อ่านกระทู้อื่นมาว่า ความอาภัพ ๑๘ ประการ คือ ไม่ไปเกิดในจักรวาลอื่นเลยเป็นอันขาด ๑ แสดงว่ามีโอกาสไปเกิดในจักวาลอื่นได้ อะไรคือตัวกำหนดคะ แค่เกิดข้ามทวีป ในจักรวาลเดียวกันนี่ก็สงสัยอยู่แล้วค่ะ
(จักรวาลที่เราอยู่ก็มี ๔ ทวีปแล้ว ทำไมเราถึงได้มาเกิดในทวีปนี้ล่ะคะ มนุษย์ในทวีปอื่นเขารู้จักทวีปเราไหมคะ เขาสงสัยแบบนี้อยู่เหมือนกันมั้ยคะ )

อะไรเป็นสิ่งที่กำหนด จักรวาลที่เรามาเกิดคะ
เริ่มโดย
*sky noi*
, Mar 10 2008 12:50 PM
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
*sky noi*
โพสต์เมื่อ 10 March 2008 - 12:50 PM
#2
โพสต์เมื่อ 10 March 2008 - 02:54 PM
ในความคิดด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของผม ผมคิดว่าการที่จะพลัดหลงไปเกิดที่จักรวาลอื่นได้นั้น ช่วงเวลาและบุพกรรม เป็นตัวกำหนดครับ
คำตอบของเรื่องที่คุณเจ้าของกระทู้ถาม อยู่ในธรรมเทศนา เรื่อง อบายภูมิ4 ของพระอาจารย์ สมชาย ฐานะพุทโธ เสียดายผมไม่มีเทปธรรมะของท่านแล้วจึงไม่สามารถโหลดมาให้ฟังกันได้ ต้องขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วยครับ แต่พอเล่าให้ฟังได้คร่าวๆดังนี้ครับ
ต้องท้าวความไปยังช่วงสิ้นกัปหรือช่วงที่โลกเริ่มถูกทำลายจากไฟบรรลัยกันต์ ความร้อนจากการทำลายนั้นรุนแรงถึงสวรรค์ชั้นพรหมในภพเบื้องบน ดังนั้นในช่วงสิ้นกัปนี้เหล่าเทวดาจะเร่งบำเพ็ญบารมีของตัวเองเพื่อให้สามารถเลื่อนชั้นไปอยู่ชั้นพรหมได้ ซึ่งเป็นชั้นที่ความร้อนจากเพลิงบรรลัยกันต์นี้ไปไม่ถึง แล้วภพเบื้องล่างล่ะ อันนี้ไม่ต้องพูดถึง ขนาดสวรรค์ยังโดนแล้วนรกจะเหลือหรือจริงไหมครับ ความร้อนในนรกถูกความร้อนจากไฟบรรลัยกันต์เข้าเสริมยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้แต่เจ้าหน้าที่หรือสัตว์นรกก็อยู่ไม่ได้ อ้าว แล้วจะหนีได้ยังไงล่ะ จะทำบาปเพิ่มเพื่อให้ลงในขุมที่ลึกลงไปอย่างนั้นหรือ คำตอบคือ ภพเบื้องล่างจะถูกย้ายไปยังจักรวาลอื่นที่ไฟบรรลัยกันต์สงบลงและเริ่มเย็นตัวลงแล้วครับ และเช่นเดียวกัน เมื่อจักรวาลที่เราอยู่เริ่มเย็นตัว นรกที่โดนลุกไหม้ในจักรวาลอื่นก็จะย้ายมาแทนที่ เป็นวงจรลูกโซ่ของจักรวาลเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
นี่คือที่มาของประโยคที่พูดว่า พลัดไปเกิดในจักรวาลอื่น ยังไงล่ะครับ เข้าข่ายที่ว่า โลกต้องการเฉพาะคนดีอยู่ คนไม่ดีโลกไม่ต้องการไปๆชิ้วๆ ยังไงล่ะครับ ^ ^"
ส่วนคำถามที่ว่า "มนุษย์ในทวีปอื่นเขารู้จักทวีปเราไหม เขาสงสัยแบบนี้อยู่เหมือนกันมั้ย" ผมขอถามคุณเจ้าของสักนิดนะครับว่า สมมุติคุณเจ้าของกระทู้ ได้อยู่ในเมืองที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเป็นเมืองที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์ อยากได้อะไรเพียงไปยืนที่ใต้ต้นไม้สักต้นแล้วนึกอธิฐานก็บังเกิดของสิ่งนั้นดังใจประสงค์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน หากคุณเจ้าของกระทู้มีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ คุณเจ้าของกระทู้จะยังมีใจไปสนในสถานที่อื่นอีกหรือครับ ฉันใดฉันนั้น
คำตอบของเรื่องที่คุณเจ้าของกระทู้ถาม อยู่ในธรรมเทศนา เรื่อง อบายภูมิ4 ของพระอาจารย์ สมชาย ฐานะพุทโธ เสียดายผมไม่มีเทปธรรมะของท่านแล้วจึงไม่สามารถโหลดมาให้ฟังกันได้ ต้องขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วยครับ แต่พอเล่าให้ฟังได้คร่าวๆดังนี้ครับ
ต้องท้าวความไปยังช่วงสิ้นกัปหรือช่วงที่โลกเริ่มถูกทำลายจากไฟบรรลัยกันต์ ความร้อนจากการทำลายนั้นรุนแรงถึงสวรรค์ชั้นพรหมในภพเบื้องบน ดังนั้นในช่วงสิ้นกัปนี้เหล่าเทวดาจะเร่งบำเพ็ญบารมีของตัวเองเพื่อให้สามารถเลื่อนชั้นไปอยู่ชั้นพรหมได้ ซึ่งเป็นชั้นที่ความร้อนจากเพลิงบรรลัยกันต์นี้ไปไม่ถึง แล้วภพเบื้องล่างล่ะ อันนี้ไม่ต้องพูดถึง ขนาดสวรรค์ยังโดนแล้วนรกจะเหลือหรือจริงไหมครับ ความร้อนในนรกถูกความร้อนจากไฟบรรลัยกันต์เข้าเสริมยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้แต่เจ้าหน้าที่หรือสัตว์นรกก็อยู่ไม่ได้ อ้าว แล้วจะหนีได้ยังไงล่ะ จะทำบาปเพิ่มเพื่อให้ลงในขุมที่ลึกลงไปอย่างนั้นหรือ คำตอบคือ ภพเบื้องล่างจะถูกย้ายไปยังจักรวาลอื่นที่ไฟบรรลัยกันต์สงบลงและเริ่มเย็นตัวลงแล้วครับ และเช่นเดียวกัน เมื่อจักรวาลที่เราอยู่เริ่มเย็นตัว นรกที่โดนลุกไหม้ในจักรวาลอื่นก็จะย้ายมาแทนที่ เป็นวงจรลูกโซ่ของจักรวาลเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
นี่คือที่มาของประโยคที่พูดว่า พลัดไปเกิดในจักรวาลอื่น ยังไงล่ะครับ เข้าข่ายที่ว่า โลกต้องการเฉพาะคนดีอยู่ คนไม่ดีโลกไม่ต้องการไปๆชิ้วๆ ยังไงล่ะครับ ^ ^"
ส่วนคำถามที่ว่า "มนุษย์ในทวีปอื่นเขารู้จักทวีปเราไหม เขาสงสัยแบบนี้อยู่เหมือนกันมั้ย" ผมขอถามคุณเจ้าของสักนิดนะครับว่า สมมุติคุณเจ้าของกระทู้ ได้อยู่ในเมืองที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเป็นเมืองที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์ อยากได้อะไรเพียงไปยืนที่ใต้ต้นไม้สักต้นแล้วนึกอธิฐานก็บังเกิดของสิ่งนั้นดังใจประสงค์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน หากคุณเจ้าของกระทู้มีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ คุณเจ้าของกระทู้จะยังมีใจไปสนในสถานที่อื่นอีกหรือครับ ฉันใดฉันนั้น
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#3
โพสต์เมื่อ 10 March 2008 - 04:11 PM
ปัจจัยที่จะทำให้ไปเกิดในจักรวาลอื่น คุณเคยวัด ก็ได้บอกไปแล้วนะครับ ว่าเป็นเพราะ กรรม
สมดังพุทธภาษิตที่ว่า "กรรม ย่อมจำแนก(แบ่งแยก)หมู่สัตว์"
ส่วนมนุษย์ในทวีปอื่น เขาจะรู้จักทวีปเราไหม ก็ต้องย้อนถามน้องไปว่า มนุษย์ในทวีปเรา รู้จักทวีปอื่นไหม
คำตอบ พี่จะตอบแทนให้ว่า มนุษย์ในทวีปเรา ที่รู้จักทวีปอื่น ก็มีอยู่ และที่ไม่รู้จักทวีปอื่น ก็มีอยู่เช่นกัน ใช่มั้ยครับ ดังนั้น มนุษย์ในทวีปอื่น ก็มีทั้งประเภทที่รู้จัก และประเภทที่ไม่รู้จักทวีปเราครับ มันเป็นเรื่องปรกติ ลองสังเกตุง่ายๆ สิครับว่า เราเรียนกับเพื่อนๆ ในห้องเดียวกัน ครูสอนคนเดียวกันแท้ๆ แต่ยังรู้ไม่เท่ากันเลย ผลสอบออกมาก็ไม่เท่ากัน ลองไปสังเกตุสิครับ ว่าเพราะอะไร ดังนั้น เรื่องนี้ก็แบบเดียวกันนั่นแหละครับ
เขาสงสัยแบบนี้อยู่เหมือนกันมั้ย
คำตอบ ที่สงสัยก็มี ที่ไม่สงสัยก็มาก (เหมือนที่คุณเคยเข้าวัดบอก) แต่ที่ไม่สงสัยนั้น ไม่ได้หมายความว่า วันนี้เขาไม่สงสัย แล้ววันหน้าเขาก็จะไม่สงสัยไปตลอดนะครับ มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะสงสัยขึ้นมาก็ได้ เพราะตราบใดมีมนุษย์ และสรรพสัตว์ ยังมีอวิชชาอยู่ (ความไม่รู้จริง) เมื่อนั้น ความสงสัย ซึ่งเป็นหนึ่งในกิเลส จะไม่มีวันหมดไปจากใจของสรรพสัตว์ เพียงแต่ว่า ถึงเวลาสำแดงออกมาแล้วหรือยัง เท่านั้นแหละครับ
สมดังพุทธภาษิตที่ว่า "กรรม ย่อมจำแนก(แบ่งแยก)หมู่สัตว์"
ส่วนมนุษย์ในทวีปอื่น เขาจะรู้จักทวีปเราไหม ก็ต้องย้อนถามน้องไปว่า มนุษย์ในทวีปเรา รู้จักทวีปอื่นไหม
คำตอบ พี่จะตอบแทนให้ว่า มนุษย์ในทวีปเรา ที่รู้จักทวีปอื่น ก็มีอยู่ และที่ไม่รู้จักทวีปอื่น ก็มีอยู่เช่นกัน ใช่มั้ยครับ ดังนั้น มนุษย์ในทวีปอื่น ก็มีทั้งประเภทที่รู้จัก และประเภทที่ไม่รู้จักทวีปเราครับ มันเป็นเรื่องปรกติ ลองสังเกตุง่ายๆ สิครับว่า เราเรียนกับเพื่อนๆ ในห้องเดียวกัน ครูสอนคนเดียวกันแท้ๆ แต่ยังรู้ไม่เท่ากันเลย ผลสอบออกมาก็ไม่เท่ากัน ลองไปสังเกตุสิครับ ว่าเพราะอะไร ดังนั้น เรื่องนี้ก็แบบเดียวกันนั่นแหละครับ
เขาสงสัยแบบนี้อยู่เหมือนกันมั้ย
คำตอบ ที่สงสัยก็มี ที่ไม่สงสัยก็มาก (เหมือนที่คุณเคยเข้าวัดบอก) แต่ที่ไม่สงสัยนั้น ไม่ได้หมายความว่า วันนี้เขาไม่สงสัย แล้ววันหน้าเขาก็จะไม่สงสัยไปตลอดนะครับ มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะสงสัยขึ้นมาก็ได้ เพราะตราบใดมีมนุษย์ และสรรพสัตว์ ยังมีอวิชชาอยู่ (ความไม่รู้จริง) เมื่อนั้น ความสงสัย ซึ่งเป็นหนึ่งในกิเลส จะไม่มีวันหมดไปจากใจของสรรพสัตว์ เพียงแต่ว่า ถึงเวลาสำแดงออกมาแล้วหรือยัง เท่านั้นแหละครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#4
*sky noi*
โพสต์เมื่อ 10 March 2008 - 04:48 PM
คำตอบนี้ทำให้หายสงสัยว่าเวลาที่ไฟบรรลัยกันต์เกิดขึ้นในช่วงสิ้นกัป เหล่าเทวดาจะเร่งบำเพ็ญบารมีของตัวเองเพื่อให้สามารถเลื่อนชั้นไปอยู่ชั้นพรหมได้ ซึ่งเป็นชั้นที่ความร้อนจากเพลิงบรรลัยกันต์นี้ไปไม่ถึง แล้วเทวดาที่สร้างบารมีไม่ทัน และบรรดาภพเบื้องล่างจะหายไปไหน ในเมื่อดวงจิตไม่มีการสูญหาย
เมื่อไม่สูญหายแล้วจะไปอยู่ไหน เป็นเช่นนี้นี่เอง
จักรวาลมีเป็นอนันตจักรวาล ก็ต้องวนเวียนกันไปอย่างนี้เองเหรอคะ รู้สึกเหนื่อยใจจังค่ะ ไม่แปลกใจแล้วที่ว่าเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน จนน้าตารวมกันมากกว่าน้ำในมหาสมุทร
ใช่เหรอคะ เด๋วก็มีคนไม่ดีจากจักรวาลอื่นย้ายมาอยู่ด้วยอยู่ดีหนิคะ
เมื่อไม่สูญหายแล้วจะไปอยู่ไหน เป็นเช่นนี้นี่เอง
จักรวาลมีเป็นอนันตจักรวาล ก็ต้องวนเวียนกันไปอย่างนี้เองเหรอคะ รู้สึกเหนื่อยใจจังค่ะ ไม่แปลกใจแล้วที่ว่าเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน จนน้าตารวมกันมากกว่าน้ำในมหาสมุทร
QUOTE
นี่คือที่มาของประโยคที่พูดว่า พลัดไปเกิดในจักรวาลอื่น ยังไงล่ะครับ เข้าข่ายที่ว่า โลกต้องการเฉพาะคนดีอยู่ คนไม่ดีโลกไม่ต้องการไปๆชิ้วๆ ยังไงล่ะครับ ^ ^"
ใช่เหรอคะ เด๋วก็มีคนไม่ดีจากจักรวาลอื่นย้ายมาอยู่ด้วยอยู่ดีหนิคะ
#5
โพสต์เมื่อ 11 March 2008 - 12:07 PM
สรุปแล้ว สถานที่ที่ต้องการคนดีอยู่จริงๆ ทั้งหมดไม่ใช่โลก แต่เป็น นิพพานน่ะครับ
ส่วนชีวิตในโลก ก็เป็นอย่างที่น้องเข้าใจ คือ มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ผสมผสานกันไป และยังเปลี่ยนแปรไปมาได้ บางคนชาตินี้เป็นคนดี แต่ชาติต่อไปกลายเป็นคนไม่ดีก็มี หรือ ตรงกันข้ามกันก็มาก
จะหาอะไรแน่นอนในสังสารวัฏนี้ได้ยากยิ่งนัก ควรรีบเร่งบำเพ็ญเพียรให้หลุดพ้นเฉพาะตน หรือไม่ก็ชักชวนกันรื้อสัตว์ขนสัตว์เป็นหมู่คณะใหญ่ ดังเช่นที่หมู่คณะของเรากำลังทำอยู่ เพื่อให้ทุกชีวิต พ้นจากห้วงทุกข์ พบสุขแท้จริงไปด้วยกันตลอด
ส่วนชีวิตในโลก ก็เป็นอย่างที่น้องเข้าใจ คือ มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ผสมผสานกันไป และยังเปลี่ยนแปรไปมาได้ บางคนชาตินี้เป็นคนดี แต่ชาติต่อไปกลายเป็นคนไม่ดีก็มี หรือ ตรงกันข้ามกันก็มาก
จะหาอะไรแน่นอนในสังสารวัฏนี้ได้ยากยิ่งนัก ควรรีบเร่งบำเพ็ญเพียรให้หลุดพ้นเฉพาะตน หรือไม่ก็ชักชวนกันรื้อสัตว์ขนสัตว์เป็นหมู่คณะใหญ่ ดังเช่นที่หมู่คณะของเรากำลังทำอยู่ เพื่อให้ทุกชีวิต พ้นจากห้วงทุกข์ พบสุขแท้จริงไปด้วยกันตลอด
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#6
*sky noi*
โพสต์เมื่อ 12 March 2008 - 08:43 AM
QUOTE
สรุปแล้ว สถานที่ที่ต้องการคนดีอยู่จริงๆ ทั้งหมดไม่ใช่โลก แต่เป็น นิพพานน่ะครับ
นิพพานสามารถรองรับชีวิตทุกชีวิตทั้งอนันตจักรวาลได้เลยใช่มั้ยคะ ถ้าเราทำได้
#7
โพสต์เมื่อ 12 March 2008 - 10:44 AM
ใช่สิครับ เพราะนิพพานนั้น ไม่ใช่ดินแดนที่มีขอบเขต เหมือนสิ่งใดๆ ที่ปรากฏอยู่ในภพสามนี้น่ะครับ ดังที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า
นิพพานนั้นมีอยู่ ไม่ใช่โลกนี้ ไม่ใช่โลกหน้า ไม่ใช่ดินน้ำลมไฟ ไม่มีการไป ไม่มีการมา เป็นที่สุดแห่งทุกข์ สรุปว่า ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้นในจักรวาล ผู้ที่จะรู้ได้คือ ผู้รู้แจ้งนิพพานน่ะครับ
นิพพานนั้นมีอยู่ ไม่ใช่โลกนี้ ไม่ใช่โลกหน้า ไม่ใช่ดินน้ำลมไฟ ไม่มีการไป ไม่มีการมา เป็นที่สุดแห่งทุกข์ สรุปว่า ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้นในจักรวาล ผู้ที่จะรู้ได้คือ ผู้รู้แจ้งนิพพานน่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#8
โพสต์เมื่อ 12 March 2008 - 01:09 PM
เคยฟังเทศมาสมัยอบรม ธรรมทายาท มาว่า ทวีปอื่นจะสุขสบาย กว่า ชมพูทวีปมาก
อายุก็ยืนยาวกว่า
เคยฟังเทศมาสมัยอบรม ธรรมทายาท มาว่า ทวีปอื่นจะสุขสบาย กว่า ชมพูทวีปมาก
อายุก็ยืนยาวกว่า
อายุก็ยืนยาวกว่า
เคยฟังเทศมาสมัยอบรม ธรรมทายาท มาว่า ทวีปอื่นจะสุขสบาย กว่า ชมพูทวีปมาก
อายุก็ยืนยาวกว่า
#9
โพสต์เมื่อ 13 March 2008 - 04:40 PM
ลองอ่านหนังสือ "ต้องเป็นให้ได้ดั่งพระพุทธเจ้า" ซิคะ คิดว่ามีคำตอบอยู่ค่ะ
#10
*sky noi*
โพสต์เมื่อ 15 May 2008 - 05:13 AM
ได้หนังสือเล่มนี้มาอ่านแล้วนะคะ "ต้องเป็นให้ได้ดั่งพระพุทธเจ้า"
มีกำลังใจในการทำความดีขึ้นเยอะ เข้าใจอะไรอีกมากเลย
มีกำลังใจในการทำความดีขึ้นเยอะ เข้าใจอะไรอีกมากเลย
#11
โพสต์เมื่อ 18 May 2008 - 02:17 PM
หนังสือเล่มนี้หาอ่านได้ที่ไหนมั่งเหรอครับ
#12
โพสต์เมื่อ 02 June 2008 - 10:08 AM
แต่ละจักรวาลก็มี " หมายกำหนดการ " ของตนเอง