เห็นพี่ๆในเว็บบอร์ดพูดกันว่าเทวดาในสวรรค์ชั้นอื่นๆไม่สามารถลงมาเกิดก่อนหมดบุญ มีดุสิตบุรีที่เดียวที่ที่สามารถลงมาเกิดได้ก่อนหมดบุญ
มหาเสนตอนเสวยบุญอยู่เมือง 33 ถูกพระอรหันต์ไปทูลขอพระอินทร์ให้เชิญจงมาจุติ ทีแรกก็บอกปฏิเสธ แต่พอเหล่าพระอรหันต์เล่าถึงภัยที่เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา ถึงยอมลงมา
ผมเลยไม่ค่อยเข้าใจครับ...ฝากพี่ช่วยอธิบายให้ฟังทีสิครับ
-ดุสิตบุรีลงมาเกิดก่อนหมดบุญกรรมด้วยการเลือกลงมาเกิดเอง หรือต้องรอไห้คนอื่นไปเชิญไหมครับ..?
-แล้วมหาเสนเทพบุตรอยู่แค่นคร 33 ทำไมถึงลงมาได้ครับ หรือว่าเป็นผังที่เขาวางไว้อยู่แล้ว...?
รบกวนพี่ๆช่วยอธิบายให้เข้าใจทีนะครับ...
ขอบคุณล่วงหน้าครับป๋ม..

การลงมาเองก่อนหมดกรรมกับถูกเชิญลงมาต่างกันไหมครับ
เริ่มโดย usr23719, Jun 17 2008 09:18 AM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 17 June 2008 - 09:18 AM
#2
โพสต์เมื่อ 17 June 2008 - 09:41 AM
สำหรับสวรรค์ชั้นอื่นๆ นั้น เวลาเขาไปเชิญ เขาจะดูว่า ใครใกล้ถึงคราวจุติจากสวรรค์ชั้นนั้นๆ แล้วด้วยน่ะครับ อย่างเช่น พระเวสสันดร ก่อนมาเกิดอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ครั้นเมื่อพระอินทร์ท่านเห็นว่า ถึงเวลาที่พระโพธิสัตว์ต้องจุติลงไปสร้างบารมีแล้ว (เพราะพระนางผุสดีแม่พระเวสสันดร ได้เคยขอพรกับพระอินทร์ไว้ ตอนนางยังเป็นเทพธิดาว่า อยากมีลูกที่มีใจกรุณาในการให้ทาน ครั้นพอพระนางผุสดีเกิด และโตเป็นสาว จนแต่งงาน พระอินทร์ก็เห็นว่า ถึงเวลาที่จะต้องไปอัญเชิญพระโพธิสัตว์มาเกิด)
ประกอบกับพระอินทร์เห็นว่า พระโพธิสัตว์ใกล้ถึงคราวหมดอายุจากชั้นดาวดึงส์แล้ว(หมดอายุ แต่บุญยังไม่หมดนะครับ) คือ ใกล้ต้องจุติแล้ว จึงไปเชิญลงมาครับ (ศึกษาเรื่องได้จากทศชาติชาดก พระเวสสันดรครับ)
เหตุึการณ์นี้จะแตกต่างจากหลังจากตอนที่พระเวสสันดรสร้างบารมีจนเปี่ยมล้นจนได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว ต่อมาท้าวสันตดุสิต ได้มานิมนต์ให้ลงมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ตอนนั้น พระโพธิสัตว์ไม่ได้หมดอายุ แต่สามารถทำสมาธิแล้วอธิษฐานจิตจุติจากชั้นดุสิต ลงมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะได้ครับ
สองกรณีนี้ต่างกันนะครับ พอเข้าใจมั้ยครับ
ประกอบกับพระอินทร์เห็นว่า พระโพธิสัตว์ใกล้ถึงคราวหมดอายุจากชั้นดาวดึงส์แล้ว(หมดอายุ แต่บุญยังไม่หมดนะครับ) คือ ใกล้ต้องจุติแล้ว จึงไปเชิญลงมาครับ (ศึกษาเรื่องได้จากทศชาติชาดก พระเวสสันดรครับ)
เหตุึการณ์นี้จะแตกต่างจากหลังจากตอนที่พระเวสสันดรสร้างบารมีจนเปี่ยมล้นจนได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว ต่อมาท้าวสันตดุสิต ได้มานิมนต์ให้ลงมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ตอนนั้น พระโพธิสัตว์ไม่ได้หมดอายุ แต่สามารถทำสมาธิแล้วอธิษฐานจิตจุติจากชั้นดุสิต ลงมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะได้ครับ
สองกรณีนี้ต่างกันนะครับ พอเข้าใจมั้ยครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#3
โพสต์เมื่อ 17 June 2008 - 09:57 AM
อ้อ...ครับเข้าใจแล้วครับ
แล้วแบบนี้ทุกท่านที่อยู่ดุสิตบุรี แต่ละท่านก็มีบุญเยอะพอๆที่จะนั่งเข้าสมาธิอธิฐานลงมาได้เลยสิครับ
แต่ก็ยังมีการไปเชิญลงมาทุกองค์เลยใช่ไหมครับ...
มีแบบว่าคิดอยากจะลงมาสร้างบารมีต่อแล้วนั่งอธิฐานลงมาเลย โดยไม่ต้องไห้ใครไปเชิญมีไหมครับ
แล้วแบบนี้ทุกท่านที่อยู่ดุสิตบุรี แต่ละท่านก็มีบุญเยอะพอๆที่จะนั่งเข้าสมาธิอธิฐานลงมาได้เลยสิครับ
แต่ก็ยังมีการไปเชิญลงมาทุกองค์เลยใช่ไหมครับ...
มีแบบว่าคิดอยากจะลงมาสร้างบารมีต่อแล้วนั่งอธิฐานลงมาเลย โดยไม่ต้องไห้ใครไปเชิญมีไหมครับ
#4
โพสต์เมื่อ 17 June 2008 - 10:11 AM
มีครับ ก็หมู่คณะของพระเดชพระคุณหลวงปู่ และหมู่คณะของพระเดชพระคุณหลวงพ่อไงล่ะครับ ที่ตั้งใจลงมาสร้างบารมีในยุคกึ่งพุทธกาล
อีกประการหนึ่ง แม้อยู่บนสวรรค์ชั้นอื่นๆ ถ้าหากอยากลงมาก่อนเวลาหมดอายุ ก็สามารถทำได้ครับ แต่ค่อนข้างเสี่ยงกับจิตใจเศร้าหมองครับ นั่นคือ
การอดอาหารทิพย์
การแสดงอารมณ์โกรธออกมา
อีกประการหนึ่ง แม้อยู่บนสวรรค์ชั้นอื่นๆ ถ้าหากอยากลงมาก่อนเวลาหมดอายุ ก็สามารถทำได้ครับ แต่ค่อนข้างเสี่ยงกับจิตใจเศร้าหมองครับ นั่นคือ
การอดอาหารทิพย์
การแสดงอารมณ์โกรธออกมา
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#5
โพสต์เมื่อ 17 June 2008 - 10:43 AM
อยากจะอุปมาสักนิด สมมุติว่าคุณจขกท.มีสมบัติมากมายได้ชื่อว่าเป็นอภิมหาเศรษฐีของโลก อยากถามว่าหากคุณเจ้าของกระทู้คิดอยากจะสละสมบัตินี้แล้วลงไปอยู่ในสลัมใช้ชีวิตแบบคนยากจน คุณจขกท.คิดว่าทำได้ไหมครับ แน่นอนผมว่าคุณจขกท.ต้องทำได้แน่ถูกไหมครับ แต่จะอยากทำหรือเปล่าเท่านั้น มีเงินมีทองรํารวยอยู่แล้วจะไปทำตัวให้ลำบากทำไม ทั้งที่จะทำก็ทำได้ แต่สู้เราอยู่สุขสบายไปจนวันหมดอายุขัยเลยดีกว่า ผมมั่นใจว่าคุณเจ้าของกระทู้คิดอย่างนี้จริงไหมครับ
ฉันใดฉันนั้น ชาวสวรรค์ก็คงคิดแบบเดียวกับเราน่ะครับ มีชีวิตสุขสบายอยู่บนสวรรค์อยู่แล้วจะรีบลงมาลำบากบนโลกมนุษย์ทำไม ดังนั้นชาวสวรรค์จะจุติลงมาได้ก็มีแค่3กรณีเท่านั้น คือ 1.หมดอายุขัย 2. จิตเศร้าหมอง (ตามที่พี่หัดฝันกล่าวไว้) และ3. ถูกเชิญลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมี (เฉพาะผู้ที่มีบารมีมากจะได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือผู้ที่ถูกพยากรณ์แล้ว)
ด้วยปัญญาอันน้อยนิดของผม ผมคิดว่าหมู่คณะของเราไม่ได้ถูกเชิญลงมาหรอกครับ นอกเสียจาก อืม ... ไม่พูดดีกว่า คนอื่นๆอย่างพวกเราที่บารมียังอ่อนอยู่คงอยู่ในประเภทรอหมดอายุขัยก่อนน่ะครับ ถ้าหมู่คณะของเราบารมีมากถึงขนาดมีผู้มาเชิญล่ะก็ เราคงได้อยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและกลับพร้อมหลวงปู่ไปนานแล้วจริงไหมครับ
ตัวผมยังเสียใจมาจนเดี๋ยวนี้ มัวแต่หลงในความสบายเลยลงมาเกิดช้าไป หลวงปู่ท่านไปแล้วผมพึ่งลงมาเกิด T T (ให้กำลังใจตัวเองได้ดีแท้ เหอๆๆ ^ ^" )
ฉันใดฉันนั้น ชาวสวรรค์ก็คงคิดแบบเดียวกับเราน่ะครับ มีชีวิตสุขสบายอยู่บนสวรรค์อยู่แล้วจะรีบลงมาลำบากบนโลกมนุษย์ทำไม ดังนั้นชาวสวรรค์จะจุติลงมาได้ก็มีแค่3กรณีเท่านั้น คือ 1.หมดอายุขัย 2. จิตเศร้าหมอง (ตามที่พี่หัดฝันกล่าวไว้) และ3. ถูกเชิญลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมี (เฉพาะผู้ที่มีบารมีมากจะได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือผู้ที่ถูกพยากรณ์แล้ว)
ด้วยปัญญาอันน้อยนิดของผม ผมคิดว่าหมู่คณะของเราไม่ได้ถูกเชิญลงมาหรอกครับ นอกเสียจาก อืม ... ไม่พูดดีกว่า คนอื่นๆอย่างพวกเราที่บารมียังอ่อนอยู่คงอยู่ในประเภทรอหมดอายุขัยก่อนน่ะครับ ถ้าหมู่คณะของเราบารมีมากถึงขนาดมีผู้มาเชิญล่ะก็ เราคงได้อยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและกลับพร้อมหลวงปู่ไปนานแล้วจริงไหมครับ
ตัวผมยังเสียใจมาจนเดี๋ยวนี้ มัวแต่หลงในความสบายเลยลงมาเกิดช้าไป หลวงปู่ท่านไปแล้วผมพึ่งลงมาเกิด T T (ให้กำลังใจตัวเองได้ดีแท้ เหอๆๆ ^ ^" )
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#6
โพสต์เมื่อ 17 June 2008 - 03:08 PM
พระเวสสันดรสร้างบารมีจนเปี่ยมล้นจนได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว ต่อมาท้าวสันตดุสิต ได้มานิมนต์ให้ลงมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ
จำได้ว่า ก่อนอธิษฐานจิตมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ พระบรมโพธิสัตว์ท่านเป็นท้าวสันตดุสิต แล้วพระพรหมไปกราบทูลอาราธนาให้มาเกิดเพื่อโปรดสัตว์มิใช่หรือคะ เอ! หรือว่าตัวเองจำผิด ถ้าจำผิดก็ขออภัยนะคะ และรบกวนผู้ที่มีข้อมูลแน่ชัดช่วยให้ความรู้ด้วยนะคะ
ขออนุโมทนาบุญค่ะ
หัดฝันเขียน
ขออภัยครับ คุณ chatkaew ผมจำข้อมูลสับสน ที่ถูกต้องเป็นอย่างที่คุณว่ามาครับ คือ ท่านเป็นท้าวสันตดุสิต และพรหมไปทูลเชิญ ขอบคุณที่ช่วยแก้ข้อมูลให้ครับ
จากหัดฝัน
จำได้ว่า ก่อนอธิษฐานจิตมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ พระบรมโพธิสัตว์ท่านเป็นท้าวสันตดุสิต แล้วพระพรหมไปกราบทูลอาราธนาให้มาเกิดเพื่อโปรดสัตว์มิใช่หรือคะ เอ! หรือว่าตัวเองจำผิด ถ้าจำผิดก็ขออภัยนะคะ และรบกวนผู้ที่มีข้อมูลแน่ชัดช่วยให้ความรู้ด้วยนะคะ
ขออนุโมทนาบุญค่ะ
หัดฝันเขียน
ขออภัยครับ คุณ chatkaew ผมจำข้อมูลสับสน ที่ถูกต้องเป็นอย่างที่คุณว่ามาครับ คือ ท่านเป็นท้าวสันตดุสิต และพรหมไปทูลเชิญ ขอบคุณที่ช่วยแก้ข้อมูลให้ครับ
จากหัดฝัน
#7
โพสต์เมื่อ 17 June 2008 - 03:55 PM
อนุโมทนาพี่หัดฝันและคุณ เคยเข้าวัด อุปมา อุปมัยได้ดี น่าสนใจเสมอครับ
มีความรู้เสริมจากกระทู้
สวรรค์ 6 ชั้นฟ้า, มีอะไรพิเศษที่แตกต่างจากชั้นอื่นบ้าง
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3624
ดังนี้ครับ
สวรรค์ชั้น 4 ความพิเศษคือ สามารถทำสมาธิอธิษฐานจิตขอจุติเมื่อไรก็ได้ วิธีนี้มีข้อดีคือ ทำให้เลือกช่วงเวลาที่จะลงมาสร้างบารมีได้อย่างเหมาะสม ไม่เผลอไปเกิดในช่วงกลียุค เพราะดันหมดบุญพอดี อีกทั้งเวลาที่จุติลงมาก่อน บุญบารมีก็ยังมีอยู่ วิมาณก็ยังอยู่ ผิดกับชั้นอื่นๆ ที่จุติลงมาเพราะหมดบุญ วิมาณก็หายหมด เหล่าพระโพธิสัตว์จึงมักเลือกมาอยู่ชั้นนี้
มีข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ แม้จะเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ถ้าอยู่ในสวรรค์ชั้นอื่นก็ไม่สามารถอธิษฐานจุติก่อนเวลาได้ครับ
นักเรียนอนุบาล หัดฝัน
สวรรค์ชั้น ๔ มีความพิเศษคือ สามารถทำสมาธิอธิษฐานจิตขอจุติเมื่อไรก็ได้
การทำเช่นนี้เรียกว่า "การทำอธิมุตติกาลกิริยา" ครับ (อยู่ในวิสัยของเทวดาที่เป็นบรมโพธิสัตว์แต่เพียงเท่านั้นนะครับ เทวดาเหล่าอื่นมิอาจที่จะกระทำได้)
สามารถกระทำกิจดังกล่าวได้ทั้งนิยตโพธิสัตว์และอนิยตโพธิสัตว์ครับ
มีข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ แม้จะเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ถ้าอยู่ในสวรรค์ชั้นอื่นก็ไม่สามารถอธิษฐานจุติก่อนเวลาได้ครับ
ถูกต้องครับ ต้องเป็นบรมโพธิสัตว์ (นิยตโพธิสัตว์และอนิยตโพธิสัตว์) ที่จุติเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตแต่เพียงเท่านั้น ขอบคุณพี่หัดฝันมากๆ เลยนะครับที่ช่วยเสริมให้
นักเรียนอนุบาล ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี
มีความรู้เสริมจากกระทู้
สวรรค์ 6 ชั้นฟ้า, มีอะไรพิเศษที่แตกต่างจากชั้นอื่นบ้าง
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3624
ดังนี้ครับ
สวรรค์ชั้น 4 ความพิเศษคือ สามารถทำสมาธิอธิษฐานจิตขอจุติเมื่อไรก็ได้ วิธีนี้มีข้อดีคือ ทำให้เลือกช่วงเวลาที่จะลงมาสร้างบารมีได้อย่างเหมาะสม ไม่เผลอไปเกิดในช่วงกลียุค เพราะดันหมดบุญพอดี อีกทั้งเวลาที่จุติลงมาก่อน บุญบารมีก็ยังมีอยู่ วิมาณก็ยังอยู่ ผิดกับชั้นอื่นๆ ที่จุติลงมาเพราะหมดบุญ วิมาณก็หายหมด เหล่าพระโพธิสัตว์จึงมักเลือกมาอยู่ชั้นนี้
มีข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ แม้จะเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ถ้าอยู่ในสวรรค์ชั้นอื่นก็ไม่สามารถอธิษฐานจุติก่อนเวลาได้ครับ
นักเรียนอนุบาล หัดฝัน
สวรรค์ชั้น ๔ มีความพิเศษคือ สามารถทำสมาธิอธิษฐานจิตขอจุติเมื่อไรก็ได้
การทำเช่นนี้เรียกว่า "การทำอธิมุตติกาลกิริยา" ครับ (อยู่ในวิสัยของเทวดาที่เป็นบรมโพธิสัตว์แต่เพียงเท่านั้นนะครับ เทวดาเหล่าอื่นมิอาจที่จะกระทำได้)
สามารถกระทำกิจดังกล่าวได้ทั้งนิยตโพธิสัตว์และอนิยตโพธิสัตว์ครับ
มีข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ แม้จะเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ถ้าอยู่ในสวรรค์ชั้นอื่นก็ไม่สามารถอธิษฐานจุติก่อนเวลาได้ครับ
ถูกต้องครับ ต้องเป็นบรมโพธิสัตว์ (นิยตโพธิสัตว์และอนิยตโพธิสัตว์) ที่จุติเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตแต่เพียงเท่านั้น ขอบคุณพี่หัดฝันมากๆ เลยนะครับที่ช่วยเสริมให้
นักเรียนอนุบาล ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี
#8
โพสต์เมื่อ 17 June 2008 - 05:46 PM
สุดยอด..ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับ
ความรู้เพิ่มอีก....
ความรู้เพิ่มอีก....
#9
โพสต์เมื่อ 18 June 2008 - 11:26 AM
ขอบคุณมากครับอ่านแล้วรู้สึกปลื้มมากเลยครับ