ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ตกใจมาก...ไปใส่บาตรตอนเช้ามา แต่เจอแบบนี้


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 25 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 usr23144

usr23144
  • Members
  • 33 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 09:16 PM

ปกติผมจะไปใส่บาตรตอนเช้า บริเวณหน้าปากซอยใกล้หอพัก
ของที่ใช่ใส่บาตร ก็จะเป็นพวกข้าวสาร / ปลากระป๋อง / มาม่า
เพราะผมคิดว่าสะดวกที่สุด และ ไม่แพงมาก (ใส่ได้ทุกวัน)

แต่ท่านกลับบอกว่า "ทำไมชอบเอาแบบนี้มาถวาย ...ฉันไม่ได้ !!!"
(กล่าวคือ : ผมเคยถวายท่านมาหลายครั้งแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน)

อ้าววววผมก็.........แป่วววววว........เลยงานนี้ !!!! dry.gif dry.gif dry.gif dry.gif
แม่ค้าร้านข้าวแกงใส่บาตร (แบบ วนขาย) โต๊ะข้างๆหันมามองเลย

........พรุ่งนี้ผมคงเจอท่านอีกแน่ ผมควรจะทำอย่างไรดี
ถ้าผมเลี่ยงไปใส่กับองค์อื่นกลัวท่านจะน้อยใจ
เพราะท่านอายุมากแล้ว ......ผมก้พยายามจะไม่คิดอะไรที่ทำให้ใจหมอง

"ท่องสัมมา อะระหัง " ตลอด !!!
เพื่อผมจะได้ลืมเสียงนั้น ที่ยังก้องอยู่ในหูผมจนกระทั่งบัดนนี้

dry.gif dry.gif dry.gif dry.gif dry.gif dry.gif





#2 pat2001

pat2001
  • Members
  • 113 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 09:36 PM

ก็ลองคิดดูว่าเราจะเอาใจใครดี ถ้าเอาใจตัวเองก็ใส่กับรูปอื่น
ถ้าเอาใจท่าน (มาใส่ใจเรา) ก็ตักบาตรกับท่านต่อไป
แต่เปลี่ยนเป็นของที่เหมาะสมกับท่านจะดีกว่า
เพราะท่านกลับวัดไป จะได้ฉันของเราได้เลยนะ
เราจะได้บุญกับท่านแน่นอน ทุกๆวัน

ที่ท่านบอกว่าฉันไม่ได้ เพราะมันไม่ใช้อาหารที่ฉันได้เลยในตอนเช้า
ต้องมีคนนำไปทำให้ท่านฉัน คิดว่าอาจจะไม่สะดวก เพราะท่านต้องมีเด็กวัดหรือสามเณรทำถวายนะ
ซึ่งค่อนข้างจะยุ่งอยู่เหมือนกัน

อย่าทำให้ท่านน้อยใจนะ ถ้าเรารักษาใจท่านได้ ก็จะมีอานิสงส์ใหญ่
ต่อไปก็จะมีคนตามรักษาใจเราเหมือนกัน ทำอะไรก็ได้อย่างนั้นนะ
ถ้าเราทำได้นอกจากเราจะได้บุญจากการทำทานแล้ว ก็ยังได้บุญในการรักษาใจท่านด้วย

#3 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 09:41 PM

ตำรวจพระ แนะวิธีสังเกตพระปลอม 7 ข้อ

ทั้งย่ามใหญ่ พกแปรงสีฟันยันจีวรสกปรก ชอบนอนตามสถานีขนส่ง
เปิดใจตรวจสอบพระมา 19 ปี เป็นหมื่นรูปกลับใจได้รูปเดียว
เผยจับพระทำผิดใน กทม.ได้มากสุดปีละกว่า 100 ราย 80% เป็นพระเก๊
พบนั่งปักหลักบิณฑบาตในตลาดอันดับ 1 วอนประชาชนอย่าให้ทาน


ยุคเศรษฐกิจตกต่ำยิ่งทำให้คนหันมาทำผิดกฎหมายกันมากขึ้น
ไม่เว้นแม้แต่วงการพระสงฆ์ที่มีกลุ่มคนที่ไม่มีความละอาย
หรือที่เรียกว่า "อลัชชี" หันมายึดผ้าเหลืองสวมจีวรบังหน้าเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง
พบพระเวียนเทียน-ปักหลักบิณฑบาต สร้างปัญหากวนใจตำรวจพระมากที่สุด

พระรัตนเมธี เจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้าจุฬามณี เจ้าคณะเขตบางซื่อ
และหัวหน้าพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) คณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร
บอกกับ "คม ชัด ลึก" ถึงการทำงานของตำรวจพระ 250 รูปทั่ว กทม.ว่า
ตำรวจพระทั้งสิ้น 35 เขต แต่ละเขตจะปฏิบัติงานไม่ต่ำกว่า 5 รูป
ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยตำรวจพระมีหน้าที่ตรวจตราตามสถานีขนส่งต่างๆ อย่างสถานีขนส่งหมอชิต หัวลำโพง ส่วนใหญ่เป็นช่วงหลังเที่ยงคืน
เพื่อคอยนิมนต์พระที่อาศัยหลับนอนตามสถานีขนส่งต่างๆ
มาตรวจสอบและตอนเช้าช่วงพระออกบิณฑบาต
หากพบพระนั่งหรือยืนปักหลักรับบิณฑบาต จะนิมนต์มาตรวจสอบ


ทั้งนี้ พื้นที่ที่พบพระสงฆ์ที่ทำผิดวินัยด้วยการปักหลักบิณฑบาตมากที่สุดตามตลาดใหญ่ๆ ทั่ว กทม. โดยแต่ละปีสามารถจับกุมพระที่ทำผิดหลักวินัยของสงฆ์ประมาณ 100 ราย มีรูปแบบกระทำผิดพระวินัยสงฆ์ ทั้งการแจกซองผ้าป่า
เดินเคาะตามประตูบ้าน และยืน-นั่งปักหลักบิณฑบาต เป็นต้น
หลังจากนิมนต์พระที่กระทำผิดวินัยสงฆ์มาพบเจ้าคณะแขวง
หรือเจ้าคณะเขต และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
ตรวจสอบแล้วพบพระปลอมกว่า 80 เปอร์เซ็นต์


"เราจะนิมนต์พระที่ยืนหรือนั่งปักหลักไปพบกับเจ้าคณะเขต
หรือเจ้าคณะแขวง เพื่อให้ท่านตรวจสอบว่า เป็นพระจริงหรือพระปลอม หากเป็นพระจริงก็จะว่ากล่าวตักเตือนว่า "อย่ามาทำแบบนี้อีก" และแจ้งให้วัดต้นสังกัดทราบ หากตรวจสอบว่า ไม่ใช่พระ เป็นฆราวาสปลอมตัวมาก็จะให้สละสมณเพศ แล้วส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์"


พระรัตนเมธีกล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการพระสงฆ์ที่กระทำผิดพระวินัย

แต่ทว่าการทำงานของตำรวจพระต่อกรณีนิมนต์พระที่ยืนหรือนั่งปักหลักบิณฑบาต
มาตรวจสอบว่าเป็นพระจริงหรือพระปลอมไม่ง่ายนัก พระรัตนเมธีบอกว่า
การเวียนเทียน การนั่งหรือยืน ปักหลักบิณฑบาต
ซึ่งเป็นลักษณะความผิดที่พบมากที่สุดนั้น เพราะเกิดจากคนที่ไม่ใช่พระมักฉวยโอกาส
มองเห็นรายได้จากอาหารและปัจจัยที่ประชาชนมีจิตศรัทธาถวายพระสงฆ์
เป็นช่องทางทำมาหากินโดยหลอกลวงประชาชน โดยที่ประชาชนไม่รู้ว่าเป็นพระจริงหรือพระปลอม

"โยมท่านใดที่จะทำบุญตักบาตรพระ ถ้าเห็นพระนั่งอยู่กับเก้าอี้ก็ดี
อย่าไปใส่บาตรเลย พระเวลาบิณฑบาตจะต้องเดินตามลำดับ
ไม่ยืนที่ใดที่หนึ่งประจำ หรือมีพระยืนรออยู่ มีโยมยืนอยู่การนั่งผิดแน่นอน
ไม่ถูกหลักพระวินัย ปัจจุบันก็มีนั่งอยู่

QUOTE
พระพุทธองค์เคยสอนไว้ เวลาให้ทานต้องเลือกให้ เลือกให้แก่บุคคลที่ควรให้
มันจึงจะได้บุญ


อยากให้ประชาชนแจ้งมาแต่โยมบางคนกลัวทำบาป
คนที่คิดแบบนั้นทำบาปแล้วต้องแจ้ง จึงถือว่าทำบุญ
กำจัดสิ่งไม่ดีออกจากศาสนาจะบาปได้อย่างไร" หัวหน้าพระวินยาธิการกล่าว

แต่ขณะเดียวกัน แม่ค้าบางรายที่ขายของทำบุญใส่บาตรมีส่วนรู้เห็นต่อพฤติกรรมหลอกลวงประชาชน เพราะพระที่ยืนบิณฑบาตอยู่อาจเป็นสามี หรือญาติของแม่ค้านั่นเอง เมื่อพระรับของใส่บาตรแล้วก็เวียนเทียนอาหารไปขายใหม่ ซึ่งตำรวจพระแสดงตัว เข้าไปนิมนต์พระรูปนั้นมาตรวจสอบก็ถูกแม่ค้าต่อว่าเสียๆ หายๆ จนทำให้ตำรวจพระและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าเข้าไปนิมนต์มาพระรูปนั้นมาให้เจ้าคณะตรวจสอบ

"เจ้าหน้าที่ตำรวจ เคยถูกแม่ค้าตะโกนต่อว่า รังแกพระ
โจรผู้ร้ายเยอะแยะไม่ไปจับมาจับพระ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและตำรวจพระต้องอับอาย แทนที่พระปลอมจะอับอาย และเมื่อปีที่แล้วมีคนปลอมเป็นพระมารับบาตรปกติ เมื่อได้อาหารก็หมุนเวียนให้แม่ค้ารายนั้น ซึ่งลงทุนขายอาหารแค่นิดเดียว เพราะสามีเป็นพระได้อาหารก็หมุนเวียนขาย ส่วนลูกก็ให้เป็นเณร" พระรัตนเมธีแฉเล่ห์อลัชชี

หัวหน้าพระวินยาธิการ
ตั้งข้อสังเกตเบื้องต้น
เกี่ยวกับพระที่ไม่น่าเลื่อมใสไว้ 7 ประการ คือ


1.ย่ามใหญ่ ซึ่งภายในย่ามอาจมีผ้าขนหนู เสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟัน อย่างครบคันรวมอยู่ในย่าม

2.จีวรไม่สะอาด เพราะต้องนอนตามสถานีรถไฟ

3.มีบาตรและกลดพระติดตัวในย่านชุมชนเมือง ซึ่งกิจของพระธุดงค์ต้องเดินห่างจากชุมชนเมือง 25 กม.เป็นการเดินในป่าไม่ใช่ในเมือง

4.นอนมั่วทุกแห่ง

5.แหล่งที่พักไม่แน่นอน

6.สัญจรอยู่ตลอดเวลา

7.อธิฐานพรรษาไม่ถูก ไม่มีใบสุทธิ


จากประสบการณ์เป็นตำรวจพระมา 19 ปีของพระรัตนเมธี
ประสบพบเจอพระจริงและพระปลอมทำผิดพระวินัยมานับหมื่นๆ ราย
แต่มีพระที่กลับใจเป็นพระที่ดีได้เพียงรายเดียวเท่านั้น

"เคยเจอพระร่างใหญ่ เป็นคนห่ามๆ แต่เอาจริงเอาจัง บวชเรียนมาถูกต้อง แต่มีพฤติกรรมทำผิดพระวินัยจึงจะเข้าไปคุย แต่พระรูปนั้นนึกว่าจะไปรวบตัว เขาล็อกคอพระเจ้าหน้าที่ก่อนเลย ซึ่งพระรูปนี้ควบคุมยาก เราจึงเอาเขามาเป็นพวกส่งให้ไปอยู่อีกวัดหนึ่ง ตอนนี้เขาเรียนจบประโยค 3 แล้ว เป็นตำรวจพระมา 19 ปี ตรวจสอบพระมาหมื่นๆ รูป แต่มีพระกลับใจเป็นพระดีได้รูปเดียว"

หัวหน้าพระวินยาธิการกล่าวทิ้งท้าย

http://hilight.kapook.com/view/26000


ข้อมูลจาก คมชัดลึก

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#4 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 09:52 PM

การมีศรัทธา เป็นอริยทรัพย์ที่หนึ่งก็ดี แต่ถ้าขาดปัญญา ขาดโยนิโสมนัสิการ
ขาดสติปัญญาพิจารณาโดยแยบคายในการทำทานแล้วไซร์ ก็อาจจะได้อานิสงส์น้อยก็เป็นได้ครับ smile.gif

ส่วนตัวผมแล้ว ผมจะใส่บาตรที่กระปุกมณีทวีบุญ ทุกวัน บางวันก็หลายครัง พอเต็มแล้ว ผมก็จะมาทำบุญภัตตาหารที่วัด พระที่เราได้ใส่บาตรหลายพัน หลายหมื่นรูป ครับ

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#5 มัชฌิมา072

มัชฌิมา072
  • Members
  • 60 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 10:25 PM

มองว่าท่านอาจลำบากในการเตรียมฉันน่ะค่ะ เพราะอาจต้องมีคนประเคนอีกทีเมื่อปรุงแล้ว เช้าๆเองก็อาจไม่มีเวลาพอด้วย
หรือท่านอาจจะฉัน อาหารสำเร็จรูปพวกนั้นไม่ได้ เพราะท่านฉันไม่เป็นก็เป็นได้นะคะ พระผู้ใหญ่ท่านอาจไม่ชิน
ถ้าเป็นมัชฌิมาเอง จะไม่คิดมาก จะกราบถามท่านเลย เพราะไม่เข้าใจ ตีความเองอาจผิด หรือใจเสีย
...
ลองกราบเรียนถามท่านได้ตรงๆก็ได้ค่ะ ว่าพระคุณเจ้าท่านอยากฉันสิ่งใดครับ ถ้าไม่ใช่ของแห้งพวกนี้
เผื่อว่าถ้าไม่ลำบากมาก ก็จะได้ตรงกับที่เราอยากเป็น กำลัง ให้ท่าน
แล้วจะได้ปลื้ม...ทั้งสองฝ่าย
บุญจะได้ครบ ชื่นใจทั้งผู้ให้ และเนื้อนาบุญไงล่ะคะ อย่าให้ใจเสียนะ
...
อีกอย่าง แม้จะสะดวกของแห้ง ก็ลองเปลี่ยนเมนูบ่อยๆสิคะ
เราเองยังเบื่อทานอะไรซ้ำๆเลย เดี๋ยวนี้แกงกระป๋องดีๆ อร่อยๆ ก็น่าถวายนะคะ
กราบโมทนากับทานอันเลิศนะคะใส่บาตรทุกวัน ปลื้มด้วยจัง


#6 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 10:34 PM

ไปใส่บาตรตอนเช้ามา แต่เจอแบบนี้, แล้วจะได้บุญ ไหมครับ

ได้สิครับ เจตนาและการกระทำเจ้าของกระทู้เป็นกุศล
การให้อาหารแก่สัตว์ยังได้ผลบุญเลย
นี่คุณถวายภัตตาหารแก่ภิกษุ อานิสงส์ผลแห่งทาน ก็สมควรยิ่งทับทวีนะครับ

ขออนุโมทนา ในการหมั่นใส่บาตรต่อเนื่องหลายเดือนกับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

แนบไฟล์  Sa_Dhu_Anumonatami.gif   22.04K   76 ดาวน์โหลด

จากเนื้อหากระทู้
ก็เข้าใจว่าถ้าหลายคนเจอแบบนี้ ก็มีทั้งใจหมองและไม่หมอง
หากเราเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ก็จะไม่ตกใจ หรือต้องใจหมองอะไร

ส่วนเรื่องไม่สบายใจนั้น
ก็มีทางแก้ไขหลายวิธี ซึ่งคุณต้องพิจารณา เลือกเองครับ
บางวิธีหลายคนทำแล้วก็สบายใจ แต่ไม่ใช่ทุกคน
คนเราต่างจิตต่างใจ ครับ

เช่น
- ปรับที่ใจของเราเอง ไม่ว่าเจอสถานการณ์อย่างไร เรามีหน้าที่รักษาใจ ให้ผ่องใสเสมอ

- เลือกอาหารแห้ง มาใส่บาตรเหมือนเดิม ตามความเหมาะสมของเรา
เจอพระรูปไหน ก็ใส่ เจอท่านอีก ก็ใส่ตามปกติ

เพราะจะว่าไปแล้ว ลำพังอาหารสด ที่ท่านอื่นๆนำมาใส่บาตร
พระท่านก็ฉันไม่หมดอยู่แล้ว
การที่คุณ นำอาหารแห้ง มาใส่บาตร
น่าจะช่วยลดภาระ การบริหารอาหารสด ที่เกินพอดีของท่านซะด้วยซ้ำ

- เลือกจุดใส่บาตรที่ห่างจุดเดิม แล้วใส่บาตรพระรูปอื่น ๆ บ้าง
เชื่อว่า บริเวณนั้น คงไม่มีพระเพียงรูปเดียว หรอกนะครับ

- ปรับเป็นเลือกซื้ออาหารสด จากร้านที่ไม่ได้จัดเป็นชุด เพราะเราเลือกอาหารได้ตามใจชอบ
และไม่เป็นการสนับสนุน การวนอาหารมาขายหลายรอบ , การแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดระหว่างร้านกับ....

อย่างที่คุณ pat2001 กล่าวไว้ว่า คุณต้องเลือกว่า
จะตามใจ ตามความสะดวกของตน หรือ ตามใจพระ
ซึ่งทั้งสองอย่าง ก็มีข้อดี ข้อด้อยในตัวครับ

ป.ล. ขอบคุณ พี่เถลิงเกียรติ ที่นำความรู้เท่าทันมิจฉาชีพ ในคราบผ้ากาสาวพัตร์ มาฝากครับ

อิธ โมทติ เปจฺจ โมทติ
กตปุญฺโญ อุภยตฺถ โมทติ
โส โมทติ โส ปโมทติ
ทิสฺวา กมฺมวิสุทฺธิมตฺตโน . . . ฯ ๑๖ ฯ


คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกนี้
คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกหน้า
คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกทั้งสอง
คนทำดีย่อมร่าเริง เบิกบานใจยิ่งนัก
เมื่อมองเห็นแต่กรรมบริสุทธิ์ของตน


Here he rejoices, hereafter he rejoices,
In both worlds the well-doer rejoices;
He rejoices, exceedingly rejoices,
Seeing his own pure deeds.



#7 ชาร์ป

ชาร์ป
  • Members
  • 985 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ปทุมธานี

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 11:06 PM

แป่วจริงๆแฮะ

แต่มันก็ถูกอย่างท่านว่าน่ะ ข้าวสาร ปลากระป๋อง กับ มาม่า
ถ้าเกิดว่าเราใส่ท่านอยู่รูปเดียวแสดงว่าท่านต้องหม่ำ มาม่ากับปลากระป๋อง มาตลอด 3 เดือน - -"
แค่คิดก็หนาวถึงกระเบนเหน็บ

แต่ชีวิตสมณะจริงๆมันก็ขึ้นอยู่กับโยมๆอ่ะเนอะว่าสะดวกแบบไหน

สรุป
พี่สะดวกแบบไหนก็ทำแบบนั้นอ่ะครับ ย้ายไปใส่องค์อื่นก็ได้ถ้าพี่สะดวก มาม่าปลากระป๋อง
ถ้าฟิตหน่อยก็ซื้อกับข้าวแบบที่เราๆกินกันอ่ะใส่ให้ท่านอ่ะครับ

#8 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 11:19 PM

เห็นด้วยกับคุณ pat2001 อย่างยิ่ง..
ตรงใจเรามาก.. happy.gif

แต่ความเห็นส่วนตัวเพิ่มเติม จากความรู้อันน้อยนิดของเรา
ควรมิควรแล้วแต่พระคุณเจ้า พระอาจารย์จะกรุณา
หากขาดตกบกพร่อง หรือผิดพลาดประการใด กราบขออภัยและอโหสิกรรมด้วยเทอญ
และขอท่านผู้รู้ช่วยชี้แจงแก้ไขด้วยเทอญ..
happy.gif

เรามองว่าการที่ท่านพูดแบบนั้นกับคุณเจ้าของกระทู้..
ท่านก็จะมีวิบากกรรมติดตัวไปเช่นกัน.. เพราะ..
เป็นสิ่งที่พระไม่ควรพูดในยามออกบิณฑบาตรอย่างยิ่ง
หากท่านจะพูด.. ควรออกมาในรูปแบบที่พูดในวาระโอกาสอื่นที่เหมาะสมกว่านี้..
และเป็นการพูดเพื่อประโยชน์ของหมู่สงฆ์.. มิใช่ในวาระโอกาสเช่นนั้นซึ่งค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัว..
เพราะไม่เหมาะสม และอาจทำให้ภาพพจน์ของหมู่สงฆ์ทั้งหมดดูไม่ดี..
เรามองว่าควรจะป็นการพูดในวาระโอกาสที่ท่านเทศน์สอนให้ความรู้ญาติโยม
อาจสอดแทรกเข้าไปเพื่อให้โยมได้ทำบุญแบบที่เหมาะสม ที่จะได้ประโยชน์ร่วมกันโดยสมบูรณ์
โดยเน้นที่ประโยชน์ของหมู่สงฆ์(ว่าพระสงฆ์ทุกรูปที่ท่านได้รับอาหารแบบนี้
ท่านจะนำไปฉันไม่ได้ทันที ต้องมีคนนำไปปรุงอีกที เป็นต้น)..
หรือมิฉะนั้น.. ก็อาจพูดในวาระที่คุณเจ้าของกระทู้(หรือญาติโยม)ไปเยี่ยมท่านเป็นการส่วนตัว
และมีการพูดคุยกัน.. โดยท่านต้องเน้นไปที่ความสะดวกของหมู่สงฆ์เช่นกัน.. มิใช่ส่วนตัว(ลืมไม่ได้..) happy.gif

ประเด็นสำคัญคือ.. พระสงฆ์.. ท่านน่าจะรู้ศาสตร์แห่งการทำทานที่ได้ผลมาก.. ดีกว่าสาธุชน..
เมื่อท่านรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว.. ท่านควรจะเป็นส่วนหนึ่ง.. ที่จะช่วยญาติโยมในการ..
"รักษาใจญาติโยม ไม่ให้ตก.."


ส่วนสาระที่มีประโยชน์จากคุณ เถลิงเกียรติ ประเด็นพระปลอมนั้น.. มีประโยชน์ดีทีเดียว
แต่เราอยากจะเน้นย้ำประเด็นอะไรบางอย่างนิดหน่อยคือ.. happy.gif

อย่าไปมัวกังวลว่า.. พระที่แต่ละท่านพบเจอนั้น.. เป็นพระแท้.. หรือพระปลอมเลย..
เพราะเมื่อสิ่งนี้เข้ามาอยู่ในใจเมื่อไร.. ท่านทั้งหลายจะทำบุญโดยไม่มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น..
และจะเป็นเหตุให้ได้บุญน้อยลงไปโดยอัตโนมัติเลย..

เคยได้ยินเรื่องประมาณนี้ไหม..
(เราเล่าแบบสรุปๆนะ รายละเอียดอาจบางอย่างผิดเพี้ยน
ต้องกราบขออภัยด้วย แต่สาระองค์รวมยัง OK อยู่.. ยังไงลองไปหาอ่านของจริงเอานะ..)

คนหนึ่ง.. ใส่บาตรกับพระปลอม.. โดยไม่ได้รู้เลยว่านั่นเป็นพระปลอม..
เขาใส่บาตรด้วยอาหารอันเลิศที่เตรียมไว้อย่างดี.. ด้วยใจที่ปลื้มปีติในบุญที่ทำ
แต่อีกคนหนึ่ง.. ตั้งใจแกล้งพระที่มาบิณฑบาตร.. เพราะมองว่าพระรูปนั้นเป็นพระปลอม..
เขาใส่บาตรด้วยอุจจาระ(ถ้าจำไม่ผิดนะ..)..
โชคร้ายอย่างยิ่ง.. ที่วันนั้น.. พระที่มาบิณฑบาตร.. คือ.. พระปัจเจกพุทธเจ้า(ถ้าจำไม่ผิดนะ..)..
แต่ด้วยบารมีของท่านที่สั่งสมมายาวนาน.. อุจจาระ.. ได้กลายเป็นภัตตาหารอันประณีต..
(หากรายละเอียดบางอย่างผิดพลาด กราบขออภัย ขออโหสิกรรมด้วยอีกครั้ง
แต่สาระโดยรวมยัง OK อยู่)

ผลปรากฎว่า.. คนแรก.. ได้เนื้อนาบุญเลว.. แต่องค์ประกอบในการทำทานอย่างอื่นทุกอย่างดีเลิศ..
เมื่อละจากโลกนี้แล้ว.. ได้ไปบังเกิดในเทวโลก..
ส่วนอีกคนหนึ่ง.. ได้เนื้อนาบุญดีเลิศ.. แต่องค์ประกอบในการทำทานอย่างอื่นล้วนเลวร้าย..
(ทั้งสิ่งของที่นำมาทำทาน.. ทั้งวาระจิตที่คิดระแวง และจงใจกลั่นแกล้ง ทั้ง 3 วาระครบถ้วน)
เมื่อละจากโลกนี้แล้ว.. ได้ไปบังเกิดในนรกรับทุกขเวทนาแสนสาหัส.. และอีกยาวนานแบบลืมไปได้เลย..
กว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง..

เรื่องน่าคิดมีต่อ.. ลองคิดดูสิว่า..
พระปัจเจกพุทธเจ้าในเรื่องนี้.. พระองค์ได้รับทานอันเลวร้ายแบบนั้น.. ท่านตอบสนองอย่างไร.. ?
- รีบปิดฝาบาตร ไม่รับทานอันเลว
- รับไว้.. แต่บ่น..
- รับไว้ด้วยอาการอันสงบ.. ใจนิ่งสงบไม่สั่นคลอน.. ประดุจพญาราชสีห์ผู้ไม่หวั่นไหวต่อสัตว์ร้ายในป่า..
หากพระคุณเจ้ารูปนั้นได้รับทานอันเลว.. ที่มีคนแกล้งถวาย
แบบเดียวกับที่พระปัจเจกพุทธเจ้าได้รับใน.. เรื่องที่ยกมานี้..
ท่านควรทำอย่างไร.. ?


ที่เอามาเล่าให้ทุกท่านฟัง.. เพื่อเป็นแง่คิด..
ในกรณีของการใส่บาตรพระสงฆ์ที่ยังไม่รู้จัก
คือ..

1. ไม่ว่าเนื้อนาบุญจะดีหรือเลวเพียงไร.. สิ่งสำคัญที่สุดคือ.. ตัวแปรที่เราควบคุมได้..
คือใจของเรา.. และทานของเรา.. เราทำในสิ่งที่เราทำได้นี้ ให้ดีที่สุด..
ส่วนตัวแปรที่เราควบคุมไม่ได้.. ก็อย่าไปวิตกกังวลเลย.. จะทำให้ทานของเราหมองเปล่าๆ..
หากเนื้อนาบุญที่เราพบเจอนั้น.. ดีเลิศ.. ก็ถือว่าเป็นตัวคูณ.. ถือเป็นโชคของเรา..

2. ต่อให้เนื้อนาบุญดีเลิศเพียงไร.. หากทำทานด้วยใจที่วิตก กังวล เศร้าหมอง ขุ่นมัว
และที่เลวร้ายที่สุดคือ มีจิตคิดกลั่นแกล้ง.. ประกอบกับทานที่ทำเป็นทานอันเลว
ที่สำเร็จด้วยจิตที่เลว.. ทานนั้นย่อมเศร้าหมอง.. เมื่อเจอตัวคูณเข้าไป.. คือเนื้อนาบุญที่ดีเลิศ
ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมติดลบมหาศาล.. ผลคืออบาย..

3. ที่ไม่อยากให้ทุกท่านมัวแต่เพ่งโทษ วิตก กังวล ว่า.. "เอ.. พระองค์นี้เป็นพระปลอมหรือเปล่านะ.."
เพราะ.. ไม่อยากให้เสียประโยชน์ที่สู้อุตส่าห์ตื่นเช้า ตั้งใจเตรียมใจไว้อย่างดีว่าจะทำทานกับพระสงฆ์
เฟ้นหาทานอันเลิศ(ตามเท่าที่หาได้)เพื่อมาทำทานแล้ว.. องค์ประกอบทุกอย่างดีแล้ว..
แต่บุญกลับหก.. ตกหล่น.. ด้วยใจที่คิดเพียงว่า.. "เอ.. พระองค์นี้เป็นพระปลอมหรือเปล่านะ.."
กับถ้าทุกท่าน.. ไม่ต้องสนใจสิ่งนี้.. คิดแต่เพียงว่า..
"หากโชคดี พระรูปนี้ที่เราทำทานกับท่าน อาจเป็นพระผู้ทรงศีล ประพฤติดีปฏิบัติชอบ
หรือบางทีอาจเป็นพระผู้สำเร็จ มาโปรดเราก็ได้.."
แนวคิดนี้.. ก็คือการคิดเชิงบวก.. แทนที่การคิดเชิงลบ..
ซึ่งหลายๆท่านก็คงทราบมามากแล้ว ถึง ประโยชน์ของความคิดเชิงบวก..
ว่ามันมีพลังมากมายเพียงไร.. นอกจากจะดึงเรื่องดีดี เรื่องเชิงบวก เข้าสู่ชีวิตเราแล้ว
ยังมีประโยชน์อีกมากมาย..
ซึ่งความคิดเชิงลบ.. จะให้ผลแง่ลบที่ตรงกันข้าม.. (ตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย)


ก็เลยอยากจะเตือนทุกท่าน.. อย่าไปวิตกกังวลกับเรื่องพระปลอม
กระทั่งไม่อยากทำทานกับพระสงฆ์เลย.. ไม่ส่งผลดีกับท่านจริงๆ
รวมทั้งการวางใจเมื่อท่านทั้งหลายจะทำทาน.. ดูแลใจตัวเองให้ดีเถิด.. รับรองไม่ผิดหวัง..
เพราะแม้คนทำทานกับพระปลอม.. ก็ไปสุขติภูมิ.. ส่วนพระรูปไหนปลอมไม่ปลอม.. เราไม่สน..
เราขอทำทาน ขอไปดี.. ส่วนพระปลอม.. ท่านก็จะได้รับวิบากกรรมของท่านเอง..
ทั้งทางโลก.. (เช่น ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกเล่นงานทางกฎหมาย ฯลฯ) และทางธรรม.. (คือ มีอบายเป็นที่ตั้ง..)


ขอย้ำอีกทีว่า.. สิ่งที่คุณ เถลิงเกียรติ นำมาบอกกล่าว
ล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น.. หากแต่ผู้รับสาร.. ตอบสนองต่อสิ่งที่รู้อย่างถูกวิธี..


รู้.. เพียงแต่ว่ารู้..
โดยไม่ทำให้ตนเองวิตกกังวลเกินไป จนพลาดโอกาสในการทำทานที่ประณีตไปโดยไม่รู้ตัว..
ท่านที่รู้แล้ว.. อาจให้ความรู้ต่อไปยังผู้อื่นได้.. แต่ต้องเก็บรายละเอียดให้สมบูรณ์ด้วย
คิด+พูดเตือน.. ถึงผลกระทบที่จะตามมาถึงหมู่สงฆ์.. (เกรงว่าคนจะใส่บาตรน้อยลงเพราะมัวติดกังวล)
และบุคคลผู้ที่จะทำบุญโดยติดกังวล ว่าผลของมันคืออะไร..
และการทำทานที่ถูกต้อง.. ควรวางใจอย่างไร..

อย่าลืมว่า.. เราไม่ใช่ศาล
เราไม่จำเป็นต้องพิพากษาใคร.. ลงโทษใคร.. ทุกสิ่งมีกลไกอยู่แล้ว.. ทั้งทางโลกและทางธรรม..
สิ่งที่ผู้ใดกระทำลงไป.. เขาเหล่านั้น.. ย่อมได้รับผลของสิ่งนั้นอยู่แล้ว.. ทั้งทางโลกและทางธรรม..

เราไม่จำเป็นต้องพิพากษาใคร.. แต่ทำตัวเองให้ดีที่สุด.. เพียงพอแล้ว..
happy.gif

กราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
ด้วยจิตคารวะทุกท่านอย่างจริงใจ
สาธุ สาธุ สาธุ.. happy.gif
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#9 อริย 072

อริย 072
  • Members
  • 440 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 11:34 PM

ชอบวิธีตอบของคุณ Dd2683 ตรงใจจังจ้ะ
ท่านเจ้าของกระทู้อ่านแล้วคงชื่นใจขึ้น
...
ของคุณ เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี ตอบเรื่องวิธีการทำทานนั้นสุดยอด..
ชัดเจนจนไม่ต้องมีอะไรต้องเสริมเลย ตอบดีจริงๆ เคลียร์ทุกมุมด้วย
...
แต่ขอแอบบังอาจ กระซิบเตือนนิดว่า พวกเราเป้นฆราวาส งดเว้นการวิจารณ์ สมณะ เถิดนะจ๊ะ
เพราะท่านมีศีลสูงกว่าเรามาก เสี่ยงมากที่จะมีวิบากกรรมหนักน่ะจ้ะ
...
สาธุ สาธุ สาธุทุกท่านจ้ะ


#10 พุทธรักษา

พุทธรักษา
  • Members
  • 78 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 11:56 PM

เห็นกระทู้นี้แล้วทำให้นึกย้อนไปเมื่อเดือนพ.คที่ผ่านมา ตอนนั้นดิฉันไปบ้านที่เชียงใหม่ ประมาณเกือบ10วัน ได้ไปใส่บาตตอนเช้าที่ตลาดหมู่บ้านเกือบทุกวัน (ปกติมีพระ 2รูป--โชคดีมีวันหนึ่งพระธุดงค์ผ่านมาอีก 2รูป เป็น4รูปทีเดียว...ปลื้มมาก) พอผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ พระท่านบอกกับดิฉันว่า "ไม่ต้องใส่มากก็ได้โยม พระฉันไม่หมดหรอก" เหมือนท่านจะบอกว่ายังไงก็ได้บุญแล้ว เกรงว่าเราจะหมดเงินเยอะ ดิฉันใส่ครบทุกอย่าง แต่ไม่ใส่ปัจจัยเพราะกลัวไม่เหมาะ ว่าจะไปทำบุญที่วัดสักครั้งก่อนกลับ เพราะเลื่อมใสท่าน ทราบว่าท่านเดินเท้าจากวัด(วัดดอย)มาสุดทางที่ตลาดก็ไกลมาก แล้วต้องเดินกลับอีก ญาติดิฉันเล่าให้ฟังว่า เดิมวัดนี้เป็นวัดร้าง ห่างหมู่บ้าน เมื่อหลายปีก่อนพระท่านมาจากภาคกลาง1รูป นำปัจจัยส่วนตัว มาบำรุงวัดแล้วก็อยู่ประจำที่นี่ เมื่อปีที่แล้ว พระอีกรูปมาจากทางใต้ ตอนนี้ก็เลยมีพระอยู่ 2 รูป และท่านก็ออกบิณฑบาตทุกวัน หากมีอาหารเหลือท่านก็ให้ชาวบ้านที่ยากจน พอวันสุดท้ายจะกลับกรุงเทพดิฉันก็ยังไม่ได้ไปวัดซะที คราวนี้ใส่บาตเสร็จ ก็ใส่ซองให้ท่านด้วย(เจตนาอยากช่วยค่าน้ำค่าไฟวัด) พอใส่บาตแล้ว ดิฉันก็เอาซองใส่ด้วย ทีนี้ท่านก็บอกให้ดิฉันเก็บซองไว้เถิด เท่านี้ก็ได้บุญแล้ว ดิฉันก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ อยากมอบเป็นค่าน้ำค่าไฟวัด รบกวนท่าน(สงเคราะห์) ด้วยค่ะ ท่านก็ยิ้มและก็รับซองนั้น
พอกลับบ้านก็เล่าให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อกับแม่ก็บอกว่าเมื่อตอนที่มาดูเขาก่อสร้างบ้านที่นี่ (บ้านพักร้อนหลักเล็กๆ)ก็ตื่นเช้าใส่บาตบ่อยๆ ใส่ซองท่านก็ไม่รับ ท่านบอกว่าใส่อาหารก็พอ โยมเก็บเงินไว้เถิด ไว้ทำบ้าน ตอนนั้นยังคุยกันอยู่ว่า สงสัยท่านจะสงสารคิดว่าเราจนเพราะปลูกบ้านหลังเล็ก อิอิ กลับมากทม.ได้เล่าให้พี่ชายฟัง ยังชวนกันว่าถ้าพร้อมอยากทำผ้าป่าไปที่วัดนี้สักปี เห็นว่าที่วัดยังไม่มีโบสถ์เลย ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่ทำให้ได้ทบทวนบุญอีกครั้ง happy.gif

#11 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 11:58 PM

กราบขอบพระคุณคุณ อริย 072 (อ่า.. เราไม่แน่ใจว่าเป็นพระคุณเจ้า พระอาจารย์หรือเปล่า)
ใช่เลยจ๊ะ.. ยอมรับเลยว่า.. เสี่ยงมากๆ..

แต่เรายอม..
หากทำให้ภาพพจน์โดยรวมของหมู่สงฆ์ ในพระพุทธศาสนา ที่เรารักสุดๆๆๆๆๆๆๆนี้..
เป็นไปในทางที่ดี.. เรายอม..

นี่ไม่ใช่การอวดดี.. แต่เป็นรักอย่างจริงใจที่มีอยู่จริงๆ..
คุณครูไม่ใหญ่ท่านเคยกล่าวไว้ ประมาณนี้ว่า..
พระคุณเจ้าที่เข้าอาคาร ๖๐ ปีได้.. เพราะท่าน..

รัก.. ในสิ่งหนึ่ง.. มากกว่าอีกสิ่งหนึ่ง.. (จึงกล้าแลกกับอะไรหลายๆอย่าง)

เราเองก็เหมือนกัน..

เรารักพระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า..
มากเกินกว่าจะยอมให้หมู่สงฆ์ดูเสียภาพพจน์.. อันจะนำพามาซึ่งความเสื่อมของพระศาสนาได้..
หากมีวิบากกรรมที่พระคุณเจ้าท่านใดรับไม่ได้ ไม่ยอมให้อภัย.. เราขอยอมรับโทษนี้เอาไว้..
(ถามว่าอยากได้ไหม.. ไม่อยากได้หรอกจ้า.. แต่ยอมแลกจริงๆ..)

เราก็ได้แต่หวังว่าพระคุณเจ้า และพระอาจารย์ทุกท่าน ที่เข้ามาอ่านข้อความของเรา
จะมีจิตเมตตา.. ไม่ถือสา และอโหสิกรรม ให้กับเราด้วยเทอญ..
ขอกราบขอประทานอภัยต่อพระคุณเจ้าทุกรูป และพระอาจารย์ทุกรูป อย่างจริงใจมาณที่นี้.. happy.gif
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#12 Crystar Boyz

Crystar Boyz
  • Members
  • 107 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 12:30 AM

พี่ pat2001

ตอบดีมากเลยครับ ; )

#13 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 08:18 AM

เวลาใส่บาตรพระ ควรพิจารณาเวลาและสถานที่ด้วยนะครับ อย่ายึดติดแบบอย่างวัดเราอย่างเดียวครับ เพราะหลายท่านจะยึดแบบอย่างการใส่บาตรเหมือนวัดเรา คือ ใส่บาตรด้วยข้าวสารอาหารแห้ง วัดอื่นจะไม่เหมือนวัดเรา เวลารับบาตรเสร็จวัดอื่น จะนำภัตตาหารที่ได้ไปใช้ประโยชน์ทันที จะไม่มีหอฉันเหมือนอย่างวัดเรา ดังนั้นเวลาไปใส่บาตรที่วัดอื่น ควรเป็นของที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ซึ่งการที่พระสงฆ์รูปนั้นทักมาเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ หากคิดในแง่ดีจักแสดงให้เห็นว่าพระภิกษุรูปนั้นไม่อยากให้คุณจขกท.เสียทรัพย์โดยปล่าวประโยชน์นั่นเอง ผมเคยเห็นมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน พระบางรูปพอได้รับข้าวสารอาหารแห้งไปแต่กลับใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ จะไม่รับบาตรก็ไม่เป็นการอันควรจึงจำเป็นต้องรับมา แล้วก็นำเก็บไว้โดยที่ไม่สามารถนำไปใช้ได้นอกจากเอาไปบริจาคต่อให้ผู้อื่น

เพราะฉนั้น อย่าไปคิดมากเลยครับ เปลี่ยนรูปแบบสิ่งของที่จะใส่บาตรเสียใหม่ หากเจอพระภิกษุรูปเดิมก็ทำเหมือนปกติไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ท่านเองก็คงไม่คิดอะไรกับเราเช่นกัน หากเรายังปรับจิตใจของเราไม่ได้ ก็ให้คิดเสียว่าท่านเตือนเราเพราะอยากให้ทรัพย์ของเราเกิดประโยชน์กับท่านอย่างสูงสุดก็แล้วกันครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#14 Dhamma Bot

Dhamma Bot
  • Members
  • 477 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 08:47 AM

ไม่ต้องหนีไปไหนนะครับ เอาของมาใส่บาตรพระหมื่นกว่ารูปที่เยาวราชก็ได้ครับ รับรองว่าหายเครียด ปลื้มเรื้อรัง happy.gif

#15 usr21238

usr21238
  • Members
  • 233 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 09:39 AM

ทำใจใสๆนะคะ เห็นด้วยไม่ต้องหนีไปไหน มุ่งมั่นสร้างบารมีต่อไปไม่หยุดยั้ง ไม่คลอนแคลน มีแต่ความมั่นคง ขอเอาใจช่วย และสาธุกับความเห็นของคุณอนุบาลหน้าใสใจดี สาธุ สาธุ ความรู้แน่นปั๊ง เห็นด้วย เห็นด้วย

#16 72

72
  • Members
  • 37 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 10:08 AM

1. ให้ใส่บาตรต่อไป

2. ควรใส่องค์เดิมไม่ต้องเปลี่ยนองค์ หรือหากมีศรัทธาก็ใส่เพิ่มจำนวนพระ แต่ไม่ควรลดลง

3. ให้ใส่ของตามที่ท่านชอบ
โดยเราก็ถามท่านไปตรงๆเลยว่า อันนี้อร่อยไหม เมื่อวานที่ใส่ไปพอฉันได้ไหม
หลวงพ่อชอบแกงเขียวหวานไหม แต่ไม่ควรถามว่า ท่านชอบอะไร

4. ห้ามคิดไม่ดีกับท่าน โดยประการทั้งปวง เช่น คิดว่าทำไมท่านจึงติดในรสอาหาร เป็นต้น

ประเด็นอื่น สมาชิกท่านอื่นได้อธิบายแล้ว

สาธุจ้า

#17 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 12:24 PM

ทำใจเฉยๆ สิครับ ขอให้ผ่านวันนี้ไป เคยได้ยินไหมครับว่า
"ผ่านวันนี้ไป เรื่องราวที่ไม่ดี พรุ่งนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา"
เพราะอะไรนะหรือครับ เพราะอารมณ์ของปุถุชนคนธรรมดานั้นยังไม่เที่ยง เช้านี้่ใจหมอง เดี๋ยวบ่ายใจเบิกบานอีกแล้ว อารมณ์มันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#18 สวญ.

สวญ.
  • Members
  • 33 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 03:13 PM

ผมมีความเห็นแนวเดียวกันกับคุณ"pat2001" และคุณ"เคยเข้าวัด" ครับ

QUOTE
ปกติผมจะไปใส่บาตรตอนเช้า บริเวณหน้าปากซอยใกล้หอพัก
ของที่ใช่ใส่บาตร ก็จะเป็นพวกข้าวสาร / ปลากระป๋อง / มาม่า
เพราะผมคิดว่าสะดวกที่สุด และ ไม่แพงมาก (ใส่ได้ทุกวัน)
- วัดทั่วไปไม่มีหอฉัน ดังนั้นการบิณฑบาตรโดยปกติทั่วไป พระภิกษุ-สามเณรท่านต้องการอาหารสดที่พร้อมฉันได้ภายในวันนั้นเลย

QUOTE
แต่ท่านกลับบอกว่า "ทำไมชอบเอาแบบนี้มาถวาย ...ฉันไม่ได้ !!!"
(กล่าวคือ : ผมเคยถวายท่านมาหลายครั้งแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน)
- อย่าได้กังวลหม่นหมองใจไปเลย ผมมองว่าท่านแค่ต้องการบอกอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เราได้เข้าใจและปฏิบัติได้เหมาะสม ในส่วนที่เราเคยถวายไปครั้งก่อนนั้น แรกๆท่านก็คงยินดีที่จะโปรดให้เราซึ่งมีความตั้งใจดี (ในวันก่อนๆ นั้น อาหารที่ท่านฉันคงได้จากแหล่งอื่น) นานวันเข้าท่านคงอัดอั้นพอสมควร สุดท้ายจึงตัดสินใจบอกให้โยมตาสว่าง อย่าไปพิพากษาเอาเองว่าท่านเจตนาดุด่าเลย

QUOTE
........พรุ่งนี้ผมคงเจอท่านอีกแน่ ผมควรจะทำอย่างไรดี
ถ้าผมเลี่ยงไปใส่กับองค์อื่นกลัวท่านจะน้อยใจ
เพราะท่านอายุมากแล้ว ......ผมก้พยายามจะไม่คิดอะไรที่ทำให้ใจหมอง
- สิ่งที่ขออนุญาตแนะนำคือทำใจให้ใส ขอขมาลาโทษท่านเสียก่อน แล้วใส่บาตรท่านเหมือนเดิม(แต่เป็นข้าวสวย-อาหารสด และเปลี่ยนเมนูบ้างตามสมควร โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้าว่าจะเตรียมอาหารอะไรมาถวายหรือถามว่าท่านชอบอะไร เพราะตามพระวินัยท่านรับไม่ได้/บอกเลือกเมนูอาหารไม่ได้) อย่างนี้แล้วผมเล็งเห็นว่าการใส่บาตรในโอกาสต่อมาจะเป็นที่ปลื้มปีติอย่างมากทุกครั้งทั้งผู้ให้และผู้รับ

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

#19 usr23144

usr23144
  • Members
  • 33 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 04:14 PM

ดีจังเลยนะครับ อ่านคอมเม้นท์ของพี่ๆทั้งหลายแล้ว ทำให้ผมเขลาไปทีเดียว
ผมยังเรียนรู้น้อยมากๆเหมือนกัน ยังไม่รู้เรื่องอะไรอีกเยอะเลย
หลงคิดว่าตัวเองสักแต่ว่า ... ใส่บาตร โดยไม่คำนึงถึงคน ฉัน !!!

ขอบคุณนะครับ ลึกซึ้งยิ่ง
มีแรงฮึดขึ้นมากมาย จากเคยท้อบ้าง แต่ไม่ถอย
ผมว่าผมรู้สึกอบอุ่นนะ กับการได้เป็นสมาชิกห้องนี้


ขอบคุณพี่ๆทั้งหลายนะครับ ที่ชี้ความสว่างกระจ่างตา

.... เข้าใจแล้ว !!!
biggrin.gif biggrin.gif biggrin.gif

#20 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 05:13 PM

ใส่บาตรตอนเช้าควรเป็นอาหารสดนะครับ

ไม่ควรเป็นอาหารแห้ง เพราะท่านจะได้เอาไปฉันเลย

เตรียมไปเอง ดีกว่าไปซื้อแบบถุงๆครับ ถ้าเป็นไปได้นะครับ หรือซื้อไปจากร้านอื่นก็ได้ครับ เพราะถ้าของไม่เหมือนกัน เขาก็เอามาเวียนไมไ่ด้แล้วครับ

#21 Bruce Wayne

Bruce Wayne
  • Members
  • 184 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 06:46 PM

โดยปรกติการใส่บาตรทั่วๆไปควรต้องเป็นอาหารสดที่พระสามารถฉันได้
ยกเว้นการตักบาตรในวาระใดที่ระบุไว้ว่าเป็นข้าวสารอารแห้งจึงค่อยนำสิ่งเหล่านั้นมาถวายครับ เช่น พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งในระหว่างเข้าพรรษา,ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ในงานเทโวโรหณะ,งานวันเฉลิมพระชนพรรษา โดยร่วมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ดังนี้ เป็นต้น

#22 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 08:04 PM

เรียนท่าน อริยะ 072

QUOTE
แต่ขอแอบบังอาจ กระซิบเตือนนิดว่า พวกเราเป้นฆราวาส งดเว้นการวิจารณ์ สมณะ เถิดนะจ๊ะ
เพราะท่านมีศีลสูงกว่าเรามาก เสี่ยงมากที่จะมีวิบากกรรมหนักน่ะจ้ะ...


ถ้าท่านเป็นพระผมขอกราบนมัสการพระคุณเจ้าด้วยความเคารพยิ่ง

ก็ต้องขอขอบคุณในคำเตือนท่านครับ ผมเห็นด้วยครับ
แต่การเต้ากระทู้ของท่านอาจจะทำให้น้องๆ หลายคนที่เป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝัน ที่รู้และเข้าใจเรื่องกฎแห่งการกระทำทางกาย วาจา ใจ เข้าใจผิดว่ามีใครในห้องนี้ วิจารณ์สมณะในทางไม่ดี ตามที่ท่านกล่าวมา

ผมพิจารณาคำตอบกระทู้ทุกคำตอบ ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งเจตนาที่ดีงามทั้งหมดครับ และเป็นสิ่งที่ดีที่น้องๆ และพี่ๆ ทั้งหลายห่วงใยในภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ ซึ่งแบบอย่างที่ดีในการผลิตพระที่มีคุณภาพ คือวัดพระธรรมกาย ผมก็ได้เคยมาบวชอยู่พรรษา ประทับใจที่สุด ไม่นึกไม่ฝันว่าพระจะได้เรียนเสขิยวัตร ครบ ผมจำคำสอนของพระอาจารย์ได้ว่า พระสงฆ์ เป็นพุทธบุตร เป็นบุตรของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นกษัติริย์ การเดิน ยืน นั่ง นอน ฉันท์ ขบ เคี้ยว ก็ต้องเป็นแบบพระมหากษัติริย์

ในสภาวะสังคมปัจจุบันนั้น ยอมรับว่าการคุกคามมาจากภายนอกก็มาก ภายในก็เยอะ การที่เราช่วยกันสังเกตุ และ แจ้งต่อพระผู้ใหญ่ ก็จะเป็นการช่วยพระศาสนาได้ทางหนึ่ง ครับ

และการเข้ามาเป็นสมาชิกแห่งสังคมสงฆ์ของแต่ละบุคคล ล้วนแต่มีความเลื่อมใสต่อพระธรรม อันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น เมื่อผ่านขั้นตอนแห่งการรับเข้าเป็นสมาชิก ซึ่งนั่นก็คือการบรรพชาและอุปสมบทอย่างถูกต้องครบถ้วนตามกรรมวิธีที่กำหนดไว้ ทุกท่านก็ต้องตั้งใจปฏิบัติสมณะธรรมกันอย่างจริงจัง

จากนั้นก็ได้ช่วยกันประกาศพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองแพร่หลายออกไป ปรากฎว่ามีผู้ศรัทธาเลื่อมใส ปฏิญาณตนเป็นอุบาสกและอุบาสิกา หรืออุปสมบทเป็นภิกษุ บรรพชาเป็นสามเณร พร้อมทั้งมุ่งมั่นปฏิบัติสมณะธรรมอย่างจริงจัง การปกครองสงฆ์ มีรูปแบบการปกครองที่เป็นระเบียบ ชัดเจน เป็นประชาธิปไตย พระพุทธองค์ทรงให้ความเสมอภาคและผู้อยู่ใต้ปกครองอย่างเสมอเหมือนกัน พระองค์ทรงใช้อำนาจอธิปไตยทั้ง ๓ ทาง คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ และฝ่ายนิติบัญญัติ โดยผ่านทางคณะสงฆ์ ทรงอาศัยความถูกต้อง คือ พระธรรมวินัยเป็นหลักสำคัญ

ดังนั้นถ้าพวกเราเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับพระสงฆ์ เราก็แจ้งผ่านไปยังคณะสงฆ์ในเขตนั้น เพื่อที่ท่านจะได้ทราบข้อมูลในการปกครองสงฆ์ ครับ

สังคมสงฆ์กลายเป็นสังคมขนาดใหญ่ขึ้น มีสมาชิกทั้งที่เป็นพระปุถุชน และพระอริยบุคคลชั้นต่าง ๆ อยู่อาศัยร่วมกันเป็นอันมาก ย่อมเป็นธรรมดาที่ปัญหาต่าง ๆ จะต้องเกิดขึ้น เพราะแต่ละท่านต่างก็มีพื้นฐานเดิมมาจากสภาพสังคมที่แตกต่างกัน และแต่ละท่านก็ได้ปฏิบัติสมณะธรรมอย่างเคร่งครัด เต็มกำลังความสามารถ แต่ก็มิใช่ว่าจะได้บรรลุคุณธรรมชั้นใดชั้นหนึ่งเสมอเหมือนกัน ภายในเวลาเดียวกัน อันนี้ เราก็ต้องแยกประเด็นให้ออกเหมือนกันครับ

แม้อายุพระพุทธศาสนาจะผ่านมายาวนานและเจริญแพร่หลายไป ณ ประเทศต่างๆแต่พระวินัยก็ยังมีผลบังคับใช้ได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของแต่ละสังคมโดยมีคำว่าล้าสมัย ทั้งนี้เพราะพระวินัยของพระพุทธเจ้าทรงประชุมสงฆ์ร่วมกันพิจารณาบัญญัติขึ้นไว้ในครั้งนั้นได้กระทำกันอย่างรอบคอบรัดกุมและครอบคลุมอย่างทั่วถ้วนจนหาช่องโหว่อะไรไม่ได้อย่างไรก็ การบัญญัติพระวินัยที่มีโทษสถานหนักหรือเบาพระพุทธเจ้าและคณะสงฆ์ก็อาศัยอำนาจประโยชน์หรือวัตถุประสงค์เหมือนกัน ๑๐ ประการคือ

๑. เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์

๒. เพื่อความสำราญดีแห่งสงฆ์

๓. เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก

๔. เพื่อการอยู่สำราญของภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก

๕. เพื่อป้องกันความเสื่อมเสียอันบังเกิดในปัจจุบัน

๖. เพื่อกำจัดความเสื่อมเสียอันจักบังเกิดในอนาคต

๗. เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส

๘. เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว

๙. เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม

๑๐. เพื่อถือตามพระวินัย

ดังนั้นการช่วยกันสังเกตุ กิจวัตร ของพระที่อยู่ใกล้บ้าน ไม่ใช่เป็นการระแวงหรือจับผิดแต่เป็นการเสริมสร้างความศรัทธา ที่มีต่อพระสงฆ์ และเป็นการป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกที่มีผู้ปลอมตัวมาบวชเพื่อเหตุผลบางอย่าง พุทธบริษัทสี่ต้องช่วยกันครับ ถ้าเห็นผิดปกติก็แจ้งต่อพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ท่านดูแล ให้ท่านทราบครับ
ถ้าเปรียบได้ก็คือระบบ Suggestion Box ให้กับวัดเพื่อการพัฒนาวัด พัฒนาพระ พัฒนาชุมชนให้เป็นวิถีพุทธที่ถูกต้อง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเป็นไปโดยมีเจตนาดี หลักการถูก และการกระทำที่เป็นไปด้วยความเคารพ นะครับ smile.gif


ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#23 mpbkkt

mpbkkt
  • Members
  • 55 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 08:32 PM

เมื่อก่อนผมไม่เลือกนะพระนะเวลาใส่บาตรองค์ใดมาก่อนใส่ก่อน แต่หลังจากสั่สมประสบพบเหตุมาหลายครั้งเข้า ตอนนี้เลยต้องเลือกพระซะแล้ว เนื่องจาก 1. ใส่บาตรแล้วท่านจะให้พรขาดหายเป็นบางช่วงไม่เหมือนกับที่สภาหรือหอฉันท์เลยดูท่านก็อายุมากแล้วนะ 2. ใส่บาตรแล้วลงนั่งยองๆมองไปเห็นเท้าท่านเหมือนคนไม่ได้อาบนำมาหลายเดือน 3.เห็นพระท่านเดินมาอายุมากแล้วเลยใส่บาตรพอใสบาตรปุ๊บท่านก็บอกว่าอาตมากำลังจะเดินทางไปภาคใต้ ( งงไม่รู้ท่านบอกทำไมท่านก็อายุมากเดินก็ลำบาก ) แต่มาเข้าใจตอนได้กลิ่นตัวท่านเมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาหลายเดือนรีบลุกเดินจากไปแทบไม่ทัน ส่วนใหญ่จะเป็นพระแปลกหน้าไม่ค่อยเคยเห็นหน้าห่มจีวรสีกลัก

#24 เคียงข้างไปดุสิตเขตใน

เคียงข้างไปดุสิตเขตใน
  • Members
  • 51 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 10:39 PM

ตัดขาดออกจากใจไปแล้ว รักษาใจให้ใสๆ

ก่อนทำ , กำลังทำ และ หลังทำ จะดีกว่าครับ

บุญจะได้ส่งผลให้ มีโภคทรัพทย์ ตลอดทั้งชีวิต

และอีกอย่างผู้ที่มีจิตคิดจะให้ สิ่งอันบริสุทธิ์ นั้น ย่อมถูกยกให้สูง กว่า จิตที่

ลังเลใจว่าจะให้ดีหรือไม่ไม่ให้ดี ครับ

ฉะนั้นที่สำคัญ วัตถุที่จะให้ต้องปราณีตและบริสุทธ์

ความตั้งใจ เจตนา และ ตัวเราเองศีลเราต้องบริสุทธิ์

ก่อนทำ กำลังทำ หลังทำ ต้องใส ๆ ให้ตลอด


ถ้าให้ดีมากๆเลย ใช้หลักที่กล่าวมานี้

สร้างบุญหล่อรูปเหมือน หลวงปู่พระมงคลเทพมุณี ด้วยทองคำ ครับ

เราทำเองและชวนให้คนอื่นทำด้วย

จะได้ครบองค์ 4 วัตถุ เจตนา บุคคลคือ ผู้ให้และ ผู้รับ

โลกขาดเสียไม่ได้ชึ่งการให้ และการแบ่งปัน (ทั้งการให้เพื่อสงเคราะห์โลก และการให้กับพระศาสนา)

หากสังคมนั้น ไม่มีการให้เลย สิ่งที่เข้ามาแทนที่ คือ การแก่งแย่ง การเอารัดเอาเปรียบ

โลกขาด ไม่ได้ชึ่งการให้ ทั้ง วัตถุทาน วิทยาทาน อภัยทาน และที่สำคัญที่สุดคือ ธรรมทาน






#25 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 July 2008 - 12:44 PM

เข้าใจในความปรารถนาดี และเจตนารมณ์ที่ดีของคุณ เถลิงเกียรติ
และข้อมูลสาระที่นำมาเผยแผ่ก็มีประโยชน์อย่างยิ่ง..
เข้าใจว่าแนวทางของทุกคนล้วนปรารถนาดีต่อพระพุทธศาสนา.. แนวทางของเราเป็นแนวทางเดียวกัน..

เพียงแต่ที่เราต้องการเน้นย้ำ.. ในเรื่องการรักษาใจของสาธุชน
มิใช่เป็นการให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่.. ปล่อยปละละเลยความเป็นอยู่ของพุทธบุตร
แต่ต้องการเน้นย้ำแค่ 2 ประเด็นที่เกี่ยวพันกันคือ..

1. เมื่อเรารู้อะไรมากแล้ว.. สิ่งที่ต้องรักษาไว้ให้ได้คือ.. ใจเราเอง.. ทั้ง 3 วาระของการทำทานกับพุทธบุตร

2. เมื่อเรารู้อะไรมากแล้ว.. การบอกต่อด้วยความหวังดี.. ควรระมัดระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
จากสิ่งที่เราบอกกล่าวออกไปให้ครบวงจรด้วย.. (รับผิดชอบในคำพูดตัวเองให้ครบวงจร)
โดยประเด็นนี้ แบ่งออกเป็น 3 ด้านคือ..

2.1 ผลที่อาจทำให้สาธุชนผู้ได้รับสาร.. เสื่อมศรัทธาใส่บาตรกับพุทธบุตรน้อยลง
ทำให้พุทธบุตรที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ.. พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก..

แน่นอนว่าคนที่พูดออกไปโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบแล้วเกิดเหตุเช่นนี้ เขาย่อมติดวิบากกรรมทางอ้อม
ครั้นเมื่อเขามีโอกาสบวช ย่อมมีผู้คนจ้องจับผิด หรือวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ร้าย และส่งผลต่อทานที่เขาจะได้รับ
คือ เขาทำอย่างไรย่อมได้รับผลอย่างนั้น.. แม้ตัวเขาเองจะไม่ได้รับรู้ถึงผลกระทบนั้นเลย ก็ต้องได้รับวิบากกรรม
(ปลูกถั่วเป็นถั่ว ปลูกงาย่อมเป็นงา) ดังนั้น เราจึงช่วยชี้ประเด็นเน้นย้ำ ป้องกันไว้ก่อน
เพื่อไม่ให้ท่านทั้งหลายติดวิบากกรรมไปทั้งผู้เผยแผ่ และผู้นำไปพูดไปบอกต่อ.. เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม.. happy.gif

2.2 ผลกระทบที่อาจทำให้สาธุชนที่รับรู้เรื่องนี้ โดยไม่ได้ตรองให้ครบวงจรเสียก่อน..
อาจเบื่อหน่ายและไม่อยากทำทานกับพุทธบุตรอีกเลย.. ซึ่งเป็นผลเสียโดยตรงต่อสาธุชนผู้นั้นเอง
เท่ากับตัดช่องทางสั่งสมบุญของตนเองโดยปริยาย.. เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่า..
เนื้อนาบุญที่ดีในยุคที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว.. มีเพียงหมู่สงฆ์ คณะสงฆ์เท่านั้น

แน่นอนว่าคนที่พูดออกไปโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบแล้วเกิดเหตุเช่นนี้ เขาย่อมติดวิบากกรรมทางอ้อม
ครั้นในกาลข้างหน้า.. ย่อมมีเหตุให้มีผู้มาบอกกล่าวข่าวร้าย หรือเรื่องไม่ดีแก่เขาผู้นั้น
โดยไม่ได้บอกให้ครบวงจร และไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบ.. อันเป็นเหตุให้เขาผู้นั้นเบื่อหน่ายเนื้อนาบุญ
คือ หมู่สงฆ์ คณะสงฆ์.. เป็นทางมาแห่งการตัดรอนโอกาสสั่งสมบุญของตนเอง..
ซึ่งช่วงเวลาหลงผิดนี้.. จะมากจะน้อย จะเนิ่นนานเพียงไร.. ก็ขึ้นอยู่กับภาพในอดีตที่ผลของสิ่งที่เขาได้ทำไป
กระทบกับผู้คนในวงกว้างเพียงไร และเนิ่นนานเพียงไร..
ข้อนี้พึงระวังให้จงหนัก.. เพราะอะไร.. เพราะ Internet ตอบง่าย ตอบคล่อง สะดวก แค่ทิ้งข้อความไว้
เดี๋ยวก็มีผู้มาอ่านเอง.. ส่วนข้อความนั้นจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง.. จะมีผลกระทบอะไรตามมา..
ย่อมไม่มีใครทักท้วงท่านอย่างทันท่วงที.. ไม่เหมือนการพูดคุยด้วยกายหยาบ ผู้ฟังทักท้วงได้ทันที..
ใน Internet นั้น.. กว่าจะมีผู้ทักท้วงท่านอีกที.. กรรมของท่านมีโอกาสสมบูรณ์ครบวงจรไปแล้วก็ได้..
นั่นคือ.. มีผู้เสพข้อความของท่าน และอาจเข้าใจผิดไปแล้วหลายท่าน แล้วใจหมองไปแล้วหลายท่านนั่นเอง..
ดังนั้น.. อยากจะเตือนทุกท่านเลยว่า.. ระวังไว้เถิด..
กรรมทาง Internet ทำง่าย.. กระจายเร็ว.. ส่งผลมาก..

2.3 ผลกระทบที่เลวร้ายที่สุด.. ซึ่งอาจเกิดขึ้น และหากว่ากันตาม Logic แล้ว..
มีสิทธิ์เกิดขึ้นอย่างมาก ในระยะยาว.. คือ.. "ศาสนาเรียวลง"
Step นี้เป็น Step ที่ต่อยอดมาจาก 2.1 และ 2.2 เป็นผลสุดท้ายที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ตาม Logic
ลองตรองดูเถิดท่านทั้งหลาย..
หากสาธุชนไม่ตรองสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาให้ดี.. รักษาใจตนเองเอาไว้ไม่ได้..
ใส่บาตรทำบุญทำทานกับพุทธบุตรน้อยลง.. กระทั่งไม่ใส่บาตร ไม่ทำบุญกับพุทธบุตรเลย..
ความเป็นอยู่ของพุทธบุตร.. ย่อมเป็นไปอย่างลำบากขัดสน..
ไม่เฉพาะเพียงเท่านนั้น.. เมื่อใครสักคนเสื่อมศรัทธา.. นอกจากเขาจะทำทานน้อยลงกระทั่งไม่ทำทานแล้ว..
แม้การเข้าหาพุทธบุตรเพื่อฟังเทศน์ฟังธรรม.. ก็ย่อมน้อยลง กระทั่งไม่มีเลย..
(ข้อนี้.. ท่านทั้งหลายที่เจอพระปลอม ลองถามใจตัวเองดูเถิดว่า.. อยากฟังพระปลอมเทศน์ให้ฟังไหม..
เราจะบอกว่า ความรู้สึกนั้นจะไม่ต่างจากสิ่งที่กล่าวถึงข้างต้น.. คือ..
บุคคลผู้เสื่อมศรัทธา ย่อมไม่อยากฟังธรรมจากบุคคลที่เขาเสื่อมศรัทธา..)

เมื่อพุทธบุตรมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก.. ทุรกันดาร.. เมื่อมีผู้ฟังเทศน์.. ฟังธรรมน้อยลง..
ผู้มาบวชย่อมน้อยลง.. เพราะไม่มีพระสายเลือดใหม่ที่จะบวชเข้ามาเพื่อรักษาพระพุทธศาสนา..


เมื่อการณ์ทั้งหลายเป็นไปตามวงจรเช่นนี้.. ศาสนาย่อมเรียวลง..

ถามใจของทุกท่านเอาเองเถิด.. ว่าต้องการแบบไหน..

--------------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับประเด็น..
"ซึ่งการที่พระสงฆ์รูปนั้นทักมาเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ หากคิดในแง่ดีจักแสดงให้เห็นว่าพระภิกษุรูปนั้นไม่อยากให้คุณจขกท.เสียทรัพย์โดยปล่าวประโยชน์นั่นเอง ผมเคยเห็นมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน พระบางรูปพอได้รับข้าวสารอาหารแห้งไปแต่กลับใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ จะไม่รับบาตรก็ไม่เป็นการอันควรจึงจำเป็นต้องรับมา แล้วก็นำเก็บไว้โดยที่ไม่สามารถนำไปใช้ได้นอกจากเอาไปบริจาคต่อให้ผู้อื่น

เพราะฉนั้น อย่าไปคิดมากเลยครับ เปลี่ยนรูปแบบสิ่งของที่จะใส่บาตรเสียใหม่ หากเจอพระภิกษุรูปเดิมก็ทำเหมือนปกติไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ท่านเองก็คงไม่คิดอะไรกับเราเช่นกัน หากเรายังปรับจิตใจของเราไม่ได้ ก็ให้คิดเสียว่าท่านเตือนเราเพราะอยากให้ทรัพย์ของเราเกิดประโยชน์กับท่านอย่างสูงสุดก็แล้วกันครับ"

เห็นด้วยทุกประการจ้า..
ยกเว้นเพียง รูปแบบ วาระโอกาส ในการที่ท่านจะพูดบอกกล่าวคำนี้ออกไป
ไม่เหมาะและไม่ควรด้วยประการทั้งปวง..


ทำไมเราถึงกล้าพูดเช่นนี้..
อาจเป็นการไม่สมควรที่ Amphibian อย่างเราจะมากล่าวอะไรเช่นนี้
มันดูเป็นการบังอาจ และไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่เลย..
เมื่อเทียบกับความเห็นของ ท่านที่บวชเรียนมาแล้วหลายท่าน..
เราก็ขออนุญาตเฉลยไว้ตรงนี้แบบไม่อายเลยว่า..


ดูก่อน.. ท่านทั้งหลาย..
"อันเพศสมณนี้.. เราเคยถือครองอยู่.."

เมื่อครั้งที่วิบากกรรมกาเมยังส่งผลไม่รุนแรง.. ครั้งนั้นเราเป็นชายแท้.. และได้บวชเป็นพระภิกษุ..
เมื่อราว 12-13 ปีที่แล้ว..
ในครั้งนั้น.. เราสละเพศสมณ.. ด้วยเหตุที่พระพี่เลี้ยงประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่สมณสารูป..
ซึ่งเราไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดอีก เพราะไม่อยากติดวิบากกรรมอีกแล้ว..

หรือ.. หากเรื่องที่เรายกมากล่าวอ้างทั้งหลาย
เกี่ยวกับศีลาจารวัตรที่งดงาม สงบ เสงี่ยม สง่างาม ของพระปัจเจกพุทธเจ้า..
ยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอ.. เราขอตั้งคำถามให้ท่านทั้งหลายลองพิจารณาดู.. ว่า..

ดูก่อนท่านทั้งหลาย..
ประเด็นความประพฤติปฏิบัติ ศีลาจารวัตรอันงดงามของหมู่สงฆ์นี้.. ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ..
สิ่งใดเป็นอาบัติ.. สิ่งใดไม่เป็นอาบัติ.. สิ่งใดเป็นกรรมดำ.. สิ่งใดเป็นกรรมขาว..
สิ่งใดเป็นกรรมไม่ดำ-ไม่ขาว.. สิ่งใดติดวิบากกรรม.. สิ่งใดไม่ติดวิบากกรรม..
เราเชื่อว่า.. ท่านทั้งหลายที่ศึกษาพระพุทธศาสนามามากพอสมควร.. น่าจะตอบได้..
แต่หากยังตอบประเด็นนั้นๆไม่ได้.. ขอให้พิจารณาดังนี้.. ว่า..
หากพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า.. ยังทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่..
หากมีกรณีที่เกี่ยวพันกับศีลาจารวัตรของหมู่สงฆ์เช่นนี้เกิดขึ้น.... ดัง Case ในกระทู้นี้..
ท่านทั้งหลายคิดว่า.. พระพุทธองค์จะทรงแนะนำว่าอย่างไร....

การตอบคำถามนี้.. ต้องใช้ความรู้เชิงสังเคราะห์ จากแนวทางของพระพุทธองค์ในการปกครองหมู่สงฆ์
ซึ่งจะได้คำตอบที่ถูกต้อง.. ก็ต้องศึกษา Case ที่เกี่ยวพันกับศีลาจารวัตรของหมู่สงฆ์ทั้งหลาย
มามากมายพอสมควร..


--------------------------------------------------------------------------------------------

ความจริงเราเลือดเย็นพอสมควรนะ..
เคยเห็นคนทุ่มเถียงกันในประเด็นธรรมมะมากมายหลายกระทู้..
โดยหยิบยกตำรา คัมภีร์ ที่ท่องจำมาอ้าง.. แต่เราปล่อยผ่าน.. ไม่ขอออกความเห็น..
ใครจะมีวิบากกรรมอะไร.. เราไม่สน.. เราปล่อยผ่านเลย..
เพราะไม่อยากเป็น "ตาบอดคลำช้าง" เพิ่มอีกคนนึง.. สั่งสมวิบากกรรมอีกคนหนึ่ง..

เพราะประเด็นเหล่านั้น ล้วนทุ่มเถียงกันด้วยตำรา
ซึ่งผ่านกาลเวลา ผู้คน สถานที่ ที่เกี่ยวข้องกับการจดบันทึกมามากมาย.. ย่อมผิดเพี้ยนไปบ้าง..
ทางที่ดีที่สุดคือ.. เร่งปฏิบัติธรรม.. แล้วไปดูของจริง..

แต่เรื่องเชิงสังเคราะห์.. ที่เกิดจากความคิดรวบยอดโดยอิงแนวทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..
จะเป็นอะไรที่แตกต่างกัน.. คือเราสังเคราะห์จากแนวทางในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้..

แต่กระทู้นี้.. ที่เราไม่ปล่อยผ่าน.. เพราะ..
มีเพียงเหตุผลเดียวคือ..
เราไม่อยากให้พุทธบุตรมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก.. ซึ่งจะทำให้ศาสนาเรียวลง..
ส่วนเหตุผลรองคือ..
เราไม่อยากให้ทุกท่านติดวิบากกรรมในการเผยแผ่สาระบางอย่าง.. โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบในวงกว้าง
ซึ่งเกี่ยวพันกับความเป็นอยู่ของพุทธบุตร และอายุพระศาสนา..


อ่า.. เราบ่นจบแล้ว..
กราบขอประทานอภัยต่อพระคุณเจ้า พระอาจารย์ สามเณร และสาธุชนทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย..
หากจะมีถ้อยคำใดไม่รื่นหู.. ขอให้รู้ไว้ว่าเราไม่มีจิตคิดร้ายกับท่านทั้งหลายเลย..
หากมีสิ่งใดกวนใจท่าน.. ขอได้โปรดอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าผู้อยู่ในเพศภาวะที่ต่ำต้อยด้วยเทอญ..
เราปารถนาดีต่อทุกท่าน และพระศาสนาของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างจริงใจ.. happy.gif
ด้วยจิตเคารพเลื่อมใส นอบน้อมสักการะบูชาต่อพระพุทธองค์ อย่างสูงสุด.. happy.gif
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#26 สวญ.

สวญ.
  • Members
  • 33 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 July 2008 - 03:21 PM

ผมขออนุญาตหยุดการแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ไว้แค่นี้พอนะครับ ทั้งที่จริงมีประเด็นข้อเท็จจริงเกี่ยวข้องอีกมากที่อยากถ่ายทอด แต่เนื้อหายาว(ปกติเนื้อหาที่ยาวๆ คนอ่านทั่วไปมักไม่ค่อยอยากอ่าน) และคงจะมีการถกและต่อประเด็นกันไปอีกยาว

ขอจบดีกว่านะครับ เพราะเจ้าของกระทู้ได้ความกระจ่างสมประสงค์อย่างมากมายและหยุดไปแล้ว