ผมมีเรื่องอยากจะถามครับ
1.ถ้าเวลาอธิษฐานเพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตเราควรระบุชนิดที่เราต้องการหรือไม่ เพราะอะไรครับ
2.จากที่ดูมาพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะอธิษฐานจิตลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีให้เร็วยิ่งขึ้น แต่ถ้าสมมุติเราตั้งความปรารถนาจะเป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้าแล้วทำบุญมาหลายชาติแต่ว่าหลังจาก 20 อสงไขยกับอีกแสนมหากัปป์เรายังทำบารมีไม่เต็มเปี่ยมเราจะเปลี่ยนแบบไปเป็นพระศัทธาธิกพุทธเจ้าไหมครับ
3.หากเราตั้งความปรารถนาจะเป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้าแล้วอธิษฐานจิตรีบลงมาสร้างบารมีบ่อย เรามีโอกาสที่บารมีเต็มเร็วกว่า 20 อสงไขยกับอีกแสนมหากัปป์แล้วสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าเลยไหมครับ
4.เพราะเหตุใด พระตถาคตที่พยากรณ์พระโพธิสัตว์จึงต้องรอให้บารมีเต็มถึงจุดๆหนึ่งด้วยครับเพราะถ้าใช้พระสัพพัญญุตญาณ(เขียนถูกป่าวไม่รู้นะ)ก็น่าจำพยากรณ์ได้เลย
5.หากเราอธิษฐานจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เวลาที่พระตถาคตจะพยากรณ์จะย้อนกลับไปดูเหรอครับว่า ตั้งจิตอธิษฐานไว้เมื่อไหร่ พูดออกมาเมื่อไหร่
ขอเพิ่มเติมข้อ 2. ผมลืมเขียนไปว่า ยังไม่ได้รับการพยากรณ์ ครับ (ขอโทษด้วยน้าที่ลืมเขียน) ขอบคุณคุณอ่อนหัดด้วยครับที่ช่วยตอบแล้วทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าผมลืมเขียน อิอิ
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ อนุโมทนาบุญด้วยจ้า

ขอความรู้ครับ
เริ่มโดย ผู้สนใจในธรรม, Apr 21 2008 10:04 AM
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 21 April 2008 - 10:04 AM
#2
โพสต์เมื่อ 21 April 2008 - 10:58 AM
เป็นคำถามที่สุดยอดจริง ๆ มีเวลาคิดได้ไง ขอบังอาจคอบด้วยความรู้อันน้อยนิด (แบบไม่เคยเปิดพระไตรปิฎกนะครับ)
1. ต้องระบุว่าผลแห่งบุญนี้ขอให้ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง (แบบไหนก็ว่าไป)
2. จะเปลี่ยนหรือไหมหากได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนได้ เพราะพระพุทธเจ้าจะตรัสสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงเท่านั้น
3. ไม่สามารถทำได้ง่ายหรอกครับ เพราะต้องอาศัยจังหวะ เวลา โอกาสที่จะลงมาสร้างบารมี และอีกอย่าง พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้วว่า ต้องบำเพ็ญบารมีกี่อสงไขย จากคิดในใจกี่อสงไขย ประกาศกี่อสงไขย ได้รับพยากรณ์ ฉะนั้นจะไม่สามารถทำได้เร็วกว่าที่กล่าวมาแล้ว
4. ต้องรอให้บารมีเต็ม บารมีไม่เต็มแสดงว่ายังไม่ถึงจุด จึงต้องรอให้เต็ม เหมือนการตักน้ำใส่ตุ่ม
5. ถูกต้องครับ พระพุทธเจ้าก่อนพยากรณ์ให้พระโพธิสัตว์จะต้องตรวจไปกระทั่งชาติแรกที่ตั้งจิตอธิษฐานและตรวจดูว่าบารมีเต็มเปี่ยมหรือยังที่จะได้รับพยากรณ์
1. ต้องระบุว่าผลแห่งบุญนี้ขอให้ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง (แบบไหนก็ว่าไป)
2. จะเปลี่ยนหรือไหมหากได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนได้ เพราะพระพุทธเจ้าจะตรัสสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงเท่านั้น
3. ไม่สามารถทำได้ง่ายหรอกครับ เพราะต้องอาศัยจังหวะ เวลา โอกาสที่จะลงมาสร้างบารมี และอีกอย่าง พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้วว่า ต้องบำเพ็ญบารมีกี่อสงไขย จากคิดในใจกี่อสงไขย ประกาศกี่อสงไขย ได้รับพยากรณ์ ฉะนั้นจะไม่สามารถทำได้เร็วกว่าที่กล่าวมาแล้ว
4. ต้องรอให้บารมีเต็ม บารมีไม่เต็มแสดงว่ายังไม่ถึงจุด จึงต้องรอให้เต็ม เหมือนการตักน้ำใส่ตุ่ม
5. ถูกต้องครับ พระพุทธเจ้าก่อนพยากรณ์ให้พระโพธิสัตว์จะต้องตรวจไปกระทั่งชาติแรกที่ตั้งจิตอธิษฐานและตรวจดูว่าบารมีเต็มเปี่ยมหรือยังที่จะได้รับพยากรณ์
#3
โพสต์เมื่อ 21 April 2008 - 12:53 PM
เรื่องนี้ อยู่นอกเหนือตำราครับ ตำหรับตำราและคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอธิบายไว้ เป็นเพียงการจำแนกประเภท ระยะเวลาและลักษณะเฉพาะโดยสังเขปเท่าที่พึงอธิบาย ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยลึกซึ้งลงไปกว่านั้น อยู่นอกเหนือตำหรับตำราทั้งปวงครับ
#4
โพสต์เมื่อ 21 April 2008 - 02:43 PM
ยากเกิ๊น เอาใจมาหยุดดีกว่าเสียเวลาคิด
เหมือนคำถามว่า นิพพานคือ อัตตาหรืออนัตตา เลยเหอๆ
อยากรู้ลองพิสูจน์เองว่าโพรงกระต่ายลึกขนาดไหน
เหมือนคำถามว่า นิพพานคือ อัตตาหรืออนัตตา เลยเหอๆ
อยากรู้ลองพิสูจน์เองว่าโพรงกระต่ายลึกขนาดไหน
#5
โพสต์เมื่อ 21 April 2008 - 08:05 PM
เอาข้อ ๔ น ฟังไว้เป็นข้อมูลนะ
อย่าพึ่งเชื่อหรือไม่เชื่อ เมื่อบารมีเต็มเปี่ยมจนถึงระดับหนึ่ง จะมีกายพระธรรมกายอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นหน้าตัก เกิน 20 วา เป็นกายธรรมที่ 19 ซึ่งไม่เป็นของเนื่องด้วยคนทั่วไป เมื่อพระพุทธเจ้าองค์ที่จะทรงพยากรณ์ ก็มองเข้าไปที่ศูนย์กลางกาย เห็นกายที่ 19 ปุ้บ ก็จะทรงพยากรณ์ทันที่เพราะเที่ยงแท้แล้ว
ส่วนข้อ ๒ ขอตอบตามความรู้ที่ได้ยินมา ก็เหมือนพระที่จะเป็นเอตทัคคะ ก็ต้อง 100000 กัปป์คือเพื่อให้อินทรีย์แก่รอบก่อน พระพุทธเจ้าก็คงเช่นเดียวกัน
แต่ในที่สุดแล้วก็ต้องให้ผู้มีญานแก่กล้ามากๆๆๆๆ ตรวจดูถึงจะแน่นอน

ส่วนข้อ ๒ ขอตอบตามความรู้ที่ได้ยินมา ก็เหมือนพระที่จะเป็นเอตทัคคะ ก็ต้อง 100000 กัปป์คือเพื่อให้อินทรีย์แก่รอบก่อน พระพุทธเจ้าก็คงเช่นเดียวกัน
แต่ในที่สุดแล้วก็ต้องให้ผู้มีญานแก่กล้ามากๆๆๆๆ ตรวจดูถึงจะแน่นอน
ภูเขาศิลาล้วนย่อมตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวเพราะแรงลมฉันใด
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#6
โพสต์เมื่อ 21 April 2008 - 09:03 PM
แนะนำเจ้าของกระทู้ศึกษาจาก
หนังสือ มุนีนาถทีปนี

ศาสตร์ว่าด้วยความเป็นพระพุทธเจ้า เป้นต้น ครับ
กระทู้เก่าเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า
ผมอยากเป็นพระพุทธเจ้า, ผู้รู้ช่วยแนะนำทางเดินที่ถูกหลักวิชชาด้วย
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5727
พระพุทธเจ้ามีกี่ประเภทครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5743
พระพุทธเจ้าต้นกัลป์และปลายกัลป์
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3442
เรื่องพุทธวงศ์ในกัปปัจจุบัน
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=7680
และ
มหานิบาตชาดก พระเจ้าสิบชาติ
http://84000.org/tipitaka/atita10/
เล่าเรื่องพระโพธิสัตว์อดีตพระชาติของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
http://www.geocities...poti/index.html
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม
#7
โพสต์เมื่อ 22 April 2008 - 10:28 PM
1.ถ้าเวลาอธิษฐานเพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตเราควรระบุชนิดที่เราต้องการหรือไม่ เพราะอะไรครับ
- ทำได้ครับ ขึ้นอยู่ที่ความตั้งใจของคุณครับว่าคุณอยากเป็นพระพุทธเจ้าแบบไหน ถ้าคุณอยากเป็นแบบไหนก็อธิษฐานเน้นแบบนั้น
2.จากที่ดูมาพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะอธิษฐานจิตลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีให้เร็วยิ่งขึ้น แต่ถ้าสมมุติเราตั้งความปรารถนาจะเป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้าแล้วทำบุญมาหลายชาติแต่ว่าหลังจาก 20 อสงไขยกับอีกแสนมหากัปป์เรายังทำบารมีไม่เต็มเปี่ยมเราจะเปลี่ยนแบบไปเป็นพระศัทธาธิกพุทธเจ้าไหมครับ
3.หากเราตั้งความปรารถนาจะเป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้าแล้วอธิษฐานจิตรีบลงมาสร้างบารมีบ่อย เรามีโอกาสที่บารมีเต็มเร็วกว่า 20 อสงไขยกับอีกแสนมหากัปป์แล้วสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าเลยไหมครับ
- 2ข้อนี้ผมขอตอบรวมกันนะครับ ผมขออธิบายอย่างนี้นะครับ จำนวน20อสงไขยกับอีกแสนมหากัปนั้นเปรียบเสมือนระยะทางในการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมขอถามคุณ จขกท สักนิดสมมุติคุณเจ้าของกระทู้จะเดินทางจากกรุงเทพถึงเชียงใหม่ และจะเดินเป็นเส้นตรงจากจุดที่คุณอยู่ณ.ปัจจุบันลากเส้นตรงไปยังปลายทางซึ่งเป็นจุดใดจุดหนึ่งในเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวิธีเดิน วิ่ง ขับรถ ขึ้นรถไฟ หรือนั่งเครื่องบิน คุณ จขกท คิดว่าระยะทางจะเปลี่ยนแปลงไหมครับ คำตอบคือไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าคุณเจ้าของกระทู้ จะใช้วิธีไหนเดินทาง เร็วกว่าก็จริง แต่ระยะก็ไม่หดลงจริงไหมครับ ฉันใดฉันนั้น 20อสงไขยกับอีกแสนมหากัปนั้นเป็นระยะทางในการบำเพ็ญบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้คุณเจ้าของกระทู้จะเปลี่ยนวิธียังไงก็ไม่ทำให้ระยะทางหดลงได้หรอกครับ
4.เพราะเหตุใด พระตถาคตที่พยากรณ์พระโพธิสัตว์จึงต้องรอให้บารมีเต็มถึงจุดๆหนึ่งด้วยครับเพราะถ้าใช้พระสัพพัญญุตญาณ(เขียนถูกป่าวไม่รู้นะ)ก็น่าจำพยากรณ์ได้เลย
- เพราะบารมีเต็มเปลี่ยนจนมั่นใจว่าไม่มีอะไรมาสั่นคลอนจิตใจได้แล้วจึงได้พยากรณ์ไงครับ เหมือนกับการสร้างบ้าน ตอนที่เรายังสร้างไม่เสร็จเรายังสามารถที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ใช่ไหมครับ แต่เมื่อใดที่เราสร้างใกล้จะเสร็จจนเหลือแค่การเก็บลานละเอียดเล็กๆน้อยๆแล้ว เราไม่สามารถเปลี่ยนแบบได้อีกต่อไป เราถึงจะบอกว่า นี่สิบ้านของเรา จริงไหมครับ
5.หากเราอธิษฐานจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เวลาที่พระตถาคตจะพยากรณ์จะย้อนกลับไปดูเหรอครับว่า ตั้งจิตอธิษฐานไว้เมื่อไหร่ พูดออกมาเมื่อไหร่
- จากที่ผมอ่านดูในหนังสือหรือพระไตรปิฎก ไม่ปรากฎว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย้อนกลับไปดูนะครับ จะมีก็แต่ผู้ที่มุ่งหวังที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตอธิฐานจิตต่อหน้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆจะรู้ถึงวารจิตก็จะตรวจดูบารมีของคนๆนั้น ถ้าคนๆนั้นบารมีเต็มเปี่ยมไม่โยกไม่คลอนแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงจะพยากรณ์ครับ เหมือนกับกระปุกออมสินเมื่อเต็มแล้ว เราคงไม่นึกกลับไปดูเงินบาทแรกเราหยอดเมื่อไหร่วันไหนหรอกจริงไหมครับ แต่เราคงจะคิดหาธนาคารที่จะฝาก หรือวิธีใช้เงินมากกว่า ฉันใดฉันนั้นครับ
- ทำได้ครับ ขึ้นอยู่ที่ความตั้งใจของคุณครับว่าคุณอยากเป็นพระพุทธเจ้าแบบไหน ถ้าคุณอยากเป็นแบบไหนก็อธิษฐานเน้นแบบนั้น
2.จากที่ดูมาพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะอธิษฐานจิตลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีให้เร็วยิ่งขึ้น แต่ถ้าสมมุติเราตั้งความปรารถนาจะเป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้าแล้วทำบุญมาหลายชาติแต่ว่าหลังจาก 20 อสงไขยกับอีกแสนมหากัปป์เรายังทำบารมีไม่เต็มเปี่ยมเราจะเปลี่ยนแบบไปเป็นพระศัทธาธิกพุทธเจ้าไหมครับ
3.หากเราตั้งความปรารถนาจะเป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้าแล้วอธิษฐานจิตรีบลงมาสร้างบารมีบ่อย เรามีโอกาสที่บารมีเต็มเร็วกว่า 20 อสงไขยกับอีกแสนมหากัปป์แล้วสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าเลยไหมครับ
- 2ข้อนี้ผมขอตอบรวมกันนะครับ ผมขออธิบายอย่างนี้นะครับ จำนวน20อสงไขยกับอีกแสนมหากัปนั้นเปรียบเสมือนระยะทางในการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมขอถามคุณ จขกท สักนิดสมมุติคุณเจ้าของกระทู้จะเดินทางจากกรุงเทพถึงเชียงใหม่ และจะเดินเป็นเส้นตรงจากจุดที่คุณอยู่ณ.ปัจจุบันลากเส้นตรงไปยังปลายทางซึ่งเป็นจุดใดจุดหนึ่งในเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวิธีเดิน วิ่ง ขับรถ ขึ้นรถไฟ หรือนั่งเครื่องบิน คุณ จขกท คิดว่าระยะทางจะเปลี่ยนแปลงไหมครับ คำตอบคือไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าคุณเจ้าของกระทู้ จะใช้วิธีไหนเดินทาง เร็วกว่าก็จริง แต่ระยะก็ไม่หดลงจริงไหมครับ ฉันใดฉันนั้น 20อสงไขยกับอีกแสนมหากัปนั้นเป็นระยะทางในการบำเพ็ญบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้คุณเจ้าของกระทู้จะเปลี่ยนวิธียังไงก็ไม่ทำให้ระยะทางหดลงได้หรอกครับ
4.เพราะเหตุใด พระตถาคตที่พยากรณ์พระโพธิสัตว์จึงต้องรอให้บารมีเต็มถึงจุดๆหนึ่งด้วยครับเพราะถ้าใช้พระสัพพัญญุตญาณ(เขียนถูกป่าวไม่รู้นะ)ก็น่าจำพยากรณ์ได้เลย
- เพราะบารมีเต็มเปลี่ยนจนมั่นใจว่าไม่มีอะไรมาสั่นคลอนจิตใจได้แล้วจึงได้พยากรณ์ไงครับ เหมือนกับการสร้างบ้าน ตอนที่เรายังสร้างไม่เสร็จเรายังสามารถที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ใช่ไหมครับ แต่เมื่อใดที่เราสร้างใกล้จะเสร็จจนเหลือแค่การเก็บลานละเอียดเล็กๆน้อยๆแล้ว เราไม่สามารถเปลี่ยนแบบได้อีกต่อไป เราถึงจะบอกว่า นี่สิบ้านของเรา จริงไหมครับ
5.หากเราอธิษฐานจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เวลาที่พระตถาคตจะพยากรณ์จะย้อนกลับไปดูเหรอครับว่า ตั้งจิตอธิษฐานไว้เมื่อไหร่ พูดออกมาเมื่อไหร่
- จากที่ผมอ่านดูในหนังสือหรือพระไตรปิฎก ไม่ปรากฎว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย้อนกลับไปดูนะครับ จะมีก็แต่ผู้ที่มุ่งหวังที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตอธิฐานจิตต่อหน้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆจะรู้ถึงวารจิตก็จะตรวจดูบารมีของคนๆนั้น ถ้าคนๆนั้นบารมีเต็มเปี่ยมไม่โยกไม่คลอนแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงจะพยากรณ์ครับ เหมือนกับกระปุกออมสินเมื่อเต็มแล้ว เราคงไม่นึกกลับไปดูเงินบาทแรกเราหยอดเมื่อไหร่วันไหนหรอกจริงไหมครับ แต่เราคงจะคิดหาธนาคารที่จะฝาก หรือวิธีใช้เงินมากกว่า ฉันใดฉันนั้นครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย