ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

แสงสว่าง กับ ความมืด คืออะไร ใช่ธาตุทั้ง 4 ไหม?

ธรรมะ ปริศนาธรรม

  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ดินน้ำลมไฟ

ดินน้ำลมไฟ
  • Members
  • 2 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 February 2014 - 03:26 AM

candle.gif2.gif

 

ผมได้ศึกษาเกี่ยวกับ ธาตุ 4 และ ธาตุ 6 แล้ว คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาส และ วิญญาณ

 

แต่เกิดข้อสงสัยว่า แสงสว่างหรือความมืดที่ปรากฏ คืออะไรครับ ?



#2 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 05 February 2014 - 08:46 AM

ก่อนจะอ่านคำตอบขอให้ทำความเข้าใจตรงนี้คร่าวๆ ก่อนนะครับ

 

1. ความบริสุทธิ์ของธาตุ  ไม่เท่ากัน  เช่น  ธาตุที่ประกอบเป็นกายมนุษย์  มีความหยาบมากกว่าธาตุที่ประกอบเป็นกายพรหม

 

2. ทุกสรรพสิ่งประกอบขึ้นด้วยธาตุ  แต่มีสัดส่วนมากน้อย  ไม่เท่ากัน  แตกต่างกันไป

 

ขออธิบายตามความเห็นส่วนตัวนะครับ  จากบทความที่ว่า....(อ้างอิงจาก http://book.dou.us/doku.php?id=gl101:4 )

 

"...มนุษย์ที่เกิดมามีชีวิตอยู่เช่นนั้นเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งมีมนุษย์คนหนึ่ง (มนุษย์ที่ลงมาเกิดใน ยุคนั้นมีเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่คนเดียวหรือ 2 คน) เห็นดินที่มีสีสันสวยงาม มีกลิ่นหอม เห็นแล้วก็อยากจะหยิบขึ้นมาลองลิ้ม จึงหยิบใส่ปากเพื่อลิ้มรส เพียงแค่ดินนั้น (ง้วนดิน) สัมผัสเพียงปลายลิ้น รสดินก็แผ่ ซาบซ่านไปทั่วร่างกาย มีรสเป็นที่ถูกใจของมนุษย์ผู้นั้น จึงหยิบมาบริโภคอีก มนุษย์อื่นเห็นเช่นนั้นจึงพากัน เอาอย่างบ้าง และเนื่องจากง้วนดินที่บริโภคเข้าไปนั้นเป็นอาหารหยาบ จึงทำให้รัศมีกายและแสงในตัว ของมนุษย์หายไป ความมืดจึงบังเกิดขึ้น มนุษย์ทั้งหลายเมื่อถูกความมืดปกคลุมจึงพากันตกใจ

เมื่อความมืดบังเกิดขึ้นอยู่นั้นเอง สุริยเทพบุตรพร้อมด้วยดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยก็บังเกิดขึ้น ทำให้มีแสงสว่างเกิดขึ้นมาขับไล่ความมืด จากนั้นดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆ ก็เกิดขึ้น ทำให้มีกลางวัน กลางคืน วัน เดือน ปี ฤดูกาลต่างๆ ปรากฏขึ้น ซึ่งแต่ละขั้นตอนใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมาก..."

จะเห็นได้ว่า  แสงสว่างก็ "เป็นสรรพสิ่งที่บังเกิดขึ้นมาเหมือนกัน"  บังเกิดขึ้นมาเองด้วยอานิสงส์แห่งบุญ  เหมือนภูเขา  ทะเล  ต้นไม้  เมื่อบังเกิดขึ้นเอง  แสงสว่างในที่นี่ก็น่าจะสรุปได้ว่า  เกิดจากการรวมตัวของธาตุต่างๆ จนพอเหมาะ  พอดี  ออกมาเป็นแสงสว่างครับ

"...ก่อนที่สรรพสิ่งจะเกิดขึ้น ในท้อง จักรวาลไม่มีสิ่งใดๆ เลย มีเพียงอากาศที่เวิ้งว้างว่างเปล่า โล่งเตียนตลอด (ในบทเรียนที่ 2 เราได้ทราบแล้ว ว่า อากาศ เป็นธาตุชนิดหนึ่งซึ่งมีสภาพเป็นที่ว่าง ปราศจากธาตุอื่นๆ และเป็นธาตุองค์ประกอบหนึ่งที่เป็น จุดกำเนิด และมีอยู่ในทุกสรรพสิ่ง)..."

นี่ก็น่าจะอธิบายเรื่อง  ความมืดได้นะครับ

 

มาลงเรียน DOU กันเถอะครับ  ช่วงนี้กำลังรับสมัครนักศึกษาใหม่ ภาคเรียนปี 2557 ด้วย  ในนั้นมีความรู้พื้นฐานอะไรเอาไว้ให้เราเรียนรู้มากมายทีเดียว   แม้คนที่ยังไม่สนใจจะลงเรียน  ก็สามารถไปดาวน์โหลดหนังสือมาอ่านไปก่อนก็ได้ครับ   ความรู้พื้นฐานทางพระพุทธศาสนาเราจะได้พัฒนาไปพร้อมๆ กันครับ

ศึกษารายละเอียดได้ที่นี่เลยครับ   http://dou.us/ 


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#3 ดินน้ำลมไฟ

ดินน้ำลมไฟ
  • Members
  • 2 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 February 2014 - 12:29 PM

ขอขอบคุณคณะทีมงานที่เสียสละเวลาตอบคำถามเล็กๆน้อยๆของผม ซึ่งจริงๆมันมีอยู่ในบทเรียนแล้วแต่ผมยังอ่านไม่ถึง ต้องขออภัยด้วยครับ

 

อยากทราบรายละเอียด DOU ด้วยครับ ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ฆารวาสเรียนได้มั้ย รบกวนแนะนำทีครับ



#4 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 05 February 2014 - 02:13 PM

การเรียน DOU นั้น  เรียนได้ทุกเพส  ทุกวัย  ทุกสถานะทางสังคมครับ  มีหลากหลายหลักสูตร  ทั้งระยะสั้น  ระยะยาว  สำหรับผู้จบการศึกษาต่ำกว่าชั้น ม.6  หลักสูตรประกาศนียบัตร  หลักสูตรปริญญาตรี  หลักสูตรปริญญาโท

 

ปัจจุบัน  เพิ่มหลักสูตรเบื้องต้น  สำหรับบุคคลทุกระดับความรู้  โดยเรียนฟรี  มีทั้งหมด 4 วิชา  สนใจมาลงสมัครและทดลองเรียนกันได้ครับ

 

เรียน DOU รับรองว่า   ไม่น่าเบื่ออย่างแน่นอนครับ  ภาษาที่ใช้ก็เป็นภาษาสำหรับการศึกษาทั่วไป  ไม่ได้ใช้คำพระ  บาลี สันสกฤตอะไรให้ยุ่งยาก  พวกนั้นจะเป็นสำหรับอีกหลักสูตร  หรือสำหรับพวกที่เรียนระดับสูงขึ้นไปครับ

 

 

ใครสนใจ  ตามลิ้งค์นี้ไปศึกษาการสมัครเรียนได้เลยครับ  http://dou.us/

 

ถึงยังไม่อยากลงเรียน  ก็สามารถดาวน์โหลดหนังสือออกมาอ่านได้นะครับ  ทุกคนในโลกนี้จะได้มีความรู้ทางพระพุทธศาสนาเท่าๆ กัน  แม้จะมีประกาศนียบัตรรองรับหรือไม่ก็ตาม  


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#5 InnerDot

InnerDot
  • Members
  • 79 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 February 2014 - 05:08 PM

อืม... น่าคิดนะครับ...

         ในระดับภพสาม... มีทั้งแสงสว่าง และความมืด โดยโลกมนุษย์นี้ แหล่งกำเนิดแสงสว่างก็น่าจะมาจากธาตุดินน้ำลมไฟน่ะครับ... (ในวิทยาศาสตร์เห็นว่าแสงมีพฤติกรรมเป็นได้ทั้ง รูปธรรม(เป็นอนุภาคชนิดหนึ่งมีชื่อเรียกว่า อนุภาคโฟตอน) และนามธรรม(เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งเรียกว่า พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) 

         ในโลกันต์.... มีแต่ความมืดมนอนธกาล (บังเกิดพระพุทธเจ้าขึ้นมาพระองค์หนึ่งจึงมีแสงสว่างวาบขึ้นมาทีหนึ่ง) ไม่ทราบแหล่งกำเนิดความมืดว่ามาจากที่ใด

         ในนิพพาน.....มีแต่ความสว่าง ไม่มีความมืดใดๆ ปรากฏ แหล่งกำเนิดความสว่างน่าจะมาจากพระธรรมกายซึ่่งมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ตัวองค์พระธรรมกายเองไม่ใช่ธาตุดินน้ำลมไฟ แต่เป็นธรรมธาตุล้วนๆ 

          แต่ถ้าให้ผมฟุ้งซ่านพิจารณาเล่นๆนะครับ... ผมเข้าใจว่า ต้นกำเนิดสุดๆ ของความสว่างน่าจะมาจากฝั่งกุศลาธรรมา (ธาตุธรรมฝ่ายขาว) ที่เป็นองค์ต้นธาตุ(ดินน้ำลมไฟ) ต้นธรรม(ธรรมกายภาคใส) ส่วนต้นกำเนิดสุดๆของความมืดน่าจะมาจากฝ่ายอกุศลาธรรมา(ธาตุธรรมฝ่ายดำ) 

          คิดต่อไม่ได้แล้วครับ... แค่ความเห็นที่ฟุ้งซ่านนะครับ.... 



#6 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 08 February 2014 - 12:38 PM

แสงสว่างในที่นี้ ต้องมองเป็น 3 นัยยะ น่ะครับ

ส่วนความมืด ผมเห็นว่า มองเป็นนัยยะเดียวได้ครับ

 

แสงสว่าง 3 นัยยะ
นัยยะที่ 1 แสงสว่างที่ตามนุษย์มองเห็น ซึ่งถ้าแบ่งลงในธาตุ 4 ผมมองว่า มีส่วนประกอบของธาตุไฟ มากที่สุด ครับ (ซึ่งสสาร และพลังงาน) ทุกอย่างในโลกก็เป็นดังที่คุณทศพลบอกมา ประกอบด้วยธาตุ 4 แล้วแต่ว่า สัดส่วนของธาตุไหน มากหรือน้อยกว่ากัน 

 

นัยยะที่ 2 แสงสว่างที่ตามนุษย์มองไม่เห็น เช่น รัศมีกายของเทพบุตร เทพธิดา ที่มีทั้งความสว่างน้อย และความสว่างมาก แต่ตามนุษย์มองไม่เห็น อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังจัดว่า แสงสว่างประเภทนี้ มีส่วนประกอบของธาตุไฟ(ในโลกมนุษย์) เป็นหลัก ทั้งนี้เพราะ ตามนุษย์มองไม่เห็น แต่ตาสัตว์บางชนิด เช่น สุนัข สามารถมองเห็น ดังที่ปู่ยาตายายบอกมาว่า สุนัขเห็นผี เลยหอน ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการหอน
 

ในทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่า ตามนุษย์มองไม่เห็นแสงทุกย่านความถี่ บางย่านความถี่ตามนุษย์มองเห็น แต่สัตว์บางชนิด มองเห็นแสงในย่านความถี่ที่ตามนุษย์มองไม่เห็น เป็นต้น
 

นัยยะที่ 3 แสงสว่างจากนิพพาน ซึ่ง นิพพาน ตำราบอกว่า ไม่ใช่ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่โลกนี้ ไม่ใช่โลกหน้า ไม่ใช่อะไรทั้งหมดในโลกนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้น แสงสว่างในนิพพานย่อมไม่ใช่ธาตุไฟบนโลกนี้ ครับ

ส่วนความมืด ผมมองเป็นนัยยะเดียว ซึ่งหากจะเปรียบความมืด กับธาตุ เราจะไม่ใช่ ธาตุ 4 มาเปรียบเทียบ แต่เราจะใช้ ธาตุ 6 มาเปรียบเทียบครับ ธาตุ 6 ก็ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาสธาตุ(หมายถึงความว่างเปล่า) และวิญญาณธาตุ

ความมืด ในที่นี้ ก็คือ อากาสธาตุ ซึ่งแปลว่า ที่ว่างที่ไม่มีธาตุใดๆ หลงเหลืออยู่เลย ความมืดในโลกมนุษย์ เราว่า มืดแล้ว แต่ยังมีความมืดในภพอบายที่มืดสนิท มืดมิดยิ่งกว่า ทำไมเป็นเช่นนั้น ทำไมมืดแล้ว ยังมีมืดกว่า

 

ตรงนี้ ผมมองว่า ความมืดในโลกมนุษย์นั้น ยังมีธาตุอื่นๆ หลงเหลืออยู่ เช่น ธาตุไฟ บ้าง หรือ วิญญาณธาตุ บ้าง เพราะที่มืดบ้างที่ก็เป็นภพภูมิละเอียดของพวกภุมเทวาซ้อนอยู่ นั่นคือ ยังไม่มืดจริง

 

ในมหานรกว่า มืดยิ่งกว่า แต่ก็ยังไม่มืดสนิท เพราะยังมีบางตำแหน่ง มีไฟนรกโชนอยู่ ต้องในโลกันตนรก ที่มืดมิดมืดสนิท ไม่มีธาตุใดๆ หลงเหลืออยู่เลยจริงๆ ยกเว้นบางตำแหน่ง มีวิญญาณธาตุ (ตัวสัตว์นรกโลกันต์) เท่านั้นมีหลงเหลืออยู่ 
 


ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร





ติดแท็กอย่างน้อยหนึ่งแท็กหรือให้มากกว่าคีย์เวิร์ดเหล่านี้: ธรรมะ, ปริศนาธรรม