
มี forward mail โจมตีวัดเรา
#1
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 05:26 PM
เอารูป งานกฐิน ที่มีการสวมใส่ชุด มหาลดาประสาท (เขียนถูกป่าวเนี่ย)
และ อานิสงส์แห่งทาน เป็น แหวน สร้อย ต่างๆ ออกมา
ขณะนี้ได้รับทราบเรื่องนี้ และ ได้รับเมล มาจาก 3 แห่ง ของคนรู้จัก ที่ทั้ง 3 ไม่รู้จักกัน
(แสดงว่า ได้แผ่ ทุคติภูมิ ไปอย่างกว้างไกล พอควรแล้ว)
ต้องการขอความเห็นในประเด็นต่อไปนี้ค่ะ
เมื่อเขาถามว่า ที่วัดทำอย่างนี้ มีเจตนาอะไร ทำอย่างนี้ ไม่กลัวยึดติดกับทรัพย์ สมบัติ ของนอกกายหรือ
ท่านใดมีคำตอบที่ถูกต้องตามเจตนาจริงๆ ของวัดเรา ก็ช่วยแชร์คำตอบด้วยเถิดค่ะ
แม้ตัวเองจะยกพระไตรปิฎก ยกพระโมคคัลลานะไปเยือนสวรรค์ ยกสิ่งที่เรียกว่าสัมมาทิฐิ
และยกอะไรอะไรสารพัด เขาก็ยังไม่เข้าใจ
เลยสงสัยว่า ตัวเรานี้คงจะแสดงธรรมได้ไม่ดีพอกระมัง
จะวางอุเบกขาเลย ก็คิดว่าน่าจะลองพยายามทำหน้าที่กัลยาณมิตร จึงอยากได้คำตอบของท่านอื่นๆ ค่ะ
สิ่งต้องการบอกต่อลูกพระธัมฯ ทั้งที่เก่าแก่ และเพิ่งมาวัดว่า
" ขอให้มั่นคง แน่วแน่ ค่ะ"
(กระทู้นี้จะโดนลบไหมเนี่ย)
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#2
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 06:53 PM
ง่ายๆครับ เราวางอุเบกขาไว้
จำไว้ว่า ทุกอย่างมีความตรงข้ามกันเช่น
อวิชชา - วิชชา
รัก - เกลียด
ชาย - หญิง
เกิด - ตาย
ดำ - ขาว
หยิน - หยาง
ฉะนั้น เมื่อมีคนมาเลื่อมใสในวัด มันก็ต้องมีคนเกลียดทางวัดบ้างละครับ
๑.กุศลธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายกุศล เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีขาวใส กายในกายขาวใสทั้งหมด เรียกว่าภาคพระ ภาคขาว ภาคบุญ
๒.อกุศลาธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายอกุศล เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีดำ กายในกายดำทั้งหมด เรียกว่า ภาคมาร ภาคดำ ภาคบาป
๓.อัพยากตาธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายอัพยากตา เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีตะกั่วตัด กายในกายสีตะกั่วตัดทั้งหมด เรียกว่า ภาคกลาง ภาคไม่บูญไม่บาป
ทั้ง ๓ ธาตุธรรมนี้ ย่อมมีต้นธาตุ ทำหน้าที่ปกครองธาตุธรรมตลอดสาย
ต้นธาตุถือเป็นผู้บัญชาการในธาตุธรรมนั้นๆ ทำหน้าที่ปกครองธาตุธรรมในนิพพาน
#3
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 07:03 PM
เรื่องชุดมหาลดาปสาธน์ ได้ใช้คำอธิบายไปว่า นางวิสาขา ท่านเป็นยอดอุปัฎฐายิกาคู่บุญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันนี้
ทางวัดจึงยกย่อง ให้ผู้นำขบวนรองประธานกฐินประจำปี แต่งกายด้วยชุดมหาลดาปสาธน์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของท่านวิสาขา เสมือนเป็นตัวท่าน
ก็ไม่ต่างกับ นางนพมาศ นางสงกรานต์ ก็เป็นความเชื่อ เป็นศรัทธาของแต่ละเทศกาล ที่เป็นสิ่งที่แสดงถึงวัฒนธรรมที่ดี เช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องเครื่องประดับ ได้อธิบายว่า เป็นสิ่งที่ได้ไปรู้ ไปเห็น ด้วยพระธรรมกาย คล้ายการระลึกชาติไปดู ของพระเกจิอาจารย์ที่ปฎิบัตกันมานานในพระพุทธศาสนา
แต่แจ้งว่า นั่นเป็นแค่เรื่องรายละเอียดปลีกย่อยของการศึกษา คือดูของเครื่องประดับที่ท่านเทพนารีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งพบว่ามีความแปลกที่โยงมาได้ถึงสมัยที่เป็นมนุษย์ ที่ถวายอะไร ก็จะได้เครื่องประดับที่มีความเชื่อมโยงกัน
ให้หัดอธิบายง่ายๆ ด้วยใจที่มองเขาอย่างเมตตา ว่าเขาน่าสงสารที่อยู่ท่ามกลางสื่อที่เป็นมิจฉาทิษฐิ โอกาสพลาดพลั้งไปลบหลู่เกิดได้ง่าย ดีแล้วนะที่กล้ามาถามเรา ใจเราจะไม่โกรธ ที่เขามาถามด้วยความไม่เข้าใจ
การตอบเรื่องพวกนี้ ต้องพร้อมที่ใจเราก่อนนะจ๊ะ
ถ้าขยันจะโกรธ ก็เลี่ยงไปก่อน นะจ๊ะ
#4
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 07:37 PM
ในครั้งพุทธกาลชุดมหาลดาปสาธน์มีแต่ ๓ นาง เท่านั้น
คือ นางวิสาขา นางมัลลิกาผู้เป็นภริยาแห่งพันธุลาเสนาบดี และนางเศรษฐีธิดาอันเป็นภริยาแห่งเทวปานิยสาระคหบดี ณ เมืองพาราณสี
จำลองมาให้ดูเพื่อให้พวกเราได้ปลื้ม เป็นกำลังใจ และระลึกติดตาได้ง่ายเมื่องานบุญกฐินเท่านั้น แต่ไม่ยึดติดกับทรัพย์ภายนอก
ทรัพย์ภายนอกมีเพื่อให้เราไม่ต้องลำบากเท่านั้น จะได้สร้างความดีช่วยผู้อื่นสร้างบารมีแบบไม่ต้องเดือดร้อนตนเองและผู้อื่น
ไม่ต้องมากังวลกับความยากจน ทำมาหากิน เอาเวลาที่เหลือมานั่งธรรมะทำใจหยุดนิ่ง ยิ่งเรามีทรัพย์มากบริวารมากเราก็มีกำลังสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้มากด้วย
ยืนยันตัวจริงเสียงจริงเจ้าของกรณีศึกษากฎแห่งกรรม
http://video.dmc.tv/programs/life_in_samsara/page5.html
หนังสือเรียนธรรมะ DOU http://book.dou.us/d...ya-book-gl.html
GL 101 จักรวาลวิทยา http://book.dou.us/gl101.html
GL 102 ปรโลกวิทยา http://book.dou.us/gl102.html
GL 203 กฎแห่งกรรม http://book.dou.us/gl203.html
GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์ http://book.dou.us/gl305.html
#5
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 08:25 PM
แต่ผมกลับคิดว่า ดีซะอีกครับ เป็นการช่วยโฆษณาฟรีๆ
เพราะในโลกมนุษย์ ผู้ที่มีปัญญาก็อยู่รวมกับผู้ไม่มีปัญญาล่ะครับ (แยกแยะด้วยตาเปล่าไม่รู้)
เราต้องการเฉพาะคนมีปัญญา หรือคนไม่มีปัญญามาวัดล่ะครับ
พระพุทธเจ้าท่านยังต้องเลือกไปโปรดผู้ที่มีบารมีแก่ๆ ก่อนเลย
เรื่องนี้คิดว่าไม่มีปัญหาครับ
#6
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 09:52 PM
#7
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 10:02 PM
ในความเห็นนะ ถ้าใครมีหนังสือเล่มที่เค้าforward ก้อช่วยเอาบุญหน่อยโดยการสแกนภาพทุคติภูมิ แล้วforward กลับไปหาคนที่ได้รับ นะ จะได้เห็นความแตกต่างระหว่าง สุขคติ กับ ทุคติ นะ แล้วให้เลื่อกเอานะ
#8
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 12:03 AM
เรื่อง forward mail โจมตี คงไม่ทำให้เราหวั่นไหวหรือเสื่อมศรัทธา...แต่หากเราสามารถตอบให้เขาเข้าใจได้...เดี๋ยว mail ก็จะผ่านไปดังสายลม...หลายท่านที่จิตละเอียดก็จะเริ่มปรารถนามาดูชุดมหาลดาปสาธน์จำลองด้วยสายตาตนเอง...และเห็นศรัทธา...วินัยของสาธุชน...
ถือเป็นโอกาสคัดเลือกบุคคลที่ต้องการทราบและพิสูจน์ความจริง...ต้องอย่างนี้ล่ะ...จึงจะได้เพชรแท้
#9
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 08:16 AM
#10
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 08:43 AM
น่าสงสัยไหมครับ ว่าพวกเขากำลังเล่นอะไรกันอยู่ พวกเขาไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้กันแน่
#11
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 09:37 AM
#12
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 10:49 AM
#13
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 11:43 AM
ส่วนรัตนต่างๆ ที่ดูอลังการของชุดเครื่องประดับนี้ จริงๆ แล้วเป็นของทำเลียนแบบขึ้น ถ้าเป็นทองเป็นเพชรจริงๆ เหมือนอย่างสมัยพุทธกาลจะหนักมาก จนคนธรรมดาไม่สามารถสวมใส่ได้ทีเดียวล่ะครับ
แต่ผมก็แนะนำให้ตอบเฉพาะเพื่อนๆ กันนะครับ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปตอบในที่สาธารณะ ถ้าใจเรายังไม่นิ่งพอ
#14
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 11:56 AM
เพราะคนที่สนใจ ศึกษา พระพุทธศาสนา หาหนทางหลุด ทางพ้นนี่ มีเท่าเขาโคครับ..
แต่คนที่ถือพุทธตามทะเบียนบ้าน แต่ใจยังเกาะยึดกับอวิชชาอยู่เต็มเหนี่ยวนี่ มีเท่าขนโคเชียวครับ..
ไว้ถ้าใจเขาเปิดเมื่อใด หรือพูดง่ายๆถ้าวันใดวุฒิภาวะ (ทางธรรม) เขาพัฒนาขึ้นแล้ว วันนั้นก็ค่อยมาคุย มาถก มาเถียง กันดีกว่า น่าจะดีกว่าครับ..
สรุป..พูดไปเสียสองไพเบี้ย (สู้) นิ่งเสียได้ตั้งสองตำลึงทอง (แน่ะ)..
#15
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 12:12 PM
แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ถูกสร้างนั้นคือ อุปกรณ์ไว้ใช้สร้างคนดีให้เต็มบ้าน เต็มเมือง เต็มโลกใบนี้(จึงต้องใหญ่และแข็งแรง อยู่เป็นพันปี) และอนิสงค์ของการบริจากทานก็คือบุญกุศล บุญก็จะไปดึงดูดเอาบุญเก่าๆที่สั่งสมมาทุกภพทุกชาติมากพอ จนทำให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง การค้าดีขึ้น เราก็บริจากทานได้มากขึ้น ไม่น่าจะเป็นการโลภอะไร เพราะเรานำเงินไปสร้างคนให้เป็นคนดี
ความไม่รู้ เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดครับ
#16
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 12:21 PM

เป้าหมายชีวิต คือ ที่สุดแห่งธรรม
#17
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 01:18 PM
แต่เราก็ตอบไปว่าไม่แปลกหรอก แล้วเราถามเค้าว่าเค้าเห็นแล้วรู้สึกอย่างไร (ถ้าไม่รู้ว่าภาพนี้มาจากวัดเรา)
เค้าก็อึ้งค่ะ แล้วเราก็อธิบาย คล้ายๆกับคุณ Tsubaru
สิ่งที่เห็นเป็นสิ่งที่สวยงาม ถ้าเราอยากเห็นสิ่งที่สวยงาม เราควรทำสิ่งที่สวยงาม อธิบายเรื่องที่สวยงามให้คนไม่รู้ได้ทราบข้อเท็จจริงค่า
#18
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 01:49 PM
ก็ได้แต่นึกว่า ......
บางคน ต้องได้บางคนเป็นกัลยาณมิตร
อย่าง พญานาค "นันโทปนันทะ"
ยังต้องได้พระโมคคัลลานะ ไปโปรด.....
แม้พระอรหันต์องคือื่นก็ยังโปรดไม่ได้
อันตัวเราก็ปุถุชน กินข้าวแกง...
มีจิตอันเป็นกัลยาณมิตรต่อเขา....
ก็คงจะสอบผ่านขั้นต้นแล้วกระมัง
ขอบพระคุณทุกท่านมากค่ะ
ได้กำลังใจ และ กำลังวังชา (พร้อมฟาดงวงฟาดงาอีกครั้ง......เอ้ยยยย....ไม่ช่ายยยยย

พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#19
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 04:08 PM
ล่าสุด ได้รับอีเมล์ห้ามไปงานตักบาตรทุกแห่ง เพราะเป็นการเสริมบารมีของ "ใคร" บางคน (คิดได้งัยเนี่ย??) ห้ามคนทำความดีนี่เป็นบาปมหันต์เลยนะคะ
เวลาทำอะไรพลาด อย่าคิดนำไปก่อน เพราะมารจะเข้าแทรกผัง ให้เราคิดได้เป็นเรื่องเป็นราวทันที ยิ่งคิด ยิ่งมีผลเสียแก่ตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วใจจะตก มารจะแทรกผังสำเร็จใส่ทันที ทำให้เรื่องที่ยังไม่มีอะไร กลับกลายเป็นเรื่องร้ายทันที ยิ่งคิดจะยิ่งเสีย ฉะนั้น เมื่อเกิดเรื่อง ให้เราทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายอย่างเดียว (ขุมทรัพย์จากคุณยาย)
#20
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 04:17 PM
#21
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 04:41 PM
เอาเป็นว่า เลขไหนก็ไม่มีปัญหาครับ สำหรับผม ให้ได้สร้างบารมีเป็นใช้ได้
#22
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 07:37 PM
แนวคิดเห็นของผู้มีปัญญาทั้งนั้นเลยครับ............อย่าหวั่นไหวจงสู้ต่อไป......สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...ท้อได้แต่อย่าถอย
...............ชีวิตในสังสารวัฏ......................................สาธุครับ....
จาก....พุทธยาจารี อุบาสกะ(สมาชิกใหม่)




#23
โพสต์เมื่อ 03 August 2008 - 11:12 PM
#24
โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 10:55 AM
#25
โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 11:07 AM
11,111 ก็คงมาจากเป็น 1 ไม่เป็น 2 รองใครมั่งคะ (เดาน่ะ)
ตอบไปเลยคะ ต้องการให้ผู้ร่วมใส่บาตรเป็น 1 ไม่เป็น 2 รองใคร
#26
โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 12:47 PM
11111 ช่วยตอบด้วยนะคะว่าทำไมเลือกพระสงฆ์เท่านี้ ถ้าจะเป็น 9999 จะโอเคกว่ามั้ย ขอเสนอแนะค่ะ
#27
โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 12:54 PM
คนวัด ก็มองว่าจะอย่างไรก็ช่าง ฉันขอเอาบุญเป็นหลัก (ซะอย่าง)..
คนโลก ก็มองว่าเป็นเรื่องของการมง การเมือง เรื่องของผลประโยชน์ เรื่องของบารมีใครต่อใครหรือเปล่า?..
ถ้าสองคนนี้บังเอิญมาเจอกันเข้า นอกจากจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ยังชวนทะเลาะ ต่อยตี กันอีกด้วย..
สรุป ใครจะมองอย่างไรก็ช่างเขาเถิด (เพราะเราไม่สามารถห้ามความคิดเขาได้) แต่ผลที่ออกมา จะเป็นผลบวก หรือผลลบ ก็ต้องมาคอยดูกันทั้งสองคน..
อย่าเถียงกันเลย มารอดูผลลัพธ์ด้วยใจจรด ใจจ่อกันดีกว่าน่ะ..ถ้าผลเป็นอย่างที่คุณคาดไว้อย่างไร ก็ค่อยมาถกกันดีกว่า..
เพราะฉะนั้นคนทางโลกก็ควรปล่อยให้คนวัดเค้าได้ทำหน้าที่ของเค้าเถิด..อย่าขวางเลย (แค่มือไม่พาย ก็แย่พอแล้ว)..
และคนวัดก็ควร ยิ้มแย้ม ยืดหยุ่น ยกย่อง คนโลกบ้าง เพราะคนโลกเค้ายังต้องการลาภ ยศ สรรเสริญ อยู่ เค้ายังไม่ซาบซึ้งกับคำว่า บุญ ควรให้อภัยเขาเถิด (ประเสริฐนัก)..
#28
โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 01:58 PM

โปรดแซ่บ...เอ้ย โปรดทราบ.......ค่ะ

ช่วงนี้กระแสสร้างบารมีของหมู่คณะ....แพร่หลายอย่างรุนแรง เป็นวงกว้าง....มาก
ทำให้บรรดา มารทั้ง 5 ฝูง จึงออกอาละวาดหนัก ทั่วประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่ภายในบ้านของท่านเอง
ขอท่านทั้งหลาย โปรดมีสติตั้งมั่นที่ 072 เพื่อฝึก





อย่างมีสติตั้งมั่นที่ 072)


จริงดังว่า มารไม่มี บารมีไม่เกิด....

ขอทุกท่าน สั่งสมบารมีให้แก่รอบ
และที่สำคัญ ต้องให้ใจเกาะเกี่ยวกับ ครูบาอาจารย์ ตลอดเวลานะคะ เราจึงจะชนะ


ขอทุกท่านจงมีชัยที่ชนะด้วยธรรมค่ะ สาธู๊
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#29
โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 03:30 PM
#30
โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 03:35 PM
พอเลิกปวดเข่า เลิกปวดสะโพก ก็ปวดหัวไหล่แทน(ทนอย่างแรกได้)
พอเลิกปวดใหล่ ก็ปวดหัวแทน
พอเลิกปวดหัว ก็อยากเลิกนั่งแทน
นั่งอยู่ดีๆ พอใจสงบดี ก็อยากเลิกนั่งซะงั้น ก็ทนไม่ได้ ก็คิด ...เออ..เลิกก็ได้วะ พอทำท่าจะลุก ก็รู้สึกว่าตัวเองยังนั่งได้ต่อ พอนั่งจนใจเริ่มสงบ สบายดี เอาอีกละ นับเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้
แต่พอตอนที่นั่งฟุ้ง ตลอดเป็นชั่วโมงนะ ไม่เห็นอยากเลิกนั่ง ...มันเป็นไปซะงั้น มารชัดๆ เลยล่ะ
ปล. หนับหนุน คห. 28
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป