่ใช่เรื่อง ใหญ่ค่ะ หากผู้อื่นรู้อยู่แล้วว่า " เราไม่ใช่เจ้าของ" แต่ถ้า "ไม่รู้" ล่ะคะ  งานแปลบนอินเตอร์เนต แฟนฟิค แฟนอาร์ท  ปกติจะมากันหลายทอด จนเจ้าของผลงานถูกลืม และบุคคลที่สาม "แอบอ้างเป็นเจ้าของ"  ในกรณีคงจะเป็นเรื่องใหญ่ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะไม่มีใครหรอกค่ะที่อยากถูกแอบอ้าง 

 

ท่านผู้อ่านคงจะงง ว่า ตอนแรกมางานวิชาการ ไหงมาออกเรื่อง งานบนอินเตอร์เนต  มันดูเหมือนคนละเรื่อง แต่จริงๆ "เป็นเรื่องเดียวกัน" ค่ะ  การสร้างนิสัยเขียนงานวิชาการ หรือเขียนบทความที่ดี ต้องมาจากการสร้าง "ลักษณะนิสัย" ของการ "เคยชินกับการให้เครดิต"  หากวันนี้ไม่แม้แต่ให้เครดิต "ชื่อคน" "ชื่อเวปไซด์" แล้ววันหน้า คิดหรือคะว่าเราจะทำฟุ๊ตโน๊ต หรือบรรณานุกรมที่ละเอียด และคงความเคารพเจ้าของต้นฉบับไว้ได้

 

 

( ที่มาจาก : http://ruk21us.extee.../20090223/entry จาก https://www.facebook.../notes/samakhom...)




#191780 เตรียมชม สปอตชวนบวชพระ ทาง ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 11

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 06 June 2014 - 04:58 PM ใน ข่าวประชาสัมพันธ์

สปอตชวนบวชพระแสนรูปเข้าพรรษาใน free tv
9-18 มิ.ย. ประเดิมที่ช่อง3 รายการเรื่องเล่าเช้านี้

สปอตชวนบวชพระ ความยาว 30 วินาที ทางช่อง3,ช่อง5,ช่อง11
พลาดไม่ได้นะคะ


โดยมีรายละเอียดดังนี้

ช่อง3
@รายการเรื่องเล่าเช้านี้ วันที่ 9-12มิ.ย. 06.00-09.05น.
@รายการเรื่องเล่าข่าวดี วันที่ 14มิ.ย. 06.55-07.25น.
@ก๊วนข่าวเช้าวันหยุด วันที่ 15มิ.ย. 06.55-07.25น.

ช่อง5
@ฮาร์ดคอข่าว วันที่ 9,11,13,16,18มิ.ย. 18.00-18.30น.
@เวทีข่าวสุดสัปดาห์ วันที่ 14-15มิ.ย. 11.00-11.45น.

ช่อง11
@ข่าวเช้า NBT วันที่ 9-12,16-18มิ.ย. 06.30-08.00น.
@ข่าวเที่ยง NBT วันที่ 9-13,16-18มิ.ย. 12.00-13.00น.
@ข่าวค่ำ NBT วันที่ 9-13,16-18มิ.ย. 18.05-20.00น.




#191533 เมื่อฉันแก่ตัวลง

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 16 May 2014 - 05:33 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

"เมื่อฉันแก่ตัวลง" เวอร์ชั่นใหม่

 


 

เคยคิดถึงพ่อกับแม่ที่อยู่บ้านตามลำพังไหม
เคยรู้สึกหงุดหงิด เคยรำคาญใจพ่อแม่คนที่เรารักบ้างหรือเปล่า

เวลาอยู่ด้วยกัน เคยขัดพ่อกับแม่ เคยเถียงท่านด้วยใช่ไหม

ได้เวลาที่เราจะลาจากพ่อกับแม่ เคยรู้สึกอย่างไรบ้างรึเปล่า

เสียงอ่านโดยคุณ พิเชฐ พยัฆศาสตร์ (เสียงประกอบหนังสือหัวใจสีขาว)
เรียบเรียงลำดับภาพเพิ่มเติมโดยทีมงาน CITEC ขอขอบพระคุณเจ้าของรูปทุกท่าน
หากมีส่วนใดไม่เหมาะสมแนะนำติชมได้ที่...
facebook.com/citecclub

 

 

การตอบแทนพระคุณพ่อแม่ที่ดีที่สุด คือ การบวชทดแทนคุณท่าน อย่างน้อยสัก 1 พรรษา ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่มีคุณค่าทึ่สุด ที่จะมอบให้กับตนเอง และบุคคลอันเป็นที่รักของเรา คือ คุณพ่อคุณแม่

 

เมื่อฉันแก่ตัวลง ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น

ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด
 

ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า

ขอให้คิดถึงตอนแรกๆ ที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง
 

ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ

ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน
 

ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย
 

ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะ

ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ ฉันต้องทั้งกอดทั้งปลอบ

เพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม
 

ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ ๆ อย่าหัวเราะเยาะฉัน

จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม "ทำไม ทำไม"

ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม
 

ตอนฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว

ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมา

ช่วยพยุงฉัน เหมือนตอนที่ฉันพยุง

เธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็ก ๆ
 

หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ ให้เวลาฉันคิดสักนิด

ที่จริงสำหรับฉันแล้ว กำลังพูดเรื่องอะไร ไม่สำคัญหรอก

ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจแล้ว
 

ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน

ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอน เธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ
 
ตอนนั้นฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต

ตอนนี้ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทาง

ให้ความรักและอดทนต่อฉัน ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ

ในรอยยิ้มของฉันมีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉันที่มีให้กับเธอ

 

 

Ord-2557.jpg
บวชพระเข้าพรรษา ประจำปี 2557




#191486 บรรยากาศของคนขอนแก่น

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 10 May 2014 - 05:37 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

บรรยากาศของคนขอนแก่น กับการต้อนรับขบวนอัญเชิญพระบรมธาตุ

 

ชาวขอนแก่น-01.jpg

 

ชาวขอนแก่น-02.jpg

 

ชาวขอนแก่น-03.jpg

 

ชาวขอนแก่น-04.jpg

 

 




#191395 งานนี้ห้ามพลาด ...พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ เมตตาเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเรือ แสนอร่อย กว่...

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 26 April 2014 - 09:08 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

รายงานบรรยากาศร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ เช้าวันนี้

 

ร้านก๋วยเตี๋ยว-01.jpg

 

ร้านก๋วยเตี๋ยว-02.jpg




#191394 คำสอนคุณยาย มนุษย์และเทวดาสรรเสริญ

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 26 April 2014 - 09:05 AM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

มนุษย์และเทวดาสรรเสริญ
:P คุณยายเดินไปตรวจวัด  เห็นไม้กวาดที่วางไม่เป็น
ระเบียบ คุณยายบอกให้ไปวางใหม่ ให้เรียบร้อย   แล้วสอนว่า..
ข้าวของต้องเก็บให้เรียบร้อย  เกิดกี่ภพกี่ชาติ  ก็จะได้เจอ...แต่สิ่งที่เรียบร้อย
ข้าวของที่เอามาใช้น่ะ เอามาใช้ได้
แต่ใช้แล้วต้องเอาไปเก็บไว้ที่เดิม
:P ถ้าเราทำอะไรสะอาดเรียบร้อย
เราก็จะเป็นตัวอย่าง ของความสะอาดเรียบร้อย
ถ้าเราทำอะไรสกปรกรกรุงรัง
ก็จะเป็นตัวอย่างของ ความสกปรกรกรุงรัง
:P คนที่ทำอะไรสะอาดเรียบร้อย
มนุษย์ก็สรรเสริญ  เทวดาก็สรรเสริญ

คำสอนคุณยาย




#191393 แนะนำเพจธรรมะ พระมหาสุทธิชัย

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 26 April 2014 - 09:01 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

พระมหาสุทธิชัย.png

 

เพจ พระมหาสุทธิชัย สุทฺธิชโย ผอ.สำนักศรัทธาภิบาล
ธรรมะเพื่อการฝึกฝน ตนเอง
https://www.facebook.com/sootthichayo
มาไลค์กันนะคะ




#191367 แนะนำเพจ สาระธรรม เปรียญธรรมเก้า

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 24 April 2014 - 09:37 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

วันนี้มีเพจมาแนะนำ...

สาระธรรม เปรียญธรรมเก้า

 




#191349 เวลาไปวัดต้องทำอย่างไรจึงจะได้บุญเยอะๆ

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 21 April 2014 - 06:24 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

รักษาใจเมื่อไปวัด

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  -

 

ไปวัด.jpg

 

เมื่อไปทำบุญที่วัด
ต้องรักษษใจให้ใสๆ

คนเรื่องมาก มักจะได้บุญน้อย
คนเรื่องน้อย ก็จะได้บุญมาก
เราไม่ต้องการให้ใครมาเอาใจ
แต่เราควรจะรักษาใจของเราให้ใสๆ

 

โอวาท พระเทพญษณมหามุนี วิ.

4 กันยายน พ.ศ.2548




#191338 คนเรารู้จักกันเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่า

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 20 April 2014 - 05:54 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก
คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย
ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน
ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า
คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก
ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใ

เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ
ไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น
มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา
เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน
แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ
จึงบอกว่า " ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า"

หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า "อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต ในบ้านมีคนป่วยใช่มั๊ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อยไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว"
เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่า ตัดสินใจเองไม่ได้ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่า
"อยากเข้ามา ก็เข้ามา!"

เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตายิ้มแล้วพูดว่า "อาการหนักเลยนะ"

ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า
"โทรมมากเลยนะ" ชายคนนั้นไม่สนใจ
หลวงตาบอกว่า "ไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ"
ชายคนนั้นไม่สนใจ

แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น
ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล

ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด

เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ
แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพนั้น
เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุม
ร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป

พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู
เมื่อพบว่า เป็นศพ ด้วยใจสงสาร
จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆ
กอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร
จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป

จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพ
ของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ
พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจ

ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า "ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ
ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา
ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ
จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน"

เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา
เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า "โยมรอดแล้ว
เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว"

ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชติดตามหลวงตาองค์นั้นในที่สุด

คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย
เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่

ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้
คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง
เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน
ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า
ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้
ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า
เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่

ทุกๆวจีกรรม กายกรรม และมโนกรรม ที่เรานึกคิด
พูดล้วนเป็นกรรมหมด อยู่ที่เจตนาเป็นบุญหรือบาป ล้วนส่งผลต่อปัจจุบันและอนาคตทั้งนั้น...

 




#191335 จะทำอย่างไรให้มีจิตใจเมตตาตลอดเวลา

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 20 April 2014 - 09:25 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

เราอย่าไปคาดหวังคนที่คิดไม่เหมือนเราให้มาคิดเหมือนเรา

เพราะเราก็ไม่เคยหวังว่าจะไปคิดเหมือนเขาเช่นกัน

เพราะแต่ละคนมีสติปัญญาและความรู้ไม่เท่ากัน

เห็นสิ่งเดียวกัน จะให้คิดเหมือนกันจะเป็นไปได้ อย่างไรกัน

การอยู่ร่วมกันของคนคิดต่างกัน จึงมีอยู่ 2 วิธีคือ

1. ทำให้เข้าใจอย่างถูกต้องเหมือนกัน

2. หากยังเข้าใจไม่เหมือนกันก็ควรพยายามทำความเข้าใจว่า ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น และ
ไม่ว่าร้าย ไม่ทำร้ายกัน ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข

พระ กับ มาร ยังทะเลาะกันไม่เลิก

มนุษย์จึงยังต้องทะเลาะกันไม่เลิก

เช่นเดียวกัน

ขึ้นอยู่กับว่ามนุษย์คนไหนจะเป็น หุ่นให้พระเชิด หรือให้มารเชิด

 

560727-boon-2.jpg




#191334 รู้จักให้อภัย

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 20 April 2014 - 09:22 AM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

รู้จักให้อภัย
- - - - - - - - - - - - - -  -

 

รู้จักให้อภัย(5).jpg

การรู้จักให้อภัยตนเอง
และให้อภัยผู้อื่น
จะทำให้ใจเป็นสุข
และสมาธิตั้งมั่นได้ง่าย
โอวาท พระเทพญาณมหามุนี

๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖




#191325 เฟสบุ๊คสถานที่ปฏิบัติธรรม ดอกไม้บาน

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 18 April 2014 - 08:19 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

ฝากประชาสัมพันธ์ค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - -
สามารถไปกด like ให้ ดอกไม้บานได้นะค่ะ ที่ www.facebook.com/dmb072
แบ่งปันเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับนั่งสมาธิ ความประทับใจ ข้อคิดดีๆ ที่ได้จาก
พระอาจารย์ คณะพี่เลี้ยงในการปฏิบัติธรรม
และภาพบรรยากาศในรุ่นปฏิบัติธรรมได้แล้วนะค่ะ
หรือ เข้าไปกด like ผ่าน www.dokmaiban.net
ชมสถานที่ปฏิบัติธรรม 3 ไซด์ และ update ข้อมูลรุ่นปฏิบัติล่าสุด, ดาวน์โหลดแผนที่ทั้ง 3 ไซด์ ได้เลยค่ะ

 

R-Meditation.jpg
สถานที่ปฏิบัติธรรมดอกไม้บาน




#191318 หากไม่ว่างจริง ๆ จะทำสมาธิ ตอนไหน

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 16 April 2014 - 03:47 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

หากไม่ว่างจริง ๆ จะทำสมาธิตอนไหน

 

e2164.jpg
   
ด้วยภารกิจหน้าที่การงานที่มากมาย

จนหลายคนอาจจะบอกว่าไม่มีเวลาว่างเลย

พอกลับถึงบ้าน ก็หลับใหลเพราะความเหนื่อยล้า

จนไม่มีเวลานั่งสมาธิแต่ในความเป็นจริง
นอกจากการทำสมาธิด้วยการหลับตาแล้ว
เรายังสามารถทำสมาธิขณะลืมตาได้อีกด้วย

เพราะแท้จริงแล้ว มนุษย์เรามีความสามารถทำอะไรหลาย ๆอย่าง

พร้อม ๆ กัน ให้เอื้อสัมพันธ์กันจนเกิดประโยชน์สูงสุด
เหมือนกับการจับพวงมาลัยไป ขับรถไป ดูทางไป เฉกเช่นกัน

แม้เราจะต้องทำงาน ทำหน้าที่ในอิริยาบถใดก็ตาม

เราก็สามารถทำสมาธิไปด้วยได้ คือเคลื่อนไหว
แต่เพียงข้างนอก ส่วนข้างในหยุดนิ่ง

คล้าย ๆ กับถนนหยุด

รถวิ่ง ท้องฟ้านิ่ง เมฆเคลื่อนไหว
หรือเหมือนกับการหลับตา
นึกถึงดวงตะวัน แม้เวลาลืมตา
เราก็นึกถึงดวงตะวันได้
 
ใครที่ยังไม่เคยลองทำ อาจจะคิดว่ามันยาก

แต่จริง ๆ แล้วไม่ยากเลย

ลองตั้งมโนปณิธานว่าจะทำสัก
1 สัปดาห์

แล้วทำแบบนี้ให้ได้ ผลการปฏิบัติธรรมของเราจะก้าวหน้า
และดีขึ้นอย่างแตกต่าง

เราจะพบตัวเราคนใหม่ แม้จะยังอยู่ในร่างเดิม
   
ดังนั้น การทำสมาธิจึงเป็นสิ่งที่ไม่ยากเลย

เราสามารถทำได้ทั้งขณะหลับตาและลืมตา

หากเราสามารถทำสมาธิได้ตลอดเวลาเช่นนี้

ทำจนกระทั่งติดเป็นนิสัย ไม่ว่าจะคิด พูด ทำอะไร
ก็สามารถเริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7

ทำอย่างนี้เป็นอัตโนมัติ ชีวิตเราก็จะมีความสุข มีความบริสุทธิ์
มีสติ มีปัญญา และสามารถใช้ประโยชน์จากสมาธิได้อย่างบริบูรณ์

ที่มา : หนังสือ อัพเกรดกำลังใจ ให้สุดขีด จะได้สปีดสร้างบารมี
 




#191317 บทเรียนจากชีวิต

โพสต์เมื่อ โดย ผู้กองยอดรัก บน 16 April 2014 - 03:42 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

< ชีวิตสอนเราว่า >

 

e356.jpg

1.  หลายปีนี้ เริ่มรู้สึกหวาดหวั่น
เมื่ออายุมากขึ้น ญาติสนิทมิตร
สหายเริ่มทยอยจากเราไป
รู้สึกถึงชีวิตล้วนอนิจจัง

2.  หลายปีนี้เริ่มรู้สึกปล่อยวาง
เริ่มเรียนรู้ถึงสิ่งที่ไม่ว่าจะเสียดาย
หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งที่จะต้อง
เป็นไปโดยวิถีแห่งธรรมชาติ

3.  หลายปีนี้ ชีวิตสอนว่า
การตั้งตนอยู่ในความระแวดระวัง
ผู้อื่นจะขาดเสียไม่ได้ และการที่
จะคิดร้ายกับผู้อื่นเป็นสิ่งที่กระทำ
ไม่ได้โดยเด็ดขาด

4.  หลายปีนี้ ชีวิตสอนว่า
ความสนิทชิดเชื้อระหว่างมนุษย์
นอกเหนือจากความเกี่ยวพันทาง
สายเลือดแล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ
สัมพันธภาพทางจิตใจที่จริงใจต่อกัน

5.  หลายปีนี้ ชีวิตสอนว่า สิ่งที่เคย
ใฝ่ฝันอยากได้ในอดีต แม้วันนี้จะได้
มา ก็หาใช่สิ่งที่สำคัญสำหรับเรา
อีกต่อไป

6. หลายปีนี้  เริ่มตื่นรู้ นอกจาก
เราต้องทำดีกับผู้อื่นแล้ว เราจะ
ต้องทำสิ่งที่ดีงามให้กับคนที่ดีกับ
เราให้มากเท่าทวีคูณ

7. หลายปีนี้ เริ่มเรียนรู้ว่า เวลา
ที่หาได้บ่มเพาะความสัมพันธ์ที่ดี
ระหว่างผู้คน ตรงกันข้าม เวลา
กลับพิสูจน์ให้เห็นถึงธาตุแท้
ของผู้คน

8.  หลายปีนี้  เริ่มรู้ซึ้ง นอกจาก
พ่อแม่แล้ว ไม่มีใครในโลกที่จะคอย
อนุเคราะห์ โอบอุ้มและให้อภัยเรา
เหมือนเช่นที่ท่านให้กับเรา

9.  หลายปีนี้  เริ่มหวาดหวั่นถึง
ความประมาท ที่อาจจะนำมาซึ่ง
อุบัติเหตุ การบาดเจ็บและความ
ทุกข์ทรมานต่อร่างกายอย่าง
ไม่คาดฝัน

10. หลายปีนี้ เราเปลี่ยนไป
สามารถอดทนแบกรับความทุกข์
ในหลากหลายรูปแบบ มีความ
แกร่งในชีวิต เหมือนต้นกระบอง
เพชร ที่สามารถจะอยู่รอดได้
ในทุกสถานะ

11. หลายปีนี้ เริ่มสำนึก ไม่ดึงดัน
ถือมั่นอย่างที่เคย หลายสิ่งที่เคย
ยึดมั่นเริ่มคลายความถือมั่น
อย่างที่เคยเป็น

12. หลายปีนี้  หลายสิ่ง ที่ขัดหู
ขัดตา ก็สามารถที่จะทำใจให้เป็เหมือน

“ฟังแต่ไม่ได้ยิน มองแต่ไม่ได้เห็น“

13. หลายปีนี้ ชีวิตสอนว่า
ไม่ใช่คนทุกคนจะยินยอมเดินตาม
วิถีทางที่เราอยากให้เป็น

14. หลายปีนี้ ชีวิตสอนว่า สิ่งที่
เป็นของเรา ย่อมต้องเป็นของเรา
สิ่งที่ไม่ใช่ของเรา จงอย่าได้ฝืนเอา

15. หลายปีนี้ ชีวิตสอนว่า อย่าได้
อิจฉาชีวิตของผู้อื่น เพราะเราเองก็
สามารถที่จะใช้ชีวิตอย่างที่เรา
ต้องการให้เป็น

เวลาดุจสายน้ำ ไหลไปไม่หวนกลับ
เรียนรู้กับชีวิต รู้ซึ้งถึงชีวิต

หวงแหนทุกวันเวลาที่ผ่านไป
ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เรียนรู้ชีวิต
อย่างสงบ ด้วยการทำใจหยุด
ใจนิ่ง แสวงหาความบริสุทธิ์
ให้เกิดขึ้นภายในตัวเรา ต่อไป