Jump to content


Photo
- - - - -

เอาบุญมาให้ในวันสมาธิโลก ค่ะ


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
30 replies to this topic

#1 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1,961 posts
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

Posted 07 August 2006 - 11:38 AM

หนูไปวัดวันที่ 5 ไปเอาบุญที่ศูนย์ศีลปาชีพบางไทร ปล่อยปลา 600กิโลกรัม ปล่อยวัว นั่งสมาธิแผ่เมตตา 1 ชั่วโมง อากาศดีมากๆๆเลยค่ะ นั่งสบายเลย แล้วก็ช่วยสุนัขตกน้ำด้วยค่ะ หนักมาก และก็เปียกมากเลยค่ะ ได้แผลด้วย ช่วยอยู่คนเดียวน้องๆช่วยลุ้น สุดท้ายก็ขึ้นมาได้คะ และก็ได้บุญอีกด้วย บุญนี้หนูปลื้มใจมากเลยค่ะ ปลื้มมากๆ 3โมงเย็น ก็ถึงวัดตอนลงจากรถ หนูเห็นเจดีย์ ด้วยตาและก็ของจริง ถึงกับทำให้หนูร้องไห้น้ำตาไหลโดยอัตโนมัติเลย เพราะเป็นครั้งแรกของหนูด้วยและก็รอมานาน อธิฐานมานานมาก สุดท้ายก็ได้มา (ถ้าใครที่มาไม่ได้ขอแนะนำให้อธิฐาน ทำสมาธินะคะ เพราะหนูลองมาแล้ว แล้วก็เกิดผลแล้วด้วย)

พอเดินเข้าไปที่หอฉันคุณยายไปหาที่พัก เข้าฝันในฝัน ได้เห็นหลวงพ่อแต่ก็อยุ่ไกลไม่ค่อยชัด เข้านอน5ทุ่ม แต่ก็ไม่ได้นอนหรอกค่ะ นอนบางหลับบาง เพราะ นอนไม่หลับมันตื่นเต้นมากนะคะ เดี๋ยวก็ต้องตื่นมาตี4 ช่วยกันแพ็คอาหาร ตี2-3ก้มีสาธุชนมากันแล้วพอตื่นมากเห็นมากันเยอะมาก 6โมงเช้า ไปไหว้เจดีย์ แล้วอาจารย์พาไปเป็นแผนกตอนรับหลวงพ่อ ได้เห็นหลวงพ่อชัดมากเลยค่ะ ผ่องมากๆ
ได้รับดวงแก้ว 2 ลูกด้วยค่ะ และก็ยังมีบุญอีกเยอะเลย

ยังไงก็ขอบุญที่หนุได้ทำในวันที่5-6 เอามาให้พี่ๆได้รับร่วมอนุโมทนาบุญกันทุกคนด้วยนะคะ สาธุ
และยังมีความประทับใจอีกเยอะมากค่ะ ที่มาวัดครั้งแรก

และหนูตั้งใจไว้ว่าต่อไปจะมาอาทิตย์ต้นเดือนทุกอาทิตย์ ช่วยวัดให้ถึงที่สุดของกำลัง
เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะค่ะ happy.gif
และดีใจมากที่ได้เจอพี่ๆอาสาสมัคร ทุกคนเลย laugh.gif
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#2 Omena

Omena
  • Members
  • 1,409 posts
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

Posted 07 August 2006 - 11:43 AM

Sadhu ka nong fon

wish I was there to meet you
sorry that I cant


เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#3 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2,192 posts
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

Posted 07 August 2006 - 11:48 AM

ในที่สุดความฝันของน้องฝนก็เป็นจริง ... สาธุกับความตั้งใจจริงของน้องฝน ยินดีด้วยค่ะ (เราช่วยอธิษฐานจิตให้ด้วยแหล๊ะ) laugh.gif

#4 Trai072

Trai072
  • Members
  • 225 posts

Posted 07 August 2006 - 11:55 AM

^^~*

ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ...

สาธุ ... ครับ ...

สิ่งที่เราเอาติดตัวไปได้ ก็มีแค่บุญ เท่านั้น ...

สิ่งที่ตั้งใจทำ แล้วเกิดกุศลแห่งบุญนั้น ย่อมยังความปิติมาให้เสมอ ...

ถึงแม้จะแลกด้วยแรงกายและแรงใจ ก็ตาม ...

....................................................


เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*

ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*





#5 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1,423 posts
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

Posted 07 August 2006 - 12:08 PM

อนุโมทนาบุญกับน้องฝนค่ะ
น่าปลื้มปิติจริงๆ ขอให้น้องฝนนึกถึงบุญบ่อยๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้น้องฝนค่ะ สาธุ
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#6 cheterk

cheterk
  • Members
  • 314 posts
  • Interests:พระนิพพาน

Posted 07 August 2006 - 01:00 PM

อนุโมทนาครับ

#7 ตุ๊กตาหมู

ตุ๊กตาหมู
  • Members
  • 94 posts

Posted 07 August 2006 - 01:56 PM

อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ สาธุ


#8 niwat

niwat
  • Members
  • 1,420 posts
  • Gender:Male

Posted 07 August 2006 - 02:29 PM

อนุโมทนาบุญกับน้องฝนด้วยครับ smile.gif

#9 aoi

aoi
  • Members
  • 356 posts

Posted 07 August 2006 - 02:40 PM

ขอเป็นกำลังใจให้น้องฝนด้วยจ๊ะ อนุโมทนาบุญสาธุกับทุกๆ บุญเลยจ๊ะ
เราเกิดมาสร้างบารมี




#10 บุญรักษา

บุญรักษา
  • Members
  • 189 posts
  • Interests:ขอชีวิตงดงามตามที่ฝัน ขอทุกวันเป็นวันอันสดใส ขอทุกก้าวคือก้าวที่มั่นใจ ขอวันใหม่ก้าวไกลไปกว่าเดิม

Posted 07 August 2006 - 02:44 PM

ขออนุโมทนาสาธุด้วยคนจ้า

เพชรน้ำเอกละลายมาจากใหนหน๋อ

ไม่มีสิ่งใดจะมอบให้ นอกจาก....ความจริงใจที่เต็มปรี่ เริ่มต้นผูกพันกันวันนี้ เพื่อมิตรไมตรีที่ดี..ตลอดไป เราต่างก็...มีไฟฝัน พร้อมจะสร้างสรรค์..เพื่อวันใหม่ ขอให้เรา....ต่างเป็นกำลังใจ เพื่อไปสู่จุดหมายที่...ยังรอ

#11 O:-) FaiRy

O:-) FaiRy
  • Members
  • 147 posts
  • Gender:Female
  • Location:กรุงเทพมหานคร...

Posted 07 August 2006 - 03:52 PM

สาธุ สาธุ สาธุ

#12 อ้วน บ่อโยก

อ้วน บ่อโยก
  • Members
  • 646 posts
  • Gender:Male
  • Location:rayong

Posted 07 August 2006 - 05:21 PM

อนุโมทนาบุญนะครับ สาธุ

#13 Dok_Bua

Dok_Bua
  • Members
  • 233 posts
  • Gender:Female
  • Location:UK

Posted 07 August 2006 - 07:00 PM

โมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุ ๆ ๆ
...ขอสร้างบารมี เอาชีวีเป็นเดิมพัน ...

#14 paiboon

paiboon
  • Members
  • 17 posts

Posted 07 August 2006 - 07:07 PM

อนุโมทนาบุญครับ

#15 dek-d ka

dek-d ka
  • Members
  • 101 posts

Posted 07 August 2006 - 07:12 PM

สาธุค่ะ

#16 ครูอุ๋ย

ครูอุ๋ย
  • Members
  • 137 posts
  • Gender:Female

Posted 07 August 2006 - 08:01 PM

เป็นการเข้าวัดครี้งแรก ที่น่าประทับใจมากค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ

ภาพการสร้างมหาบุญในครั้งแรกนี้ ต้องติดตาติดใจน้องฝน ไปนานเท่านานเลยล่ะ

#17 ท่านต้นผู้ยิ่งใหญ่

ท่านต้นผู้ยิ่งใหญ่
  • Members
  • 265 posts

Posted 07 August 2006 - 08:46 PM

สาธุ

#18 Jengiskhan

Jengiskhan
  • Members
  • 560 posts
  • Gender:Male
  • Location:กุงเท่

Posted 07 August 2006 - 08:58 PM

อ่านแล้วปลื้มแทนด้วยครับ นึกถึงให้บ่อยๆ นะครับ

#19 cheterk

cheterk
  • Members
  • 314 posts
  • Interests:พระนิพพาน

Posted 07 August 2006 - 09:30 PM

อนุโมทนา สาธุ ครับ



ไม่ได้ไปครับ ป่วย 3 วันเลย วันนี้ก็ยังไม่หายดีเลยครับ ต้องฝืนสังขารมาทำงาน โอ้ชีวิต

#20 Omena

Omena
  • Members
  • 1,409 posts
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

Posted 07 August 2006 - 09:38 PM

QUOTE
ไม่ได้ไปครับ ป่วย 3 วันเลย วันนี้ก็ยังไม่หายดีเลยครับ ต้องฝืนสังขารมาทำงาน โอ้ชีวิต


โอ้ชีวิตมีอะไรตั้งเยอะแยะ
มีเกิดแก่เจ็บตายคล้่ายๆกัน
แต่สิ่งที่มีไม่เหมือนคือความฝัน
อยู่ที่ใึีครจะไปที่สุดแห่งธรรม


ส่งใจไปรึเปล่าคะ
หนูก็ไม่ได้ไป แต่ส่งใจไปค่ะ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#21 m-ss

m-ss
  • Members
  • 108 posts
  • Gender:Female
  • Location:ใกล้บ้าน

Posted 07 August 2006 - 09:51 PM

อนุโมทนา สาธุ ค่ะ เป็นกำลังใจให้น้องด้วยคนนะคะ

#22 สัมมาอะระหัง

สัมมาอะระหัง
  • Members
  • 235 posts
  • Gender:Male
  • Interests:computer,dhamma

Posted 08 August 2006 - 01:59 AM

อนุโมทนาบุญเช่นกันนะครับ ขอให้บุญที่เกิดจากความมุ่งมั่นในการสร้างบารมีของน้องฝนให้ผลดุจดั่ง ความเย็นของน้ำฝนที่เติมพลังให้แก่ใจอย่างไม่มีประมาณ และสามารถชะล้างความเหนือยอ่อนรวมทั้งมณฑิลต่างๆจากใจได้หมดสิ้นตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมนะครับ
ศีล..เป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย และเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง บุคคลใดชำระศีลให้บริสุทธิ์แล้ว จะเป็นเหตุให้เว้นจากความทุจริต จิตจะร่าเริงแจ่มใส และเป็นท่า หยั่งลงมหาสมุทร คือ นิพพาน

#23 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1,209 posts

Posted 08 August 2006 - 12:09 PM

น้องฝนเป็นเยาวชนที่ดีมากจริง ๆ ครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ

มาวัดทุกอาทิตย์ ก็ขออนุโมทนาบุญด้วย สาธุ สาธุ สาธุ
หยุดคือตัวสำเร็จ

#24 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2,171 posts
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

Posted 08 August 2006 - 12:54 PM

nerd_smile.gif nerd_smile.gif nerd_smile.gif ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ... สาธุ... สาธุ...
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#25 luckynara

luckynara
  • Members
  • 714 posts

Posted 08 August 2006 - 05:23 PM

อนุโมทนาบุญกับน้องฝนด้วยนะคะ สาธุ

ขอต้อนรับสมาชิกใหม่สู่บุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ค่ะ

#26 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1,961 posts
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

Posted 08 August 2006 - 06:38 PM

QUOTE
ภาพการสร้างมหาบุญในครั้งแรกนี้ ต้องติดตาติดใจน้องฝน ไปนานเท่านานเลยล่ะ

แน่นอนค่ะ มิลืม จำไว้ในสมองตลอดเลยค่ะ จะจำไว้นานแสนนานสุดหาที่จะจำไม่ค่ะ

QUOTE
ขอให้บุญที่เกิดจากความมุ่งมั่นในการสร้างบารมีของน้องฝนให้ผลดุจดั่ง ความเย็นของน้ำฝนที่เติมพลังให้แก่ใจอย่างไม่มีประมาณ และสามารถชะล้างความเหนือยอ่อนรวมทั้งมณฑิลต่างๆจากใจได้หมดสิ้นตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมนะครับ

สาธุค่ะ

QUOTE
มาวัดทุกอาทิตย์ ก็ขออนุโมทนาบุญด้วย สาธุ สาธุ สาธุ

ค่ะสาธุ ตั้งใจไว้อย่างนั้นนะคะ แต่ถ้าไปแล้ว หนูคงต้องเอาการบ้านไปทำที่วัดด้วยคงไม่เป็นอะไรนะคะ

QUOTE
ขอต้อนรับสมาชิกใหม่สู่บุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ค่ะ

ด้วยความยินดีค่ะ ขอไปกับหมู่คณะด้วยนะคะ

พอหนุกลับมาจากวัด ก็เป็นไข้เลยค่ะ ดีนะคะที่ไม่เป็นตอนไปเอาบุญ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#27 Omena

Omena
  • Members
  • 1,409 posts
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

Posted 08 August 2006 - 08:26 PM

QUOTE
ค่ะสาธุ ตั้งใจไว้อย่างนั้นนะคะ แต่ถ้าไปแล้ว หนูคงต้องเอาการบ้านไปทำที่วัดด้วยคงไม่เป็นอะไรนะคะ

อย่าทำึตอนเวลานั่งสมาธิละกันนะคะ

QUOTE
ด้วยความยินดีค่ะ ขอไปกับหมู่คณะด้วยนะคะ

พอหนุกลับมาจากวัด ก็เป็นไข้เลยค่ะ ดีนะคะที่ไม่เป็นตอนไปเอาบุญ



ไม่เป็นไรหรอกค่ะ

พญามารเขาลองใจ อย่าตามไปละกันนะคะ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#28 ThDk

ThDk
  • Members
  • 259 posts
  • Location:Struer, Denmark
  • Interests:จุดมุ่งหมายของการประพฤติพรรหมจรรย์ เพื่อสำรอกราคะ... เพื่อละสังโยชน์... เพื่อถอนอานุสัย.. เพื่อรู้รอบสังสารวัฎอันยืดยาว... เพื่อความสิ้นอาสวะ... เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งผลคือ วิชชาและวิมมุติ... เพื่อญาณทัศนะ... เพื่อปรินิพพาน อันปราศจากอุปทาน.

Posted 09 August 2006 - 01:52 AM

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

พระนันทาเถรี
เอตทัคคะในฝ่ายผู้แพ่งด้วยฌาน
พระนันทาเถรี เป็นธิดาของพระเจ้าสุทโธทนะกับพระนางมหาปชาบดีโคตมี เป็น
กนิษฐภคินีของเจ้าชายนันทะ พระนามเดิมว่า “นันทา” แต่เพราะนางมีพระสิริโฉมงดงามยิ่ง
นัก น่าทัศนา น่ารัก น่าเลื่อมใส พระประยูรญาติจึงพากันเรียกว่า “รูปนันทา” บ้าง
“อภิรูปนันทา” บ้าง “ชนปทกัลยาณี” บ้าง
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้นับเนื่องเป็นพระเชษฐาของนาง เสด็จออกบรรพชา ได้ตรัสรู้เป็น
พระสัพพัญญูพุทธเจ้าแล้ว เสด็จมาโปรดพระประยุรญาติ ณ พระนครกบิลพัสดุ์ เทศนาสั่งสอน
ให้ได้บรรลุมรรคผลตามวาสนาบารมี ทรงนำพาศากยกุมารทั้งหลายมีพระนันทะ พระราหุล
และพระภัททิยะ เป็นต้น ออกบรรพชา
ครั้นกาลต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะมหาราชพุทธบิดา เสด็จเข้าสู่พระนิพพานแล้ว พระ
นางมหาปชาบดีโคตรมีพระมารดา และพระนางยโสธราพิมพาพระมารดาของพระราหุล ต่างก็
พาสากิยกุมารีออกบวชในพระพุทธศาสนาด้วยกันทั้งสิ้น นางจึงมีพระดำรัสว่า “เหลือแต่เรา
เพียงผู้เดียว ประหนึ่งไร้ญาติขาดมิตร จะมีประโยชน์อะไรกับการดำรงชีวิตในฆราวาสวิสัย สม
ควรที่เราจะไปบวชตามพระประยูรญาติผู้ใหญ่ของเราจะประเสริฐกว่า”

เพราะรักญาติจึงออกบวช
เมื่อพระนางมีพระดำริดังนี้แล้ว จึงจัดเตรียมผ้ากาสาวพัสตร์ เสด็จไปสู่สำนัก
พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี กราบแทบเท้ากล่าวขอบรรพชาอุปสมบทพระเถรี ก็โปรดให้บรรพชา
ตามปรารถนา แต่การบวชของพระนางนันทานั้นมิใช่บวชด้วยความศรัทธา แต่อาศัยความรักใน
หมู่ญาติจึงออกบวช
ครั้นบวชแล้ว พระรูปนันทาเถรีได้กราบว่า พระพุทธองค์ทรงตำหนิติเตียนเรื่องรูปกาย
จึงไม่กล้าไปเฝ้าพระศาสดา เพื่อรับพระโอวาท เมื่อถึงวาระที่ตนจะต้องไปรับโอวาทก็สั่งให้
ภิกษุณีรูปอื่นไปรับแทน พระบรมศาสดาทรงทราบว่าพระนางหลงมัวเมาในพระสิริโฉมของตน
เอง จึงตรัสรับสั่งว่า:-
“ต่อแต่นี้ ภิกษุณีทั้งหลาย ต้องมารับโอวาทด้วยตนเอง จะส่งภิกษุณีรูปอื่นมารับแทนไม่
ได้”
ตั้งแต่นั้น พระรูปนันทาเถรี ไม่มีทางอื่นที่จะหลีกเลี่ยงไปได้ จึงจำเป็นและจำใจไปรับ
ประโอวาท ทั้ง ๆ ที่ไม่ปรารถนา ไปเฝ้าพระบรมศาสดาพร้อมกับภิกษุณีทั้งหลาย แต่มิกล้าแม้
กระทั่งจะนั่งอยู่แถวหน้า จึงนั่งหลบอยู่ด้านหลัง
พระพุทธองค์ ทรงเนรมิตรูปหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งให้มีรูปสิริโฉมสวยงามสุดที่จะหา
หญิงใดในปฐพีมาเปรียบได้ ให้หญิงนั้นดูประหนึ่งว่าถือพัดวีชนีถวายงานพัดอยู่เบื้องหลังของ
พระพุทธองค์ และให้สามารถมองเห็นเฉพาะพระพุทธองค์กับพระรูปนันทาเถรีเท่านั้น
พระรูปนันทาเถรี ได้เห็นหญิงรูปเนรมิตนั้นแล้วก็คิดว่า เราหลงผิดคิดมัวเมาอยู่ในรูป
โฉมของตนเองโดยใช่เหตุ จึงมิกล้ามาเฝ้าพระพุทธองค์ หญิงคนนี้มีความสนิมสนมอยู่ในสำนัก
พระบรมศาสดา รูปโฉมของเรานั้นเทียบไม่ได้ส่วนเสี้ยวที่ ๑๖ ของหญิงนี้เลย ดูนางช่างงามยิ่ง
นัก ผมก็สวย หน้าผากก็สวย หน้าตาก็สวย ทุกสิ่งทุกอย่างช่างสวยงามพร้อมทั้งหมด
พอเบื่อหน่อยก็ได้สำเร็จ
เมื่อพระรูปนันทาเถรี กำลังเพลิดเพลินชื่นชมโฉมของรูปหญิงเนรมิตอยู่นั้น พระพุทธ
องค์ทรงอธิษฐานให้รูปหญิงนั้นปรากฏอยู่ในวัยต่าง ๆ ตั้งแต่เป็นหญิงวัยรุ่น เป็นหญิงสาววัยมีลูก
หนึ่งคน มีลูก ๒ คน จนถึงวัยกลางคน วัยชราและวัยแก่หง่อม ผมหงอก ฟันหัก หลังค่อม และ
ล้มตายลงในขณะนั้น ร่างกายมีหมู่หนอนมาชอนไชเจาะกินเหลือแต่โครงกระดูก พระพุทธองค์
ทรงทราบว่าพระรูปนันทาเถรี เกิดความสังเวชสลดจิตเบื่อหน่ายในรูปกายที่ตนยึดถือแล้วจึงตรัส
ว่า:-

“ดูก่อนนันทา เธอจงดูอัตภาพร่างกายอันเป็นเมืองแห่งกระดูกนี้ (อฏฺฐีนํนครํ) อัน
กระสับกระส่าย ไม่สะอาด อันบูดเน่านี้เถิด เธอจงอบรมจิตให้แน่วแน่มั่นคง มีอารมณ์เดียวใน
อสุภกรรมฐาน จงถอนมานะละทิฏฐิให้ได้แล้วจิตใจของเธอก็จะสงบ จงดูว่ารูปนี้เป็นฉันใด รูป
ของเธอก็เป็นฉันนั้น รูปของเธอเป็นฉันใดรูปนี้ก็เป็นฉันนั้น รูปอันมีกลิ่นเหม็นบูดเน่านี้ ย่อม
เป็นที่เพลิดเพลินอย่างยิ่งของผู้โง่เขลาทั้งหลาย”
พระรูปนันทาเถรี ส่งกระแสจิตไปตามพระพุทธดำรัส เมื่อจบลงก็สิ้นกิเลสาสวะ บรรลุ
พระอรหัตผลเป็นพระอเสขบุคคลในพระพุทธศาสนา ปรากฏว่าเมื่อพระนางสำเร็จเป็นพระ
อรหันต์แล้วเป็นผู้มีความชำนาญพิเศษในการเพ่งด้วยฌาน
ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องเธอไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่า
ภิกษุณีทั้งหลายในฝ่าย ผู้แพ่งด้วยฌาน หรือ ผู้ทรงฌาน


ฌาน การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ มี ๔ คือ
๑. ปฐมฌาน ฌานที่ ๑ มีองค์ ๕ คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
๒. ทุติยฌาน ฌานที่ ๒ มีองค์ ๓ ปีติ สุข เอกัคคตา
๓. ตติยฌาน ฌานที่ ๓ มีองค์ ๒ คือ สุข เอกัคคตา
๔. จตุถฌาน ฌานที่ ๔ มีองค์ ๒ คือ อุเบกขา เอกัคคตา

* “ชนเหล่าใดถูกราคะย้อมแล้ว ย่อมตกไปในกระแสราคา
เหมือนแมลงมุมตกไปในข่ายใยที่ตนทำเอง
เมื่อชนเหล่านั้นตัดกระแสนั้นได้ โดยไม่มีเยื่อใยแล้ว
ละกามสุขเสียได้ ย่อมออกบวช”


พระปฏาจาราเถรี
เอตทัคคะในฝ่ายผู้ทรงพระวินัย
พระปฏาจาราเถรี เป็นธิดาของมหาเศรษฐีในเมืองสัตถี เมื่ออายุย่างได้ ๑๖ ปี เป็นหญิงมี
ความงดงามมาก บิดามารดาทะนุถนอมห่วงใยให้อยู่บนปราสาท ชั้น ๗ เพื่อป้องกันการคบหากับ
ชายหนุ่ม

ดอกฟ้าได้ยาจก
แม้กระนั้น เพราะนางเป็นหญิงโลเลในบุรุษ จึงได้คบหาเป็นภรรยาคนรับใช้ในบ้านของ
ตน ต่อมาบิดามารดาของนางได้ตกลงยกนางให้แก่ชายคนหนึ่ง ที่มีชาติสกุลและทรัพย์เสมอกัน
เมื่อใกล้กำหนดวันวิวาห์ นางได้พูดกับคนรับใช้ผู้เป็นสามีว่า:-
“ได้ทราบว่า บิดามารดาได้ยกฉันให้กับลูกชายสกุลโน้น ต่อไปท่านก็จะไม่ได้พบกับ
ฉันอีก ถ้าท่านรักฉันจริง ท่านก็จงพาฉันหนีไปจากที่นี่แล้วไปอยู่ร่วมกันที่อื่นเถิด”
เมื่อตกลงนัดหมายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วชายคนรับใช้ผู้เปลี่ยนฐานะมาเป็นสามีนั้น ได้
ไปรออยู่ข้างนอกแล้วนางก็หนีบิดามารดาออกจากบ้าน ไปร่วมครองรักครองเรือนกันในบ้าน
ตำบลหนึ่งซึ่งไม่มีคนรู้จัก ช่วยกันทำไร่ ไถนา เข้าป่าเก็บผักหักฟืนหาเลี้ยงกันไปตามอัตภาพ
นางต้องตักน้ำตำข้าวหุ้งต้มด้วยมือของตนเอง ได้รับความทุกข์ยากแสนสาหัส เพราะตนไม่เคยทำ
มาก่อน
คลอดลูกกลางทาง
กาลเวลาผ่านไป นางได้ตั้งครรภ์บุตรคนแรก เมื่อครรภ์แก่ขึ้นนางจึงอ้อนวอนสามีให้พา
นางกลับไปยังบ้านของบิดามารดาเพื่อคลอดบุตร เพราะการคลอดบุตรในที่ไกลจากบิดามารดา
และญาตินั้นเป็นอันตราย แต่สามีของนางก็ไม่กล้าพากลับไปเพราะเกรงว่าจะถูกลงโทษอย่างรุน
แรง จึงพยายามพูดจาหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ จนนางเห็นว่าสามีไม่พาไปแน่ วันหนึ่ง เมื่อสามีออกไป
ทำงานนอกบ้าน นางจึงสั่งเพื่อนบ้านใกล้เคียงกันให้บอกกับสามีด้วยว่านางไปบ้านของบิดา
มารดาแล้วนางก็ออกเดินทางไปตามลำพัง
เมื่อสามีกลับมาทราบความจากเพื่อนบ้านแล้ว ด้วยความห่วงใยภรรยาจึงรีบออกติดตาม
ไปทันพบนางในระหว่างทาง แม้จะอ้อนวอนอย่างไรนางก็ไม่ยอมกลับ ทันใดนั้น ลมกัมมัชวาต
คือ อาการปวดท้องใกล้คลอด ก็เกิดขึ้นแก่นาง จึงพากันเข้าไปใต้ร่มริมทาง นางนอนกลิ้งเกลือก
ทุรนทุรายเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างหนัก ในที่สุดก็คลอดบุตรออกมาด้วยความยากลำบาก
เมื่อคลอดบุตรโดยปลอดภัยแล้ว ก็ปรึกษากันว่า “กิจที่ต้องการไปคลอดที่เรือนของบิดา
มารดานั้นก็สำเร็จแล้ว จะเดินทางต่อไปก็ไม่มีประโยชน์” จึงพากันกลับบ้านเรือนของตน อยู่
รวมกันต่อไป
สามีถูกงูกัดตาย
ต่อมาไม่นานนักนางก็ตั้งครรภ์อีก เมื่อครรภ์แก่ขึ้นตามลำดับนางจึงอ้อนวอนสามีเหมือน
ครั้งก่อน แต่สามีก็ยังคงไม่ยินยอมเช่นเดิม นางจึงอุ้มลูกคนแรกหนีออกจากบ้านไป แม้สามีจะ
ตามมาทันชักชวนให้กลับก็ไม่ยอมกลับ จึงเดินทางร่วมกันไป เมื่อเดินทางมาได้อีกไม่ไกลนัก
เกิดลมพายุพัดอย่างแรงและฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก พร้อมกันนั้นนางก็ปวดท้องใกล้จะคลอดขึ้น
มาอีก จึงพากันแวะลงข้างทาง ฝ่ายสามีได้ไปหาตัดกิ่งไม้เพื่อมาทำเป็นที่กำบังลมและฝน แต่
เคราะห์ร้ายถูกงูพิษกัดตายในป่านั้น นางทั้งปวดท้องทั้งหนาวเย็น ลมฝนก็ยังคงตกลงมาอย่าง
หนัก สามีก็หายไปไม่กลับมา ในที่สุดนางก็คลอดบุตรคนที่สองอย่างนาสังเวช
ลูกของนางทั้งสองคนทนกำลังลมและฝนไม่ไหว ต่างก็ร้องไห้กันเสียงดังลั่นแข่งกับลม
ฝน นางต้องเอาลูกทั้งสองมาอยู่ใต้ท้อง โดยนางใช้มือและเข่ายืนบนพื้นดินในท่าคลาน ได้รับ
ทุขเวทนาอย่างมหันต์สุดจะรำพันได้ เมื่อรุ่งอรุณแล้วสามีก็ยังไม่กลับมาจึงอุ้มลูกคนเล็กซึ่งเนื้อ
หนังยังแดง ๆ อยู่จูงลูกคนโตออกตามหาสามี เห็นสามีนอนตายอยู่ข้างจอมปลวกจึงร้องไห้รำพัน
ว่าสามีตายก็เพราะนางเป็นเหตุ เมื่อสามีตายแล้ว ครั้นจะกลับไปที่บ้านทุ่งนาก็ไม่มีประโยชน์ จึง
ตัดสินใจไปหาบิดามารดาของตนที่เมืองสาวัตถี โดยอุ้มลูกคนเล็ก และจูงลูกคนโตเดินไปด้วย
ความทุลักทุเลเพราะความเหนื่อยอ่อนอย่างหนักดูน่าสังเวชยิ่งนัก
หัวใจสลายเพราสูญเสียลูกน้อยทั้งสอง
นางเดินทางมาถึงริมฝั่งแม่น้ำจิรวดี มีน้ำเกือบเต็มฝั่งเนื่องจากฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่าน
มา นางไม่สามารถจะนำลูกน้อยทั้งสองข้ามแม่น้ำไปพร้อมกันได้เพราะนางเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น
แต่อาศัยที่น้ำไม่ลึกนักพอที่เดินลุยข้ามไปได้ จึงสั่งให้ลูกคนโตรออยู่ก่อนแล้ว อุ้มลูกคนเล็กข้าม
แม่น้ำไปยังอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อถึงฝั่งแล้วได้นำใบไม้มาปูรองพื้นให้ลูกคนเล็กนอนที่ชายหาดแล้วกลับ
ไปรับลูกคนโตด้วยความห่วงใยลูกคนเล็ก นางจึงเดินพลางหันกลับมาดูลูกคนเล็กพลาง ขณะที่มี
ถึงกลางแม่น้ำนั้น มีนกเหยี่ยวตัวหนึ่งบินวนไปมาอยู่บนอากาศ มันเห็นเด็กน้อยนอนอยู่มี
ลักษณะเหมือนก้อนเนื้อ จึงบินโฉบลงมาแล้เฉี่ยวเอาเด็กน้อยไป นางตกใจสุดขีดไม่รู้จะทำอย่าง
ไรได้ จึงได้แต่โบกมือร้องไล่ตามเหยี่ยวไป แต่ก็ไม่เป็นผล เหยี่ยวพาลูกน้อยของนางไปเป็น
อาหาร ส่วนลูกคนโตยืนรอแม่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง เห็นแม่โบกมือทั้งสองตะโกนร้องอยู่กลางแม่น้ำ ก็
เข้าใจว่าแม่เรียกให้ตามลงไป จึงวิ่งลงไปในน้ำด้วยความไร้เดียงสา ถูกกระแสน้ำพัดพาจมหาย
ไป
ทราบข่าวการตายของบิดามารดาถึงกับเสียสติ
เมื่อสามีและลูกน้อยทั้งสองตายจากนางไปหมดแล้วเหลือแต่นางคนเดียวนางจึงเดินทาง
มุ่งหน้าสู่บ้านเรือนของบิดามารดา ทั้งหิวทั้งเหนื่อยล้า ได้รับความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ รู้
สึกเศร้าโศกเสียใจสุดประมาณ พลางเดินบ่นรำพึงรำพันไปว่า:-
“บุตรคนหนึ่งของเราถูกเหยี่ยวเฉี่ยวเอาไป บุตรอีกคนหนึ่งถูกน้ำพัดไปสามีก็ตายในป่า
เปลี่ยว”
นางเดินไปก็บ่นไปแต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้างได้พบชายคนหนึ่งเดินสวนทางมา สอบถาม
ทราบว่ามาจากเมืองสาวัตถี จึงถามถึงบิดามารดาของตนที่อยู่ในเมืองนั้น ชายคนนั้นตอบว่า:-
“น้องหญิงเมื่อคืนนี้เกิดลมพายุและฝนตกอย่างหนักเศรษฐีสองสามีภรรยาและลูกชาย
อีกคนหนึ่ง ถูกปราสาทของตนพังล้มทับตายพร้อมกันทั้งครอบครัวเธอจงมองดูควันไฟที่เห็นอยู่
โน่น ประชาชนร่วมกันทำการเผาทั้ง ๓ พ่อ แม่ และลูกบนเชิงตะกอนเดียวกัน”
นางปฏาจารา พอชายคนนั้นกล่าวจบลงแล้วก็ขาดสิตสัมปชัญญะไม่รู้สึกตัวว่าผ้านุ่งผ้า
ห่มที่นางสวมใส่อยู่หลุดลุ่ยลงไป เดินเปลือยกายเป็นคนวิกลจริตร้องไห้บ่นเพื่อรำพันเซซวนคร่ำ
ครวญว่า:-
“บุตรสองคนของเราตายแล้ว สามีของเราก็ตายที่ทางเปลี่ยว มารดาบิดาและพี่ชายของ
เราก็ถูกเผาบนเชิงตะกินเดียวกัน”
นางเดินไปบ่นไปอย่างนี้ คนทั่วไปเห็นแล้วคิดว่า “นางเป็นบ้า” พากันขว้างปาด้วย
ก้อนดินบ้าง โรยฝุ่นลงบนศีรษะนางบ้าง และนางยังคงเดินต่อเรื่อยไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง
หายบ้าแล้วได้บวช
ขณะนั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางพุทธบริษัท ทรงทราบด้วยพระฌาณ
ว่านางปฏาจารามีอุปนิสัยแห่งพระอรหัต จึงบันดาลให้นางเดินทางมายังวัดพระเชตวัน นางได้
เดินมายืนเสาศาลาโรงธรรมอยู่ท้ายสุดพุทธบริษัทหมู่คนทั้งหลายพากันขับไล่นางให้ออกไป แต่
พระบรมศาสดาตรัสห้ามไว้แล้วตรับกับนางว่า “จงกลับได้สติเถิด น้องหญิง”
ด้วยพุทธานุภาพ นางกลับได้สติในขณะนั้นเอง มองดูตัวเองเปลือยกายอยู่ รู้สึกอายจึงนั่ง
ลง อุบาสกคนหนึ่งโยนฝ้าให้นางนุ่งห่ม นางเข้าไปกราบถวายบังคมพระศาสดาที่พระบาท แล้ว
กราบทูลเคราะห์กรรมของนางให้ทรงทราบโดยลำดับ พระพุทธองค์ได้ตรัสพระดำรัสว่า:-
“แม่น้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ก็ยังน้อยกว่าน้ำตาของคนที่ถูกความทุกข์ความเศร้าโศก
ครอบงำ ปฏาจารา เพราะเหตุไร เธอจึงยังประมาทอยู่”
ปฏาจารา ฟังพระดำรัสนี้แล้วก็คลายความเศร้าโศกลง พระบรมศาสดา ทรงทราบว่านาง
หายจากความเศร้าโศกลงแล้ว จึงตรัสต่อไปว่า:-
“ปฎาจารา ขึ้นชื่อว่าบุตรสุดที่รัก ไม่อาจเป็นที่พึ่ง เป็นที่ต้านทานหรือเป็นที่ป้องกันแก่
ผู้ไปสู่ปรโลกได้ บุตรเหล่านั้น ถึงจะมีอยู่ก็เหมือนไม่มี ส่วนผู้รู้ทั้งหลายรักษาศีลให้บริสุทธิ์แล้ว
ควรชำระทางไปสู่พระนิพพานของตนเท่านั้น”
เมื่อจบพระธรรมเทศนา นางปฏาจาราดำรงอยู่ในโสดาปัตผล เป็นพระอริยบุคคลชั้นพระ
โสดาบันแล้ว กราบทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงบวชเป็นภิกษุณี ไม่นานนัก
ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล
เมื่อนางปฏาจาราได้อุปสมบทแล้ว ปรากฏว่าเป็นพระเถรีผู้มีความรอบรู้ในเรื่องพระวินัย
เป็นอย่างดี อาศัยเหตุนี้ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องเธอไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่า
ภิกษุณีทั้งหลายในฝ่าย ผู้ทรงพระวินัย



อภิญญา ปัญญาเป็นเครื่องรู้ยิ่ง มี ๖ อย่าง
๑. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้
๒. ทิพพโสต หูทิพย์
๓. เจโตปริยญาณ ญาณที่ให้ทายใจคนอื่นได้
๔. ปุพเพนิวาสานุสสติ ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้
๕. ทิพพจักขุ ตาทิพย์
๖. อาสวักขยญาณ ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป
(๕ อย่างแรกเป็นโลกิยอภิญญา ข้อสุดท้ายเป็นโลกุตตรอภิญญา)


โลกอยู่ภายใต้การครอบงำของชรา ก้าวเข้าไปสู่ชรา ไม่ยั่งยืน

โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่มีผู้เป็นใหญ่

โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวง

โลกพร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา.

- สละโลกได้ ก็พ้นทุกข์ได้


#29 ดวงตะวันแก้ว

ดวงตะวันแก้ว
  • Members
  • 122 posts

Posted 09 August 2006 - 11:26 AM

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ สาธุ

#30 jumily

jumily
  • Members
  • 42 posts

Posted 09 August 2006 - 03:31 PM

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
sleepless