ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

การขึ้น พนาวัตร ถือเป็นการบวชชีพราหมณ์ได้ไหมคะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 7 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 หัดทำบุญ

หัดทำบุญ
  • Members
  • 47 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 11:34 AM

ขอสอบถามผู้รู้หน่อยค่ะว่า
ถ้าเราปฏิบัติธรรมที่พนาวัตร ถือว่าเราบวชชีพราหมณ์ได้ไหมคะ

แล้วอาหารที่นั่นเป็นอาหารเจหรือไม่

ถ้าไม่ใช่เจ เราสามารถแจ้งให้ทางพนาวัตรทราบได้ไหมคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยให้ความกระจ่างล่วงหน้านะคะ สาธุค่ะ

#2 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 11:57 AM

ได้ครับ แต่สมัยนี้เขานิยมเรียกว่า บวชชีพุทธครับ ไม่ใช่ชีพราหมณ์
ส่วนอาหารนั้น ทางวัดต้องการให้สาธุชน ฝึกเป็นอยู่อย่างนักบวช คือ ทานอาหารตามแต่เจ้าหน้าที่จัดให้ ไม่เลือกอาหารน่ะครับ ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าจัดอาหารใดให้ ก็รับประทานสิ่งนั้นน่ะครับ

ส่วนถ้าเราอยากหลีกเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ เพื่อสุขภาพของเรา (เพราะบางท่านหากทานเนื้อสัตว์จะย่อยยาก มีปัญหาสุขภาพหลายอย่าง) ทางพนาัวัตน์ก็มีผักสดหลากหลายพันธุ์ไว้คอบบริการครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#3 kasaporn

kasaporn
  • Members
  • 870 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 01:02 PM

อาหารที่พนาวัฒน์ ไม่ใช่อาหารเจค่ะ เพราะทางวัดปฏิบัติตามคำสอนตามหลักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ไม่ได้งดรับประทานเนื้อสัตว์ ยกเว้นเนื้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม แต่สัตว์นั้นตายลงจากวิบากกรรมเองคือเราไม่ได้เห็นการฆ่า สัตว์นั้นไม่ได้ฆ่ามาเพื่อเรา ก็รับประทานได้ค่ะ happy.gif

#4 บ่าวอุบล

บ่าวอุบล
  • Members
  • 632 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 01:16 PM

ผมเคยทานมังสวิรัติแบบเคร่งมาก อยู่ต่อเนื่อง 5 ปี มีบางครั้งไปเข้าค่าย ผมไม่มีอาหารทาน ผมทานข้าวเปล่า ช่วงที่มารู้จักวัดผมก็ทานมังสวิรัติอยู่ แต่เป็นรอบ 2 แต่ผมมาสะดุดใจคิดเองว่าทำไมหนอ อย่างหลวงปู่หลวงพ่อคุณยาย ท่านก็ทานปกติ ทำไมท่านได้ธรรมะขั้นสูง แล้วเราเคยทานมังสวิรัติ 5 ปี กิเลสก็ยังอ้วนพลี ธรรมะก็ไม่ได้ ฉะนั้นหลวงพ่อว่าอย่างไร ก็เลยว่าตามกันครับ ทุกวันนี้ก็เลยทานธรรมด๊า ธรรมดาครับ




#5 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 01:52 PM

ศาสนาพุทธ ไม่มี ชีพราหมณ์ครับ มีแต่แม่ชี ซึ่งก็คือ อุบาสิกา ที่ถือศีลแปด

ที่พนาวัฒน์ ก็ต้องถือ ศีลแปด จึงมีวัตรปฏิบัตรเหมือนแม่ชีครับ เพียงแต่ไม่ต้องโกนศรีษะเท่านั้นครับ

อุบาสิกาที่ถือศีลแปด กับแม่ชี ก็คืออย่างเดียวกัน เพียงแต่ต่างกันแค่รูปแบบครับ

เคยมีชาวต่างประเทศ เรียก อุบาสิกาที่วัดพระธรรมกายว่า modern nun คือ ชีสมัยใหม่ครับ

#6 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 02:09 PM

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ถ้าใครจะกรุณาช่วยหาข้อมูลหน่อยเถิดครับว่า อันใด อย่งไร ทำไมถึงเป็นบวชชีพราหม์ครับ หรือต่างกันแค่ โกนผมกับไม่โกนผม อย่างที่คุณยายผมบอกครับ

คืออย่างนี้ เมื่อก่อน(นาน...น๊าน....นาน)คุณยายผมเคยอยู่ในวังของหม่อมเจ้าสักองค์หนึ่งแต่ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว ช่วงเข้าพรรษาเนี้ย ถ้าเจ้านายที่ปกครอง(เป็นพระญาติพระองค์หนึ่ง)พวกตนเองไปขอบวชถือพรรษาอยู่ที่วัด เหล่าข้าราชบริพารที่จงรักภักดีที่เป็นชายก็จะไปบวชด้วยเพื่อตามไปรับใช้ ส่วนที่เป็นหญิงก็จะไปบวชชีถืออุโบสถศีลโกนศรีษะนุ่งขาวห่มขาวอยู่ในวัดเพื่อหุงหาอาหารถวายการรับใช้อยู่ภายนอกเขตสงฆ์แต่ยังอยู่ในวัดอีกชั้นหนึ่ง

แต่คุณยายก็บอกว่า มีบางนางเหมือนกันที่ห่วงสวย โดยเฉพาะพวกนางละครก็ไม่อยากโกนผม ก็จะไปถือศีลแปดนี่แหละ ยังนุ่งขาวหม่ขาวอยู่แต่ไม่โกนผมไม่โกนคิ้ว พักอยู่นอกเขตวัด โดยให้พวกพราหม์ในราชสำนักบวชให้ ก็เลยเรียกชีพราหม์กัน ไม่ต้องอยู่ให้ครบพรรษาก็ได้ อยากเลิกก็บอกพราหม์ ส่วนใหญ่จะบวชพร้อมกับเจ้านายแต่ขอเลิกก่อน เจ็ดวันบ้าง สิบห้าวันบ้าง อะไรทำนองเนี้ยแหละ ไม่รู้โดนคุณยายหลอกหรือเปล่า

คุณยายบอกว่า สมัยคุณยายพุทธกับพราหม์แยกกันไม่ออก มีพิธีควบคู่กันมาตลอด จะมีเฉพาะชาวบ้านเท่านั้นแหละที่พุทธเป็นพุทธ แต่ก็มีพิธีพราหม์แทรกเข้ามาบ้างตามความนิยม คุณยายยังบอกเลยว่า การจุดธูป(การเผาเครื่องหอมบูชา)การจุดเทียน(การบูชาไฟ)ก็เป็นวัฒนธรรมของพวกพราหม์ แต่เราเห็นว่าดีก็เลยรับมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลโน้นแล้ว

ส่วนเรื่องกินเจ ถ้าจำไม่ผิด คุณยายบอกว่าน่าจะเป็นการเอาอย่างพวกชาวจีนที่เข้ามาในไทย เพราะปกติวันโกนวันพระสมัยคุณยายเขาก็ห้ามฆ่าสัตว์ทำอาหารกันอยู่แล้ว(ถึงขั้นลงหวายกันเลยนะครับ) อาศัยจากที่ทำไว้ล่วงหน้ากับไปซื้อที่ตลาด พอเห็นชาวจีนเขาเคร่งทานเจกัน ไทยเราก็เลยเอาอย่างบ้าง(มั้ง) แต่คุณยายก็เคยเล่านะครับว่ามีพระคุณเจ้าหลายรูปเหมือนกันที่ไม่ฉันเนื้อสัตว์ อย่างที่เราเรียกว่าเจเขี่ยนะครับ ท่านว่ามันทำให้อายุไม่ยืนหรืออะไรนี่แหละ ผมกับคุณแม่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว คุณยายก็กลับสวรรค์ไปนานแล้ว จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่กลับมาเล่าต่อ ไอ้ที่เล่าไว้เราก็ยังเด็ก จะอาศัยความจำคุณแม่ก็เจ็ดสิบห้าเข้าไปแล้ว

ยังไง ถ้าคุณยายกลับมาเล่าต่อก็จะมาเขียนให้อ่านกันนะครับ ช่วงระหว่างรอ ใครมีข้อมูลอะไรดีๆก็มาชาวยๆกันได้นะครับ

อนุโมทนาบุญด้วยครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#7 เศรษฐีหน้าใส

เศรษฐีหน้าใส
  • Members
  • 177 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 03:16 PM

ไปพนาวัฒน์ ไม่ต้องกลัวครับ มีอะไรกิน ก็กินตามที่เจ้าหน้าที่จัดให้ แล้วกาย ใจ จะสบ้าย สบาย เนื้อสัตว์ กินให้เหมาะสมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่บาปครับ อย่ากังวลเลยครับ ผมก็เชื่อสายจีน แต่กินง่ายๆแบบพระสอน กายก็สบาย ใจก็สบาย ปฏิบัติธรรมก็สบาย ความสุขก็เกิดได้ง่ายๆ แบบนี้แหละครับ ลองดูนะครับแล้วผลเป็นอย่างไร บอกกันบ้าง

#8 สุภาพบุรุษ072

สุภาพบุรุษ072
  • Members
  • 597 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 August 2008 - 04:07 PM

happy.gif