
ช่วยแนะนำผมที
#1
โพสต์เมื่อ 24 April 2008 - 12:57 PM
#2
โพสต์เมื่อ 24 April 2008 - 01:10 PM
ผมรู้ว่ามันยาก สำหรับการหักห้ามใจ เพราะมนุษย์เรายังเคยชินกับกามคุณทั้ง 5
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า กามเกิดเพราะความดำริ ฉะนั้นพยายามอย่าไปคิดถึงมัน
ให้คิดถึงโทษของกาม โทษของการครองเรือนให้มากๆ แล้วจะค่อยๆ ดีขึ้น
ช่วงนี้ก็ให้หากัลยาณมิตรมาประคับประคอง แล้วก็อยู่ห่างๆ สิ่งที่จะทำให้คิดถึงเรื่องความรัก
ห่างไปก่อนได้ก็ดีครับ วันใดตัดใจได้แล้วค่อยกลับมาเจอกันก็ยังไม่สายครับ
แล้วก็นั่งธรรมะให้มากๆ จะยิ่งช่วยให้ใจเราละจากเรื่องพวกนี้ได้ง่ายขึ้นครับ
เป็นกำลังใจให้นะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 24 April 2008 - 01:15 PM
การเป็นเพื่อนพี่น้องกันอ่ะดีคะ เป็นกัลยาณมิตรให้กันก็ดี แต่ต้องอย่าเผลอใจโดยเด็ดขาด มันอยู่ที่การวางตัวอ่ะคะ ทำได้มั๊ยล่ะคะ หากยังทำไม่ได้ หยุดก่อนเลย ถอยออกมาซะยังดีกว่า เพราะมันเสี่ยงมาก อีกฝ่ายเค้ามีครอบครัวแล้ว ถึงแม้คุณทั้งสองไม่คิดอะไรกัน ต่างสัญญากัน แต่ไม่มีอะไรรับรองได้เลยว่า จะไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้สิ่งไหนควรห่างก็ต้องห่างออกมาคะ ถึงแม้จะรักและห่วงใยกันจะมากจะน้อยแค่ไหน ทำใจยากแค่ไหน การที่คุณไปข้องแวะด้วย มันก็ย่อมนำมาซึ่งความระแวง ความไม่เป็นสุขในครอบครัวฝ่ายผู้หญิงได้นิคะ อันตรายน่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 24 April 2008 - 01:22 PM
- คำตอบคือ เพราะคุณไม่คิดจะลืมเนื่องจากส่วนลึกถูกกรรมกาเมบีบบังคับให้รู้สึกยังรู้สึกเสียดายอยู่ ให้หักดิบซะนะครับ เพราะไม่งั้นปัญหาทางใจอาจบานปลายได้
- มีส่วนครับ อาจเป็นเพราะกลับกาเมในอดีตยังมีผลอยู่
- เป็นข้อยืนยันได้ครับว่าใจคุณยังมีความกำหนัดยินดีในกามคุณอยู่ ทำให้ใจยังรวนเรอยู่ ควรหักดิบเสียแต่ตอนนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้
- ไม่ผิดครับ ขึ้นอยู่กับใจของคุณ จะเข้มแข็งไม่คิดเลยเถิดกับเขาได้ไหมเท่านั้น
- อันนี้ผมขอแค่เตือนแล้วกันนะครับ ว่าอย่าประมาท
อย่างอื่นผมไม่รู้นะครับ แต่จากประสบการณ์ของผม หญิงชายยิ่งได้ใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ จิตใจยิ่งแปรเปลี่ยนไปได้มากแค่นั้น แล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยความทุกข์ทุกคนไม่มียกเว้น หากยังไม่ได้ธรรมกายอรหัตน์ อย่าได้มั่นใจในสิ่งที่ตนคิดมากนะครับ อัตรายที่สุด
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#5
โพสต์เมื่อ 24 April 2008 - 01:22 PM
ให้ห่างกันไว้นะครับ อย่าติดต่อกัน
ไม่ต้องพบไม่เจอกันเลย
แต่ถ้าจำเป็นต้องพบปะกัน ก็ให้คุยน้อยที่สุดแล้วค่อยจากไป
ลองทำดูซัก 6 เดือน ก็จะเห็นผล วิธีนี้ ดีที่สุดครับ
#6
โพสต์เมื่อ 24 April 2008 - 02:10 PM
เคยได้ยินเคสสตัสดี้ทำนองนี้เหมือนกันนะคะ แต่จำไม่ได้ว่าเคสไหน แค่คิดก็ผิดแล้วนะค่ะ ใครหาเจอลิงค์ให้ จขกท. ทีค่ะ
"เกิดมาว่าจะหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำอะไร
ไอ้ที่อยากมันก็หลอก ไอ้ที่หยอกมันก็ลวง
ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย
เลิกอยากลาหยอก รีบออกจากกาม
เดินตามขันธ์สามเรื่อยไป
เสร็จกิจสิบหกไม่ตกกันดาร เรียกว่า นิพพานก็ได้"
เคยอ่านมาว่าเป็นเพลงที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ชอบร้องตอนเด็กๆน่ะค่ะ...ครูบาอาจารย์ของเรานี่สุดยอดจริงๆ....
#7
โพสต์เมื่อ 24 April 2008 - 04:26 PM
ต้องหักดิบ ตัดใจ "ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากคลายความผูกพัน" อย่างเดียวเท่านั้น พยายามอย่าไปคิด ยิ่งคิดยิ่งทุกข์ หาอะไรทำ คิดเรื่องอื่น สวดมนต์เยอะๆ ทำใจใสๆ ทำบ่อยๆผมว่ามันจะดีขึ้นเอง อยู่ที่ใจอย่างเดียวเท่านั้น มันยากมากแต่ต้องพยายามครับ...เป็นกำลังใจให้ครับ
#8
โพสต์เมื่อ 24 April 2008 - 07:29 PM
คุณกำลังจะเป็นกิ๊กกับเมียชาวบ้าน บาปครับ บาปมากๆ เป็นพี่น้องกันยากมากๆ
เพราะใจมันคิดแล้วว่ารักแบบชู้สาว ห่างกันเลย ห่างกันดีที่สุด
ไม่พบไม่เจอ ไม่คุย แล้วจะค่อยๆดีขึ้น
ที่คุณทำเป็นการไม่ให้เกียรติสามีเขา ฝ่ายหญิงก็ไม่ให้เกียรติสามีตัวเอง
ฝ่ายหญิงเป็นคนพาลครับ เป็นคนพาลแน่นอนเพราะ พาคุณทำผิดศีล ผิดธรรม
ที่ผิดศีลผมไม่รู้นะว่าพวกคุณทำผิดกันไหมเพราะคุณไม่ได้บอกว่าทำผิดกันถึงขั้นไหน
แต่ผิดธรรมนี่ผิดแน่นอนครับ
ทั้งที่ตัวเองรู้ว่ามีสามีแล้วยังไม่ห้ามใจตัวเองนี่เรียกคนพาล
โบราณว่าห่างคนพาลให้ห่างร้อยโยดพันโยด
ส่วนตัวคุณก็จะเป็นคนพาลด้วยเพราะไปยุ่งกับเมียชาวบ้าน
ก็จะอยู่ร้อนนอนทุกข์ไม่เป็นสุขหรอก
ดีไม่ดีอาจจะไม่ตายดีด้วยครับอาจถูกยิงตายก็ได้
ห่างกันนะครับ ห่างกันซะ แล้วชีวิตจะดีขึ้น ท่องเอาไว้นะครับ
เมียชาวบ้านเราไม่ยุ่ง เมียชาวบ้านเราไม่ยุ่ง
ถือเป็นการสร้างสันติภาพโลกด้วยนะครับ
ถ้าคุณยังไม่มีสันติสุข ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีสันติสุข สามีเขาสักวันก็รู้ก็ไม่มีสันติสุข
แล้วสันติภาพโลกจะเกิดได้ยังไงครับ
#9
โพสต์เมื่อ 24 April 2008 - 09:23 PM
ไม่ใช่เพื่อ "เอาเป็นข้ออ้างข้อแก้ตัว" ไว้สำหรับอนุโลมโอนอ่อนผ่อนตามใจตนเองในการทำไม่ดี
เพราะ "จิตใจของเราเอง" มีกำลังอำนาจในการบังคับตนเอง ให้ทำกรรมใหม่ที่ดี ต่อสู้เอาชนะ วิบากกรรมเก่าที่ชั่วได้
"กายหยาบ"ทรงพลังตรงจุดนี้ เช่น สร้างบุญใหม่รักษาศีล๕ศีล๘ เอาชนะ บาปเก่ากรรมกาเมหรืออธิษฐานผิดพลาด
บุญเก่าจำนวนมากกว่า ก็จะได้ช่องวิ่งนำส่งผลก่อน บาปเก่าจำนวนน้อยกว่า
ในที่สุดบาปเก่าก็จะเป็นอโหสิกรรมไปในชาติสุดท้าย
"ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน จะดีชั่วอยู่ที่ตัวเราเอง ทำอานิสงค์บุญใหม่ได้ อย่าโทษวิบากกรรมเก่าอย่างเดียว"
"ปลาเป็นว่ายทวนน้ำ คนเป็นว่ายทวนกระแสตัณหา"
"ว่าวต้านลมจึงลอยฟ้า คนต้านกิเลสจึงเหนือฟ้า"
#10
โพสต์เมื่อ 24 April 2008 - 11:05 PM
จากประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้เลยนะ..
เราผ่านมาแล้ว.. และพิษของมันยังเรื้อรังถึงทุกวันนี้..
ขอแนะนำให้ทั้งคู่เลย.. ไปซื้อ CD โทษของการผิดศีลกาเม มาดูซะเลย
เกี่ยวกับนรกขุม 3 ว่ามันแสนสาหัสอย่างไร..
จะได้เข็ดกลัว.. ไม่กล้าทำสิ่งที่ผิดต่อกัน
ถ้าเป็นไปได้.. ขอแนะนำให้ทั้งคู่.. หรือคนใดคนหนึ่ง..
รักษาศีล 8 ตลอดชีวิตไปเลย
จะดีที่สุด.. จริงๆนะ

ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#11
โพสต์เมื่อ 25 April 2008 - 09:26 AM
#12
โพสต์เมื่อ 25 April 2008 - 12:41 PM
ผลนั้นจะทำให้เกิดทุกข์นะครับ๐๐
#13
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 05:24 AM
ดิฉันเองก็ผ่านเหตุการณ์คล้ายๆ กับคุณมาก่อน และเข้าใจในความสับสนใจของคุณดี เรื่องรักๆ ใคร่ๆ มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตหรอก มันก็แค่เรื่องหนึ่งที่เราไปให้ความสำคัญกับมันมากเกินไปเท่านั้น ดิฉันแนะนำให้หักดิบเลิกติดต่อกับเธอ (ใจคุณก็คิดอยู่...แต่ก็กำลังหาข้ออ้างเพื่อสนับสนุนให้ได้พบเจอกับเธออีก) ที่คุณคิดนั้นมันเป็นแค่เรื่องสมมุติ สุขแบบทุกข์ๆ ที่คุณสมมุตินั้นจะสร้างวิบากกรรมให้ทั้งตัวคุณเองและเธอคนนั้น ตลอดจนคนรอบข้าง แล้วมันจะไม่ใช่แค่ศีลข้อ3เท่านั้นนะ ข้อง4 และ5ก็เสี่ยงเป็นอันมาก
ทุกข์จากการเลิกรา เวลาน่ะรักษาได้ อย่างน้อยคุณยังได้ชื่อว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทุกข์จากความผิดพลาดของเรานั้น แม้เวลาจะนานแค่ไหน มันก็จะกร่อนใจเราให้หมองเศร้า ทิ้งหนามแหลมคมอยู่ในมือของคุณซะเถอะ อย่ากำต่อไปเลย
#14
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 10:24 AM
#15
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 12:40 PM

#16
โพสต์เมื่อ 26 April 2008 - 01:46 PM
หวังว่าเมื่อบุญส่งผลจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น
แง่วๆๆ ทำมั๊ย?...ต้องรอบุญส่งผลล่ะคะ ข้ออ้างอีกแหละ
กรรมดีหรือชั่ว คือ การกระทำไม่ใช่เหรอคะ
บุญจะส่งหรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของคุณต่างหาก..
มันจะทรมาน ก็ ให้มันทรมานไป ให้รู้ไปว่า มันจะตายเพราะขาดเธอให้รู้ไป ลูกผู้ชายอกสามศอก
หากคุณจะตายเพราะขาดเธอคนนั้น คุณก็คงแย่เต็มทนแหละ
รู้ว่า... สิ่งเหล่านี้มันหักใจยากเอาการอยู่
แต่ทำมั๊ย?...หลายคนทำได้ ตัดใจได้
ไม่ใช่พวกเค้าไม่ทรมานจากการพรากจากคนรัก คิดดูน่ะคะ ตรองให้ดี..
หรือว่าคุณคงชอบใช้ชีวิตแบบเสี่ยงๆเหรอคะ หากชอบก็ทำไปคะ
หรือต้องรอให้เรื่องมันบานปลายก่อนเหรอไงคะ
ทุกข์ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ยังไม่สาแก่ใจเหรอ
ยังเจ็บปวดไม่พอเหรอ เอาให้หน่ำใจคะ
น้านๆๆ เอาเข้าไปคะคุณ ttt ความคิดตรงนี้มันจะตกในกลุ่มมิจฉาเหรอเปล่าคะ แล้วในความรู้สึกคุณจะมีสักครั้งมั๊ย?..นึกแวบๆ ว่า คุณอยากให้สองคนเค้าเลิกกัน คุณอ่ะอาจเป็นตัวแปรให้ครอบครัวเค้าแตกแยกได้เสมอ ๆ น่ะ...หากคุณห่างออกมาเสียซะตอนนี้ ตัดใจซะตอนนี้ ส่วนอนาคตเค้าอาจอยู่หรือเลิก ก็ค่อยว่ากันคะ แต่เมื่อคุณยังเกาะแกะอยู่อย่างนี้ เข้าข่ายมือที่ 3 มั๊ยน่ะ


คุณเลือกที่จะเจ็บปวดใจเอง โดยที่รู้ๆว่า ควรทำยังไงกะชีวิต ทำยังไงให้ทุกข์ให้เจ็บปวดน้อยลง
ทั้งที่รู้ควรทำแบบไหน แต่ตัดใจไม่ได้ ก็ทนต่อไปเถอะคะ ใครจะไปช่วยอะไรได้คะ
ให้กิเลสมันเล่นคุณไปเรื่อยๆ ระวังการถลำลึกจนถอนตัวไม่ได้ อันตรายคะ
หลายคนบอกความรักเป็นสิ่งสวยงาม จรรโลงโลก แต่รักแบบหนุ่มสาว ต้องถูกตามหลักวิชชาด้วย จริงเปล่าคะ
#17
โพสต์เมื่อ 28 April 2008 - 12:38 AM
คุณไม่รู้ คุณก็ไม่ผิด แต่ถ้าคุณยังให้โอกาสสานสัมพันธ์ต่อ แม้จะไม่ได้มีอะไรกันแล้ว คุณก็ประมาท
ยิ่งคุณหวังว่าจะได้พบกับเธอเพื่อสร้างบุญด้วยกัน นี่น่าจะเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อได้เจอกันอีก เป็นกำลังฝ่ายกิเลสตัว ราคะ
ยิ่งคุณคิดว่า สักวันเธออาจเลิกกับคนรักเพื่อมาอยู่กับคุณ แสดงว่า ใจคุณเป็นทาสราคะอยู่เต็มที่เลย
ถ้าทุกอย่างเป็นอยู่แค่ในใจ คงไม่บาปเท่าไร
ถ้าได้เผลอพลาดพลั้งไป มีสัมพันธ์กันเข้า ก็บาปไปแล้ว
หลวงพ่อสอนว่า อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด แล้วไม่คิดทำอีกเด็ดขาด หมั่นสั่งสมบุญทุกวัน
ถ้าคุณยังได้พบเจอกัน สิ่งที่จะตอกย้ำใจคุณ คงไม่พ้นเรื่องความสัมพันธ์ที่เป็นบาปนั้น จริงไหม แล้วจะลืมอดีตได้อย่างไร
ถ้าคุณสงสารเธอจริง รักเธอจริง พึงอย่าพบกันอีกเลย
หากเธอยังไม่เข้าใจกฎแห่งกรรม เธอก็แค่เสียใจที่ไม่เจอคุณอีก
แต่คุณคงไม่อยากฉุดดึงคนที่คุณว่า คุณรักเธอและสงสารเธอ ให้มาลงนรกด้วยกัน จริงไหม
แต่ถ้าเธอรู้เรื่องบาปนี้ แล้วเธอหวังจะพึ่งพาคุณให้ช่วยกันสร้างบุญให้พ้น
ทั้งๆ ที่เธอยังมีครอบครัวอยู่ แบบนี้ เรียกว่า มาร
รักเธอได้ รักแค่ในใจ เพราะรักแล้วรักไป แต่อย่าให้กำเริบจนไปเจอกันอีก
รักจริงแค่ไหน ทดลองไม่เจอกันสัก 3 เดือน หากใจคุณสงบลงได้ นั่นเรียกว่า รักเพราะความใกล้ชิด มิใช่รักแท้ ตัดได้ และสมควรตัดอย่างยิ่ง
ยังไงคุณก็บาปอยู่ดี ถ้าคุณยังคิดจะมีเธอมาเคียงข้าง ถามตัวเองเถิดว่าอยากไปไหน อยากให้มีภาพอะไรติดที่ใจตอนก่อนตาย
ตัดใจอาจเจ็บปวดมาก ก็ไม่ต้องตัดก็ได้ แต่ต้องลืมเธอให้เร็วที่สุด
ก็นั่งสมาธิไง กลั่นใจให้ใส กิเลสราคะจะไม่กำเริบแล้วจะมองเห็นชัดว่า ที่บอกว่ารักเธอนั้น เป็นเพราะกามราคะ หรือเป็นรักที่เกิดจากการเคยสร้างบุญมาด้วยกัน
แนะนำมาเท่านี้ก่อน ถ้าคุณทำได้ คุณก็เป็นคนดีคนหนึ่ง แม้เธอจะยังไม่เข้าใจก็ตาม มันไม่จำเป็นเลย
คุณไม่จำเป็นต้องมีความดีงามสำหรับเธอ หากเธอจะทำให้คุณผูกพันจนต้องไปอบายในที่สุด
ให้เธอคิดว่าคุณใจร้าย ยังดีกว่า คุณคิดว่าเธอน่าสงสาร แล้วความน่าสงสารของเธอทำให้คุณรู้สึกผิดและเป็นบาปตลอดไป เพราะคุณจะทำผิดซ้ำๆ
คิดดีดีนะ เราเตือนคุณแล้ว คุณไม่ควรรักใครมากไปกว่า "รักตัวเอง" ถ้าคิดรักตัวเองไม่ลง ก็คิดถึงพ่อแม่ที่ให้คุณมาเกิดก็ได้ ท่านจะทุกข์มากเท่าไร ถ้ารู้ว่า คุณมี "อบาย" เป็นที่ไปเพราะผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้วคนหนึ่งแบบนี้
ทางที่ดี คิดบวชให้ท่าน ก่อนที่คุณจะทำอะไรพลาดไปอีกจะดีกว่า
#18
โพสต์เมื่อ 28 April 2008 - 10:07 AM
แม้ว่าฝ่ายหญิงจะแอบไปเล่าลับหลังว่า สามีไม่สนใจเธอหรอกงู้นงี้ หรือเธอเองไม่ได้นอนกับสามี ไม่ได้รักสามีเลย จำใจแต่ง ฯลฯ ก็อย่าเพิ่งเชื่อเธอทั้งหมด เธออยากให้คุณรักเธอมากมาก ก็อาจมีมุสาบ้าง
เราเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว เชื่อเถอะ ผิดสาหัสเลยแหละ
ผู้หญิงหลายคนที่มีสามีอยู่แล้วมีนิสัยแบบนี้ อยากให้คนโสดมารัก รู้สึกดี รู้สึกมีเสน่ห์ สามีน่ะเค้าไม่มีวันทิ้งหรอก (หัวเด็ดตีนขาด เค้าแค่ต้มให้รักมากมากเท่านั้น) ช่วงนี้เค้าเห็นว่าคุณหลงรักจริงเค้าจะเริ่มเบื่อหน่ายสามีขึ้นมาบ้าง แต่เค้าไม่อยากเลิกหรอก
ในทางกลับกัน ถ้าคุณไปอยู่กับผู้หญิงที่มีจิตใจแบบนี้ และเธอพูดและทำอย่างนี้อีก(กับหนุ่มอื่น)คุณจะทำอย่างไร คุณรู้สึกอย่างไร สามีของเธอที่แต่งกันมา เธอยังทำได้
#19
โพสต์เมื่อ 02 May 2008 - 08:57 PM
มีลูกมีหลานต้องสอนให้เข้มแข็งแบบJeabka