แต่แหม! การใช้ชีวิตเป็นโสด ใช่ว่าจะเป็นเรื่องน่ากลัว หรือเสียหายประการใด ตรงกันข้าม หากรู้จักและเข้าใจกับชีวิต มีการจัดการบริหารชีวิตที่ดี บางที “คานทองนิเวศน์” ก็ไม่ใช่เคหสถานที่น่ากลัวอีกต่อไป ในมุมกลับอาจจะน่าพิสมัยของบรรดาคนโสดทั้งหลายเสียด้วยซ้ำ ถึงขั้นจะเปลี่ยนเป็นคานเพชร คานแพลทินัมกันเลยเชียว
** รัก-ดูแลตัวเอง และต้องมีความสุข

เป็นเจ้าของบ้านสาวโสดมาได้ 2 เดือนกว่าๆ สำหรับ เสาวรส ศรีชาติ หรือที่รู้จักกันดีในฐานะนักร้องเสียงดี โอ๋ ลำดวน เธอประกาศตัวเป็นโสดสนิทพร้อมกับการเปิดตัว http://www.baansaosoad.com ล่าสุดมีลูกบ้านสาวโสดประมาณ 3,000 คน และเพื่อนบ้านที่ไม่จำกัดสถานภาพอีกประมาณ 4,000 คน
“ตอนนี้โสดสนิท ไหนๆ เป็นแล้ว เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ทำไมต้องเสียใจกับมัน แทนที่จะรู้สึกอย่างนั้นก็ลุกขึ้นมาทำงาน เปิดเว็บไซต์ดีกว่า ในความรู้สึกเราถ้าเลือกได้ ไม่โสดก็ได้นะ แต่ถ้าต้องโสดไปตลอดก็ไม่เป็นไร เพราะเข้าใจตัวเองดีว่าเวลาคบใครเราค่อนข้างซีเรียส คบเล่นๆ ทำไม่เป็น กว่าจะเลือกใครสักคนเรื่องเยอะพอสมควร
สำหรับโอ๋การจะมีคู่คิดต้องมากับความไม่ยุ่งยากไม่เดือดร้อน คู่คิดบางคนไม่ตรงกับเรา ขัดแย้งกัน ต้องอยู่กันแบบทนๆ โอ๋ก็ไม่เอา เพราะเราดูแลตัวเองได้ มีงานที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง จะต้องมาเจียดเวลาให้ใครอีก ถ้าเขาไม่คู่ควรก็ไม่อยากเสียเวลาให้”
ด้วยหน้าที่การงาน ยิ่งตอนนี้มีร้องเพลงกลางคืนทุกวันจันทร์-เสาร์ ทำให้ได้พบผู้คนมากหน้าหลายตาที่เทียวมาแจกขนมจีบ แต่เธอก็เซย์โนไปทุกราย
“ถึงเราจะบอกไปว่า อยากอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต แต่ถ้ามีใครเข้ามาแล้วถูกใจ โอ๋ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ต้องใจอ่อน ผู้หญิงถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากอยู่เป็นโสดหรอก แต่ถ้าคนที่เข้ามาไม่ดีพอ การอยู่เป็นโสดน่าจะดีกว่า คนที่จะเข้ามาต้องเพอร์เฟกต์ คุ้มค่ากับ
ความรักของเราหน่อย เราต้องเลือกสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง ไม่จำเป็นต้องง้อผู้ชาย แต่ไม่ได้หมายถึงเราเกลียดผู้ชายนะ สมัยนี้ผู้หญิงทำงานหาเงิน ดูแลตัวเอง ไม่ต้องเป็นช้างเท้าหลัง พอสังคมเราเปลี่ยนไป วิถีชีวิตคนเปลี่ยนไป คนหันมารักตัวเองมากขึ้น ตอนนี้ผู้หญิงลุกขึ้นมาดูแลตัวเองได้ มีสิทธิเลือกมากขึ้น”
ใครเคยพบตัวจริงเสียงจริงของเสาวรส น่าจะลงความเห็นว่า เธอเป็นสาวสวยรวยเสน่ห์ ยิ่งไม่น่าเชื่อว่า เธอโสดสนิทและมีแววว่าอยากโสดไปอีกนาน สาวโสดยังฝากถึงเพื่อนๆ ที่รักษาสถานภาพเดียวกันว่า
“ถ้าเราจะใช้ชีวิตโสดควรมีความสุขกับมันที่สุด อย่างน้อยถือเสียว่าเราได้มีเวลาทำอะไรให้กับตัวเองได้มากที่สุด ดูแลพ่อแม่ อย่างโอ๋การทำบ้านสาวโสดขึ้นมาก็เป็นการคลายเหงาได้ เราได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ในกลุ่มก็โสดกันทั้งนั้นอายุมากกว่าเราอีก โอ๋มีกิจกรรมทำมากมายแทบไม่มีเวลาเหงาด้วยซ้ำ
ถ้าเรานับถือศาสนาพุทธ เรื่องธรรมะก็ช่วยได้นะ ช่วยให้เรามีความสุขอย่างแท้จริง ไม่ยึดติดกับอะไร วันนี้เรามีแฟนวันต่อไปไม่มีก็ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หากต้องใช้ชีวิตในแบบที่เป็นโสด ผู้หญิงก็จะต้องเรียนรู้การเป็นโสดของตัวเองให้ได้ ควรที่จะมีความสุข มีเวลาให้กับตัวเอง ในแต่ละวันสามารถที่จะนอนได้มากกว่า 8-10 ชั่วโมง ตรงนี้คือโอกาสที่จะทำได้เพื่อตัวเอง”
** ถามตัวเองว่า...อยู่คนเดียวได้ (จริง) ไหม
ใครเลยจะคิดว่าผู้ชายมาดดี หน้าที่การงานก็เด่น แถมยังร่ำรวยอารมณ์ขัน และเพิ่งอายุ 37 ปีเอง อย่าง วิญญลักษณ์ โสรัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จะมองอนาคตไกลถึงขนาดจะลงขันกับเพื่อนๆ ทำธุรกิจเกี่ยวกับ รีไทร์ แอท โฮม เจาะกลุ่มเป้าหมายคนใช้ชีวิตโสดหลังเกษียณ
“ผมคิดว่าบั้นปลายชีวิตก็คงเข้าไปอยู่ในที่มีคนกลุ่มเดียวกันถ้าเรายังเป็นโสด อนาคตเป็นไปได้อยากทำธุรกิจเกี่ยวกับตรงนี้ เป็นคอมเพล็กซ์ คิดกับเพื่อนๆ ที่มีวิชันเหมือนกัน ทำเองแล้วเข้าไปอยู่ด้วย มีกิจกรรมสำหรับคนกลุ่มนี้ ปัจจุบันมีหลายๆ คนเทรนด์เดียวกับเรา มองการใช้ชีวิตเหมือนกันกับเรา คนไม่แต่งงานเยอะมาก สังคมต่างคนต่างอยู่มากขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้จะโหยหาสิ่งเหล่านี้ เพราะในอนาคตเราอยู่คนเดียวเป็นอะไรไปไม่มีใครรู้”
วิญญลักษณ์ ยังคิดจะครองตัวอยู่เป็นโสด เล่นเอาสาวๆ อกเดาะกันระนาว “ผมยังสนุกกับการทำงาน มีใครเข้ามาไม่มีเวลาให้เขา ก็คงจะเกิดปัญหา ถ้าไม่มีใครเข้ามาในชีวิตเลยผมก็ไม่กังวล เป็นความเคยชินที่เราอยู่คนเดียวมานานแล้ว ในสังคมเพื่อนๆ ที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ ยังเกาะกลุ่มกันอยู่เป็นโสดก็เยอะ แต่ก็ไม่ได้ตั้งกฎว่าเราต้องโสด มันไม่พร้อมด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง คิดว่าอยู่คนเดียวน่าจะเหมาะในปัจจุบัน
จริงๆ ผมมีมุมมองค่อนข้างแปลกในเรื่องครอบครัว เพราะผมโตมากับเพื่อนตลอด เรียนจบ ทำงาน แต่งงาน มีลูก ไม่มีความคิดนี้อยู่ในหัวเลย มีแต่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด มีคู่หรือไม่มีไม่ใช่ประเด็น ไม่มีอิเมจินถึงตรงนั้น ไม่ใช่แพตเทิร์นของชีวิตเรา พ่อแม่ไม่คาดหวัง แล้วแต่เราให้คิดเอง แต่ลึกๆ เขาคงแอบคาดหวังให้เราเป็นฝั่งเป็นฝา
ที่ผ่านมาทุกอย่างคิดเองทำเองมาตลอด ซึ่งผมอาจคิดผิดก็ได้ ปัจจุบันผมอยู่ได้ด้วยตัวเอง กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง ท่องเที่ยว สนุกกับงานและกับชีวิต พอไม่มีภาระเราอยากทำอะไรก็ทำ มันเคยชินกับตรงนี้ แล้วมีความสุข แต่ถ้ามีคู่เข้ามาผมถือว่านั้นเป็นโบนัส”
การใช้ชีวิตโสดสนุกกว่าการมีคู่ครองเป็นไหนๆ ทว่าวิญญลักษณ์ก็ไม่ได้ประมาทต่อการใช้ชีวิต เพราะตระหนักดีว่าคนเราไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพไหนก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน ดังนั้นควรมีการบริหารจัดการชีวิตที่ดี
“ผมว่าเป็นประเด็นสำคัญมาก คนแต่งงานมีครอบครัวมักคิดว่าแก่มาลูกหลานจะเลี้ยง เราสร้างความคาดหวัง ถ้าเขาไม่เลี้ยงเราก็ผิดหวัง ไม่มีการวางแผน ผมคิดว่าในชีวิตเราไม่อยากพึ่งใคร เราสร้างฐานะให้เรามั่นคง ถ้ามีครอบครัวเรื่องเงินเราต้องมีเยอะกว่า ส่วนคนโสดในวันนี้เราอยากใช้ไปหมดก็เรื่องของเรา แต่ว่าโดยหลักๆ ต้องมีการวางแผน อย่างอายุ 20-30 ก็ใช้ได้ แต่ถ้าใกล้ 40 แล้ว ไปเสี่ยงมากก็ไม่ได้ เราอยู่คนเดียวก็จริงแต่ไม่ใช่ต้องเผาพลาญทุอย่าง ต้องมีการวางแผนไว้พอสมควร เวลาเราเจ็บไข้ใครไม่มีใครต้องมีเงินสำรอง”
โสดมีข้อดีอีกตั้งหลายอย่าง หากเราจะเลือกมองในมุมบวก “คนจะอยู่เป็นโสดต้องถามตัวเองก่อนว่าอยู่ได้ไหม เพราะเพื่อนจะอยู่กับเราตลอดไม่ได้ หลักๆ ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง รักตัวเอง ใช้ชีวิตได้ มีความสุข คนโสดต้องหาอะไรทำ แรกๆ เราอาจจะมีเพื่อนฝูงเฮไหนเฮกัน แต่สักระยะเราจะสนใจในกิจกรรมที่เราอยากทำมากกว่า ซึ่งผมเองทุกวันนี้รู้สึกว่ามีความสุข สนุกกับงาน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดถูกหรือผิด วันหนึ่งอาจเสียดายที่ไม่หาคู่ครองหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ ณ วันนี้ผมมีความสุข”
** เศรษฐกิจ-สังคมบีบให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง ศ.ดร.ปราโมทย์ ประสาทกุล อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยตัวเลขของคนที่ครองตัวเป็นโสดเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 40 ปีก่อน จากผู้หญิงกลุ่มคนอายุ 15-54 ปี เป็นโสด 21-22 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปี 2551 กลุ่มคนในวัยเดียวกันอยู่เป็นโสด 35 เปอร์เซ็นต์ และในอนาคตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแต่ไม่มาก เพราะจำนวนนี้น่าจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ส่วนผู้ชายในวัยเดียวกัน เมื่อปี 2503 เป็นโสดอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์ ปี 2543 เพิ่มเป็น 36-37 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์
ศ.ดร.ปราโมทย์ ยังบอกอีกว่า ปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นโสดเพิ่มขึ้น เพราะสถานภาพสตรีสูงขึ้น มีการศึกษาสูงขึ้น โดยวัดจากตัวเลขผู้หญิงในวัย 20-24 ปี ที่มีการศึกษาระดับอุดมศึกษา เมื่อปี 2503 มีอยู่แค่ 2-3 เปอร์เซ็นต์ ปี 2523 ขึ้นมาถึง 7 เปอร์เซ็นต์ และปี 2543 มีมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์
“อีกปัจจัยที่คนเป็นโสดทั้งหญิงและชาย คือ การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ การครองชีพ ทำให้ทุกคนมุ่งสนใจการหารายได้ เพื่อยกฐานะทางเศรษฐกิจตัวเองให้สูงขึ้น ทำให้ความสนใจที่จะมีคู่แต่งงานลดน้อยลง ทั้งผู้ชายผู้หญิงเอาแต่ทำงาน ไม่มีเวลาคิดเรื่องสร้างครอบครัว
ทัศนคติต่อการครองคู่ลดน้อยลง สมัยก่อนคนอยากแต่งงานมีครอบครัว แต่สมัยนี้อาจจะมองว่าไม่สำคัญ ทำงานดีกว่า การเป็นอิสระอยู่ด้วยตัวของตัวเองน่าจะดีกว่า น่าจะสบายกว่า ซึ่งแนวโน้มตรงนี้ในอนาคตผู้สูงอายุเป็นภาระของตัวเอง ของครอบครัว ของชุมชนจะมีมากขึ้น ดังนั้นคนที่คิดจะอยู่เป็นโสดจะต้องมีระบบที่จะเก็บออม มีหลักประกันของตัวเองไว้”
*** ออมเงินไว้ใช้ยาม (แก่) ลำพัง
นวพร เรืองสกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน และเจ้าของหนังสือ ออมก่อนรวยกว่า ได้ให้ข้อคิดเรื่องการใช้ชีวิตและเงินของคนในวัย 35 ปีขึ้นไปว่า “ไม่ว่าจะแต่งงานหรือไม่แต่งงานก็ต้องคิดเรื่องพึ่งตัวเอง แต่งงานแล้วแน่ใจหรือว่าจะอยู่กันไปตลอดรอดฝั่ง เขาจะไม่ล้มหายตายจากไปก่อน
สถิติทั่วโลกมีว่า ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและต้องดูแลตัวเอง มักจะอยู่ในฐานะทางการเงินที่ยากลำบากกว่าคนที่ไม่ได้แต่ง ยิ่งสังคมตะวันตกคนที่แต่งงานไปแล้วมักเลิกทำงานมาดูแลบ้าน โอกาสที่จะพัฒนาตัวเองทำให้ก้าวหน้าหยุดชะงักไป ดังนั้นเป็นผู้หญิงไม่ว่าจะอยู่วัยใด แต่งงานหรือไม่ ต้องนึกว่าเราต้องพึ่งตัวเองต้องรู้จักวางแผนเอาไว้ ระยะเวลาที่เราทำงานสั้นกว่าที่เราจะต้องใช้เงิน เราจะเก็บเงินไว้ใช้ในช่วงนั้นอย่างไร”
การใช้ชีวิตเป็นโสดไม่ต้องมีภาระใดๆ มากเท่ากับคนที่แต่งงานแล้ว แต่ในบั้นปลายชีวิตต้องระมัดระวังเหมือนกัน “โสดเบื้องต้นอาจจะสะดวกสบาย ไม่มีภาระดูแลลูก แต่ต้องเก็บเงินเพื่อตัวเอง เป้าหมายหลัก คือ ไม่เป็นภาระกับใคร ต้องเรียนรู้เรื่องลงทุน สิ่งเหล่านี้เรียนรู้ได้ไม่ยาก ธนาคารเองก็มีบริการแนะนำเรื่องพวกนี้ ลองศึกษาดูระหว่างที่ยังมีแรงทำงาน มองโครงการต่างๆ สำหรับการเกษียณอายุ เช่น กองทุนเลี้ยงชีพ เงินบำนาญ ประกันชีวิต การซื้อก็เป็นการลงทุนโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่การซื้อต้องเป็นการซื้อของที่ให้รายได้ในอนาคตได้
“การออมไม่มีสูตรสำเร็จควรจะเก็บอย่างไร สไตล์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อนาคตต้องการอะไร ช่วงอายุ 30 ขึ้นไปต้องใช้เงินเพื่อการใดบ้าง แต่ทุกคนต้องมีสูตรสำเร็จเหมือนกันคือ ตอนที่หาเงินไม่ได้แล้วก็ยังต้องใช้เงิน ดังนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามคุณต้องเก็บเงิน
ที่สำคัญอย่าก่อหนี้ เพราะไม่อย่างนั้นบั้นปลายแทนที่จะสบายได้ใช้เงินที่เก็บออมมา กลายเป็นว่าต้องหาเงินใช้หนี้ตอนแก่ การจัดการเงินเป็นเรื่องสำคัญมาก”
นอกจากการออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณ การช่วยเหลือผู้อื่นก็เป็นการออมเพื่อนฝูงอีกแบบหนึ่ง
“คนโสดคิดว่า เราสบายไม่มีภาระ บางคนไม่คาดหวังอะไร แต่เราควรมีเพื่อน เอื้อเฟื้อดูแลใครต่อใครไว้บ้าง พอบั้นปลายจะได้ดูแลกันเองได้ ถ้าเราเอื้อเฟื้อเราก็จะมีสังคมที่อบอุ่น เพราะคนเราเกิดมาต้องมีสังคม ไม่ใช่มุ่งทำงานจนลืมส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตไป
คนที่คิดว่าจะอยู่ตัวคนเดียวไปตลอดชีวิต ลองไปทำงานอาสากับผู้สูงอายุสัก 1 เดือน จะทำให้เราเข้าใจและรู้ว่าเราต้องเตรียมตัวยังไงก่อนถึงอนาคต และสุขภาพเราก็ต้องออมเหมือนกัน ถ้าเรายังใช้ชีวิตหักโหม พอแก่มาป่วยต้องใช้เงินของเรานี่ล่ะรักษา ต้องดูแลสุขภาพไม่อย่างนั้นแก่มาต้องซ่อมบำรุงมันอย่างเดียว”
การจะ “เป็นโสด” ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะใช้ “ชีวิตโสด” ให้มีความสุข ไม่เดือดร้อนผู้อื่นนั่นต่างหาก คือ “ศิลปะของการใช้ชีวิต (โสด)” อย่างแท้จริง
//////////////