
ทะลุ 5 องค์แล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
#1
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 04:46 PM
#2
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 05:10 PM
#3
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 05:39 PM
#4
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 07:59 PM
ไม่คาดหวังได้พบอะไรใหม่
เป็นใจเพียงไม่อยากได้ต่อสิ่งใด
ก็จะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ
#5
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 09:50 PM
#6
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 10:35 PM
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#7
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 11:05 PM
#8
โพสต์เมื่อ 13 April 2008 - 11:53 PM
#9
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 04:47 AM
#10
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 08:05 AM
#11
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 08:22 AM
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
#12
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 09:50 AM
- -" บอกบุญที่บริษัท ไม่จารึกชื่อบริษัทก็น่าจะจารึกชื่อเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานที่ร่วมบุญกับคุณเจ้าของกระทู้นะครับ อย่างน้อยก็เป็นการแสดงนําใจตอบแทนที่เขาร่วมบุญกับเรา ให้พวกเขารู้ว่าทรัพย์ที่พวกเขาร่วมบุญมาคุณเจ้าของกระทู้ไม่ทำให้สูญเปล่า
ถ้าเป็นผมนะครับ หากเป็นเงินที่ผมบอกบุญเพื่อนร่วมงานและพนักงานของบริษัทผมจะไม่จารึกชื่อของผู้อื่นเด็ดขาด ถ้าไม่จารึกชื่อของบริษัท ผมจะคัดเลือกตัวแทนจากพนักงานที่ร่วมบุญกับผมโดยไม่ลำเอียง โดยที่ผมจะเรียกเพื่อนๆมาประชุมกันแล้วบอกให้เขาฟังว่าเงินที่พวกเขาร่วมบุญนี้ผมจะเอาไปทำอะไร และให้เขาคัดเลือกตัวแทนมา1คนเพื่อใช้ชื่อของคนๆนั้นเป็นชื่อที่จะจารึกที่ฐานองค์พระ หากไม่มีใครอาสานั่นแหล่ะครับ ผมจึงจะขอพวกเขาท่ามกลางที่ประชุมว่า ผมจะจารึกชื่อของผู้อื่นแทน
ที่ผมจะทำแบบนี้เพราะ
1. ผมต้องการให้ผู้ที่ร่วมบุญกับผมได้รับบุญอย่างเต็มที่ ให้พวกเขารู้ว่าทรัพย์ที่ได้ผมจะนำไปสร้างบุญอะไร
2. เพื่อไม่ให้เกิดการกินแหนงแครงใจกัน เพราะทุกคนลงมติเป็นเอกฉันท์
3. เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบและความจริงใจของเราต่อเพื่อนร่วมงาน
4. เพื่อให้มิตรยังคงอยู่
5. อันนี้ส่วนตัวครับ เพื่อประโยชน์ในหน้าที่การงาน (เผื่อเจ้านายเห็นความรับผิดชอบของเรา เหอๆ

2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#13
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 11:17 AM
#14
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 03:38 PM
ดีจัง.. สาธุ.. สาธุ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#15
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 06:52 PM
#16
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 06:54 PM
#17
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 09:50 PM
แต่เจตนาในการสร้างองค์พระธรรมกาย "ประจำตัว" หมายถึงองค์พระที่มีเจ้าของบุญเพียงคนเดียว ถ้าสามารถบอกบุญให้แต่ละคนเป็นเจ้าของเต็มองค์ได้ ก็น่าจะดีกว่า เพราะองค์พระทุกองค์มีเจ้าของบุญ แต่ถ้าเป็นการร่วมบุญหลายๆ คน ก็น่าจะจารึกชื่อมหาปูชนียาจารย์ ผู้มีพระคุณ
เราเองก็สร้างองค์พระจารึกชื่อ "พระราชภาวนาวิสุทธิ์" เพื่อบูชาธรรมท่านในวันครบรอบวันเกิด เอาบุญมาฝากทุกท่านนะคะ และขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะที่ทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร สาธุๆๆ __/|\__
เวลาทำอะไรพลาด อย่าคิดนำไปก่อน เพราะมารจะเข้าแทรกผัง ให้เราคิดได้เป็นเรื่องเป็นราวทันที ยิ่งคิด ยิ่งมีผลเสียแก่ตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วใจจะตก มารจะแทรกผังสำเร็จใส่ทันที ทำให้เรื่องที่ยังไม่มีอะไร กลับกลายเป็นเรื่องร้ายทันที ยิ่งคิดจะยิ่งเสีย ฉะนั้น เมื่อเกิดเรื่อง ให้เราทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายอย่างเดียว (ขุมทรัพย์จากคุณยาย)
#18
โพสต์เมื่อ 15 April 2008 - 10:06 AM
สาธุ
สาธุ
สาธุ
ลูกพระธรรม
#19
โพสต์เมื่อ 15 April 2008 - 10:59 AM
#20
โพสต์เมื่อ 15 April 2008 - 11:08 AM

#21
โพสต์เมื่อ 15 April 2008 - 11:28 AM
#22
โพสต์เมื่อ 15 April 2008 - 06:07 PM
#23
โพสต์เมื่อ 16 April 2008 - 04:39 PM
พระธรรมกายประจำตัวบนแจดีย์ จะเชื่อมกับธรรมกายของบุคคลผู้มีชื่อจารึกที่องค์พระนั้น จึงมีชื่อว่าพระธรรมกายประจำตัว ในการจารึกชื่อ จะจารึกได้เพียงชื่อเดียว และต้องเป็นมนุษย์ (ซึ่งจะมีธรรมกายทุกคน)
ตอนที่ได้ร่วมบุญเริ่มสร้างพระธรรมกายประจำตัวองค์แรกของครอบครัวในปี 2538 ได้ขอจารึกชื่อครอบครัวที่ฐานพระ แต่ได้รับการปฏิเสธจึงศึกษาสาเหตุและข้อมูลในรายละเอียด จนกระทั่งได้เข้าใจถึงเหตุและผลดังกล่าว เนื่องจากมหาธรรมกายเจดีย์เป็นสิ่งที่ชะลอมาจากพระนิพพานซึ่งเป็นเรื่องละเอียด ดังนั้นขออนุญาตเล่าให้ฟังคร่าวๆ เพียงเท่านี้นะคะ
สำหรับกรณีนี้ หากเป็นตนเอง จะขอจารึกชื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อเพื่อบูชาธรรมในวาระวันคล้ายวันเกิดท่าน เนื่องจากเป็นปัจจัยกองกลาง ทุกคนจะได้มีส่วนในบุญร่วมกัน เพราะทำให้ท่านได้ที่เรา แต่หากผู้ร่วมปัจจัยรายใดยังมีความไม่เข้าใจในพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็อาจจะแบ่งไปจารึกชื่อ พระเดชพระคุณหลวงปู่ แทน เพราะพระเดชพระคุณหลวงปู่และพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านเชื่อมถึงกัน
ส่วนใบอนุโมทนาบัตร ก็ออกในนามผู้ร่วมบุญแต่ละคน หากรู้จำนวน หากคนใดไม่ระบุจำนวน ก็ระบุนามร่วมกันว่า พนักงานบริษัท.... หากทำเช่นนี้ บริษัทก็จะได้รับอานิสงส์ด้วยส่วนหนึ่ง พนักงานมีบุญ บริษัทมีบุญ ความสุขและความเจริญรุ่งเรื่องย่อมเกิดแก่ทุกคนในบริษัท
ตอนที่ทำบุญกฐินปี 2551 ที่ผ่านมา ตนเองก็ทำแบบนี้ และได้ post ใน mail ของบริษัท แจ้งยอดทำบุญและอานิสงส์ของบุญ ให้ทุกคนทั้งที่ได้ร่วมบุญและไม่ได้ร่วมบุญ ได้อนุโมทนาบุญร่วมกัน ปรากฏว่าทุกคนก็เบิกบานดี เพราะทุกคนก็อยากได้ความสุขความเจริญอยูแล้ว บางคนที่ตอนแรกไม่ได้ร่วมบุญมา ก็มาขอร่วมบุญเพิ่มค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับมหาทานบารมีและบุญในการทำหน้าที่กัลยาณมิตร ของน้องนัทด้วยนะคะ
#24
โพสต์เมื่อ 17 April 2008 - 10:40 AM
สาธุ
สาธุ
สาธุ
#25
โพสต์เมื่อ 17 April 2008 - 04:57 PM
#27
โพสต์เมื่อ 18 April 2008 - 04:52 PM
สาธุ สาธุ สาธุ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#28
โพสต์เมื่อ 18 April 2008 - 06:14 PM
สาธุ สาธุ สาธุ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#29
โพสต์เมื่อ 20 April 2008 - 11:49 PM
#30
โพสต์เมื่อ 24 May 2008 - 09:40 PM