โครงการอะไรกันนี่
#1
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 09:51 PM
#2
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 09:59 PM
ผมแนะนำว่า ให้ นักเรียนอนุบาล บุญโต แนะนำให้ลูกสาว ชวนเพื่อนๆไม่ตบยุงกันทั้งห้อง
(เหมือนอายะขัดขืน 555+ ) พอคุณครูถามก็ตอบกันเป็นเสียงเดียวกันว่า "บาป ผิดศีล ข้อ 1"
เอาให้คุณครูอึ้ง !!! สุดๆไปเลยครับ คราวนี้ล่ะ สนุกแน่... คุณครูต้องอายนักเรียนแน่ แม้อายุยังน้อยยังคิดไ้ด้...
*** ผมเชียร์นะครับ แนะนำลูกสาวให้ชวนเพื่อนๆเลยครับ เด็กๆมักตามกันง่าย ยิ่งด้วยเรื่องแบบนี้แล้ว ไม่ยากครับ ***
เอาใจช่วยครับ อย่าไปยอม !!! สู้ๆ สู้ๆ สู้ต่อไป.... วีรบุรุษ วีรสตรี ที่โลกต้องการ...
#3
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 10:16 PM



#4
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 10:42 PM

#5
โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 11:22 PM
ขอเพิ่มเติมแนวทาง
1st
ลองคุยกับ มารดา บิดา ผู้ปกครอง ท่านอื่น ๆ ด้วยนะครับ
เพื่อหาแนวร่วม , ระดมสมอง หาวิธีไปชี้แจงกับคุณครู
เจ้าของโครงการ ปลูกฝังนิสัยอำมหิต
ถ้าคุณครูเจ้าของโครงการ ไม่เข้าใจ ไม่ล้มเลิกโครงการ และยังบังคับให้ร่วมโครงการ
2nd
แนะนำให้คุณ บุญโต ลองแวะไปที่ชมรมครูแก้ว , คุรุรัตน์ เพื่อปรึกษาขอคำแนะนำ
แล้วนำไปปรึกษา (คัดค้าน)คุณครูเจ้าของโครงการฯ
3 rd
ขอให้ครูแก้ว เช่น คุณครู ถาวร ชัยจักร
ไปเป็นกัลยาณมิตร ปลูกฝังสัมมาทิฏฐิให้คุณครูเจ้าของโครงการ
ถ้าคุณครูเจ้าของโครงการ ไม่เข้าใจ ไม่ล้มเลิกโครงการ และยังบังคับให้ร่วมโครงการ
4th
ไม่ต้องเข้าร่วมโครงการ อย่างที่คุณ Bruce Wayne แนะนำไว้ดีแล้ว
อย่าถึงกับต้อง ร้องเรียนถึงคุณครูผู้บริหารโรงเรียน เลยครับ
เฮ้อ ! น่าสลดใจนะครับ ที่คุณครู บางท่านในยุคนี้ มีแนวความคิดแก้ปัญหาให้นักเรียน
ด้วยวิธีปลูกฝังนิสัยแก้ปัญหาด้วยความก้าวร้าว รุนแรง วิธีแตกหัก ให้ลูกหลาน ยุวชนไทย
ที่จริงถ้าโครงการนี้ ทำจริง
ที่สมควรน่าสงสาร มากที่สุด คือ คุณครูเจ้าของโครงการอำฯ ครับ
ป.ล.
ยินดีต้อนรับ คืนสู่เหย้า ครับ

ทำให้นึกถึงเพื่อนร่วมรุ่น ที่เคยตอบกระทู้บ่อย ๆ อีกหลายคนนะครับ เช่น
พี่พักผ่อน SmilingCat พี่เถลิงเกียรติ พี่koonpatt พี่สาคร
MiraclE...DrEaM xlmen เป็นหนึ่ง Peacefulness ™ ท่านต้นฯ omena bog-bog ฯล
#6
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 08:48 AM
อยากกราบเรียนคุณครูท่านนั้นลองฟังคำของพระเดชพระคุณหลวงปู่สด จันทสโร ในเทปมรดกธรรมน่ะค่ะ
หลวงปู่พูดว่าทุกกาย ไม่ว่าตัวอะไร มีอายตะของคนอยู่แต่เค้าอยู่ในรูปกายที่ไม่สามารถสื่อกับเราได้ทั้งนั้น (ทุกอย่างภายนอกถูกบังคับไว้ด้วยรูปกายภายนอกน่ะค่ะ) หยืยมากเลยนะคะ ถ้าฆ่าเค้าน่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นมดปลวกตัวน้อย นะคะ
กราบโมทนาสาธุ กับทุกท่านนะคะ
#7
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 09:53 AM
ถ้าเป็นผม หากผมมีลูกแล้วเรียนอยู่โรงเรียนนี้ ผมยอมหาที่เรียนใหม่ให้ลูกดีกว่าให้เรียนอยู่ที่เก่าครับ เพราะครูโรงเรียนนี้ไม่มีคุณสมบัติพอสอนให้ลูกผมเป็นคนดีได้แน่
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#8
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 11:48 AM
ครูอาจารย์ที่นั่นเป็นเทวบุตรมารไปแล้ว พาลูกสาวลาออกมาเถอะ..
ก็เหมือนกับเจ้าของบริษัทเก่าที่เราลาออกมา นั่นก็เทวบุตรมาร เราเลยลาออกทันที..
เพราะอะไร เพราะไม่งั้นจะมีวิบากกรรม คบคนชั่วเป็นมิตร ไง..
เพราะหากเราเปลี่ยนเขาไม่ได้ และเขามีอิทธิพลกับเรา หรือลูกสาวเราโดยตรง
การอยู่ร่วมกันจะต้องมีการชวนกันทำกิจกรรมต่างๆที่เป็นมิจฉาทิฎฐิ
และการอนุโมทนาบาปอยู่ในนั้นตลอดเวลาของการอยู่ร่วมกัน..
ดังนั้น หากเปลี่ยนเขาไม่ได้.. เราควรปลีกตัวออกมาจะดีที่สุด..

ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#9
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 12:54 PM
#10
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 01:17 PM
เพราะการสอนให้คนทำสิ่งที่ผิดๆ นั้น ย่อมมีผู้ไปทำตามสิ่งที่ผิดๆ นั้นเป็นวงกว้าง กระแสบาปจะขยายตัวไป และหากคำสอนยังคงเผยแผ่ไปเรื่อยๆ กระแสบาปก็จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ บาปก็จะตามสนองผู้เป็นต้นคิดสอนคำสอนที่ผิดๆ นั้นไปเรื่อยๆ จะกว่าคำสอนจะมลายไป
โอ้การสอนให้คนสร้างบาปสร้างกรรมนี่ น่ากลัวยิ่งนัก
#11
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 01:40 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#12
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 02:50 PM
#13
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 04:48 PM
#14
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 06:00 PM
เป็นเรื่องของ--องค์คุลีมาลย์--ที่ถูกอาจารย์สอนสั่งว่า "ถ้าฆ่าผู้คนให้มากๆ (ยิ่งมากยิ่งดี) เธอก็จะได้เรียนวิชาสุดยอดจากเราผู้เป็นอาจารย์ของเธอได้ในไม่ช้า" ทั้งๆที่รู้ว่านี่เป็นเรื่อง non-sense มากๆ แต่ด้วยความเคารพในอาจารย์ และกอปรอยากได้สุดยอดวิชาตามที่อาจารย์กล่าวอ้าง องค์คุลีมาลย์จึงไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อยในการฆ่าผู้คนอย่างผักอย่างปลา
ฆ่าคนแล้วฆ่าคนเล่า จนลืมนับไปว่าได้ลงมือฆ่าไปกี่ศพแล้ว "ไม่เป็นไร เริ่มนับใหม่ ก็เริ่มฆ่ากันใหม่ก็ได้ ที่แล้วก็แล้วไป" ว่าแล้วหลังปลิดชีพเหยื่อ ก็ตัดเอานิ้วเหยื่อมาร้อยสายห้อยคอ สบายใจเฉิบ ทำเยี่ยงนี้ จากเดือนเป็นปี จากปีเป็นหลายๆปี
เดชะบุญ บุญเก่าของท่านมาถึงพอดิบพอดี กอปรกับจิตใจท่านมิได้อำมหิตอย่างที่ท่านลงมือกระทำ แต่ทำไปเพราะไม่กล้าขัดคำสั่งอาจารย์ เช้านั้นท่านจึงอยู่ในข่ายพระญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะได้บรรลุธรรม
นี่แหละครับที่เล่าซะยาวยืด ก็ต้องการชี้ให้เห็นเหตุที่มา-ที่ไป และเป็นอุทาหรณ์สนับสนุนข้อความเจ้าของกระทู้นี้ด้วยใจเคารพครับ สวัสดีครับ
ไฟล์แนบ
#15
โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 06:26 PM
หากเจ้าของโครงการรับฟังและยกเลิกโครงการ ก็จะได้อานิสงส์ในการเป็นกัลยาณมิตรให้ผู้อื่นด้วยนะคะ แต่หากยังดื้อดึง ค่อยจัดการวิธีการที่เข้มข้นขึ้น
(โดยส่วนตัวคิดว่า เจ้าของโครงการคงแค่ต้องการให้มีการทำกิจกรรมที่อินเทรนด์ แต่ไม่ทราบหรือไม่ทันได้นึกถึงผลกระทบด้านอื่นๆ ค่ะ)
#16
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 01:01 AM
ทำไมไร้ปัญญาจัง ทั้งอำเภอเลย .......
น่าจะสอนให้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์แทน ที่ไหนมีน้ำขังก็ให้เททิ้งเสีย ..... ดูจะเป็นปัญญาชนมากกว่า
บ่มเพาะวิธีแก้ปัญหาแบบนี้ อีกหน่อย เด็กโตเป็นผู้ใหญ่ จะชอบแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และใช้วิธีการรุนแรง ถ้าไปเป็นตำรวจ ก็ วิสามัญ ลูกเดียว
#17
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 08:25 AM
มะตอนเด็กๆเคยเลี้ยงปลากัด สังหารยุงไปหลายตัวเหมือนกันเพียงเพื่อเอาไปเลี้ยงปลากัดแค่ตัวเดียว สิ้นคิดเหมือนกันเรา - -"
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#18
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 10:13 AM
โอ้ !! นี่ หรือ เมือง พุทธ -*-
#19
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 10:17 AM
แต่ ณ วันนี้ ที่เข้าใจเรื่องต่างๆ แล้ว พอคิดอีกที อืมมน่าสงสารนะคะ ทั้งผู้ที่สอนและผู้ที่ถูกสอน ความเห็นผิด ทัศนะคติผิดๆ เกิดขึ้นได้ทุกที่จริงๆ
เอาใจช่วยด้วยนะคะ ถ้าคิดตั้งใจรักษาศีลไม่ให้ขาด เดี๋ยวกุศลจิตที่เกิดขึ้น ย่อมส่งผลให้เกิดแนวทางการแก้ไขได้เองล่ะค่ะ
ขออนุญาติเล่าเรื่องตัวเองนะคะ
คือปลูกต้นไม้ และก็ตั้งใจรักษาศีล5 ไม่ให้ขาด และศีล 8 ให้ได้แยะๆ
ทีนี้มีเจ้าพวกแมลงเล็ก มากัดกินต้นไม้ พวกเพลี้ย ไรแดง เพลี้ยแป้ง แรกๆ ที่ยังไม่ตั้งใจรักษาศีลมากๆ ก็เอาน้ำผงซักฟอก ไปฉีดไ่ล่มัน มันก็หายไป ..แต่ก็ยังไม่หมด
สุดท้ายมีคนแนะนำให้เอา white oil ไปฉีดเพื่อป้องกันแมลง(ได้ความรู้เพื่อนที่ไปพนาวัฒน์) ...ซึ่งตอนนี้ตั้งใจรักษาศีลแล้ว
ก็พยายามห้ามใจ จนสุดท้ายทำใจได้ ไม่แม้แต่เอา white oil ไปฉีดมัน (white oil ไม่ได้ฆ่ามัน แค่ไล่ และทำให้แมลงไม่ชอบมากัดกินใบ แต่เพื่อนบอกว่าตอนฉีดถ้า white oil มาโดนผิดหนังคนฉีด อาจจะเกิดอาการแสบๆ คันๆ ได้ ก็เลยหักห้ามใจยังไม่ฉีด white oil กลัวจะไปทำมันเจ็บ หรืออาจตายได้)
ก็พยายาม หักห้ามใจ นึกถึงศีลที่เราพยายามรักษา จะให้มาขาดเพียงแค่เพลี้ยมารังควานต้นไม้ นึกถึงพระบรมโพธิสัตว์พระชาติที่เป็นพญานาค ที่พยายามรักษาศีลสุดชีวิต แล้วแค่นี้เรายังทำไม่ได้เหรอ แค่แมลงมากัดต้นไม้ เราไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ปวด แมลงมันไม่ได้มาเอาชีวิตเรา
ก็ทำให้หักห้ามใจได้ ปล่อยมันไป ถ้ามันจะทำให้ต้นไม้ตายหมด ก็คงต้องทำใจยอมรับ
สุดท้ายจนถึงวันนี้ ประมาณสองเดือนแล้ว
ต้นไม้ก็ยังอยู่ และรู้สึกว่าพวกเพลี้ย พวกแมลงที่ว่าก็มารบกวนต้นไม้น้อยลง แม้จะยังมีมารบกวน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ต้นไม้แคระเกร็นอีกแล้ว
อานิสงค์แห่งความตั้งใจในการรักษาศีล คงมีอยู่จริงๆ หนทางที่จะไปยังเป้าหมายคงมีอยู่จริงๆ เพียงแค่ตั้งใจมั่นและแน่วแน่เท่านั้น
ขอเอาใจช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่างบัวไ่ม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่นนะคะ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#20
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 11:13 AM
นั่นคือ ในอดีต ประเทศไทย เคยออกนโยบายรับซื้อลูกน้ำจากชาวบ้านในราคาสูง เพื่อลดจำนวนยุงครับ ปรากฏว่า เมื่อประกาศนโยบายได้ประมาณ 1-2 เดือน เหมือนจะได้ผลอย่างยิ่ง เพราะปริมาณยุงลดลงอย่างรวดเร็วครับ ผู้ออกนโยบายก็ Happy นึกว่า ประสบความสำเร็จ
แต่ที่ไหนได้ พอผ่านไป 3-4 เดือน ปริมาณยุงที่ลดลงไปเรียบร้อยแล้ว ก็ทวีจำนวนเพิ่มขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว ทางผู้บริหารประเทศก็งงมาก จึงให้ไปตรวจสอบรายละเอียด ในที่สุดก็ค้นพบข้อเท็จจริงครับว่า
ตอนแรกๆ ชาวบ้านก็ช่วยกันจับลูกน้ำมาขายรัฐบาลในราคาสูงพิเศษ จนลูกน้ำลดลงไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็ Happy แต่ครั้นพอไม่มีลูกน้ำให้จับ แต่รายได้ดี ทำอย่างไรล่ะทีนี้
ก็เลยมีชาวบ้านหัวใส(ความจริงไม่ใช่หัวใสครับ เขาเรียกหัวโลภ) เพาะลูกน้ำก็มาใหม่ เอามาขายรัฐบาล คราวนี้เพาะกันทั้งประเทศ รัฐบาลเจอไม้นี้เข้า เลยยกเลิกมาตรการนี้ไปเสียไงล่ะครับ
ไม่แน่นะ หากครั้งนี้ให้รางวัลเด็กตบยุง เกิดให้รางวัลสูงมากๆ อาจมีเด็กหัวใส เพาะยุงก็มากันมากๆ เพื่อจะได้มีไว้ให้ตบเอารางวัลจำนวนมากๆ ถึงตอนนั้น ผู้ออกนโยบายจะหนาวครับ
#21
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 12:18 PM
เป็นแบบใช้ไฟฟ้า ใส่น้ำลงไปใส่น้ำมันหอมระเหยกลิ่นตะไคร้หอมลงไปหน่อย แล้วก็เปิด อย่างพวก isukoshi ก็ไม่แพง





#22
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 05:45 PM
#23
โพสต์เมื่อ 26 June 2008 - 11:22 PM
#24
โพสต์เมื่อ 27 June 2008 - 08:55 AM
การไม่ให้ความสำคัญแก่ชีวิตสัตว์ขนาดเล็ก มันจะทำให้จิตใจเรากระด้าง โกรธง่าย สำคัญตนเองว่าเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตายชีวิตสัตว์ (ขนาดเล็ก)ได้ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด
ก่อนจะไปฆ่าสัตว์ใหญ่ มันก็เริ่มจากฆ่าสัตว์น้อยนี่แหละ แรกๆ ก็อาจจะกลัว แต่ฆ่าบ่อยๆ ก็ชักจะเฉยๆ และก็จะเฉยเมยต่อความตาย ของสัตว์ขนาดใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ พูดง่ายก็คือ ก่อนที่มนุษย์จะใจแข็งกระด้างถึงขนาดฆ่าคนได้ มันก็เริ่มสั่งสมจากการฆ่าสัตว์เล็กๆ จนเคยชินนี่แหละ
#25
โพสต์เมื่อ 27 June 2008 - 11:58 AM
จะตบยุงไปทำไม ตบไปก็เกิดใหม่ได้
ไม่นั่งสมาธิแผ่เมตตาให้ยุงไม่ดีกว่าเหรอคะ ^^
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด
#26
โพสต์เมื่อ 27 June 2008 - 07:50 PM
#27
โพสต์เมื่อ 29 June 2008 - 02:58 AM