ทำไมมารไม่หมดเสียที?
#1
โพสต์เมื่อ 24 August 2008 - 11:04 PM
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันท่านได้ทรงตรัสไว้ว่ามารมีอยู่ 5 ฝูง คือ กิเลสมาร ขันธมาร อภิสังขารมาร มัจจุมาร และเทวบุตรมาร และพระองค์ก็ทรงสามารถพิชิตมารได้ ณ ใต้ควงไม้มหาโพธิ์ ในคืนวันตรัสรู้ แม้พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ก็ทรงสามารถพิชิตมารและตรัสรู้ได้เหมือนๆ กัน แต่...
พระพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไป ก็ต้องผจญมารอยู่อีก
ที่ผมสงสัยก็คือ ทำไมมารจึงยังมีอยู่อีก? แล้วพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปข้างหน้านับพระองค์ไม่ถ้วนจะต้องผจญมารอย่างนี้อีกยาวนานเท่าไร แม้พระพุทธเจ้าจะทรงบังเกิดขึ้นในโลก และดับขันธปรินิพพานไปแล้วนับพระองค์ไม่ถ้วน แต่มารก็ยังคงอยู่ ยังไม่หมด ที่กล่าวได้เช่นนี้เพราะว่ามารทั้ง 5 ฝูง ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม คอยขัดขวางพระพุทธเจ้า พระสาวก พระโพธิสัตว์ และปุถุชนคนทั้งหลายในการสร้างความดี กีดกั้นการสร้างบารมี และถ่วงเวลาการสร้างบารมีให้ล่าช้าอยู่ตลอดเวลา
มาร 5 ฝูงมาจากไหน?
แน่นอนว่า ธรรมทั้งหลายย่อมเกิดแต่เหตุ แล้วอะไรเล่าที่เป็นเหตุอันก่อให้เกิดมาร 5 ฝูง ทำให้มนุษย์มีกิเลส ทำให้ต้องเจ็บป่วย ต้องแก่ ต้องตาย ต้องประสบวิบากกรรม และต้องผจญกับผู้ขัดขวางความดีที่มีตัวตน แม้พระไตรปิฎกอาจจะไม่ได้กล่าวเอาไว้ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีเหตุและปัจจัย เพราะพระพุทธเจ้าท่านก็ทรงตรัสไว้อีกว่า สิ่งที่ท่านสอนเป็นประดุจใบไม้ในกำมือ เมื่อเทียบกับใบไม้ในป่า เหตุที่ท่านสอนธรรมะเท่าใบไม้ในกำมือ ก็เพราะท่านมุ่งหวังในทุกคนบรรลุมรรคผลเท่านั้น ส่วนว่ามาร 5 ฝูงเกิดขึ้นได้อย่างไร มีใครเป็นผู้ควบคุม ก็คงเป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงเปิดเผยแก่เหล่าพระสาวก เพราะทรงทราบดีว่า ท่านยังไม่เห็นใครที่จะแก้เหตุเหล่านั้นได้
มารยังไม่หมด พระพุทธเจ้าก็ยังไม่หมด
เราทราบแน่นอนแล้วว่ามารยังไม่หมดไปจากสังสารวัฏ ในขณะเดียวกันก็จะยังคงมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกมากมายหลายพระองค์ที่จะบังเกิดขึ้น ทุกพระองค์ล้วนต้องบำเพ็ญบารมีเยี่ยงพระบรมโพธิสัตว์มาทั้งนั้น แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะมีพระองค์ใดที่สามารถแก้เหตุแห่งมารทั้ง 5 ฝูงได้ และนำพาสรรพสัตว์เข้าสู่พระนิพพานได้หมดสิ้น
หากจะมีพระองค์หนึ่ง...
พระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์ก็บำเพ็ญบารมีมากน้อยต่างกัน เมื่อบรรลุพระโพธิญาณแล้ว ก็มีอานุภาพมากน้อยต่างกันไปด้วย แล้วถ้าหากว่า.. จะมีพระบรมโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง ดำริว่า จะต้องสร้างบารมีให้ยิ่งกว่าพระโพธิสัตว์อื่นๆ ทั้งหลายเพื่อที่จะมีอานุภาพมากพอที่จะดับเหตุแห่งมาร 5 ฝูงได้หมดสิ้น ไม่ว่าเส้นทางนี้จะยาวไกลมากมายหลายร้อยพันเท่าเพียงใดก็ตาม ท่านไม่คิดหรือว่า นี้เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ แม้สิ่งนี้จะยังไม่เคยเกิดขึ้น แต่ท่านไม่คิดหรือว่า สิ่งนี้สมควรเกิดขึ้น และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ประโยชน์สุขย่อมเกิดขึ้นกับสรรพสัตว์ทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือไม่ก็ตาม
หลายคนอาจบอกว่า มันเป็นเรื่องเพ้อฝัน ไม่มีทางเป็นไปได้ ว่าแล้วก็ปล่อยให้มาร 5 ฝูง เล่นงานตนเองต่อไป หรือ..
บางคนอาจบอกว่า มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ และถ้ามันจะเกิดขึ้น ก็ขอให้ตนได้เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะทำให้มันเป็นจริง!
แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นประเภทไหน อย่างน้อยที่สุด ก็ขออย่าได้ทำตัวเป็น... ที่คอยขัดขวางการทำความดีของผู้อื่นเสียเองก็แล้วกัน
#2
โพสต์เมื่อ 24 August 2008 - 11:23 PM
ร่วมด้วยช่วยกัน ขจัดมารทั้ง 5 ฝูงและผู้ผลิตมารทั้ง 5 ฝูงให้หมดสิ้นไปจากสังสารวัฏ
สักวันหนึ่งทีมนักสร้างบารมีของเราต้องทำได้
#3
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 07:43 AM
เป็นความสงสัยที่น่าสนใจมากครับ
อนุโมทนาในการแบ่งปันความสงสัยและความคิดเห็นที่น่าสนใจ ด้วยครับ
ไฟล์แนบ
#4
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 08:53 AM
#5
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 10:26 AM
บทความบ่งชี้เพียงแค่การพรรณาโวหาร มิได้กล่าวอะไรชัดๆ ออกมาเลย ก็แปลว่าที่เขียนนั้นเขียนแบบอ้อมๆ ใช่ไหมครับ
#6
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 10:47 AM
#7
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 12:32 PM
ส่วนการรวมใจผู้มีใจไม่รวม ไม่สามารถปราบมารได้ แต่ก็จะเป็นพื้นฐานเป็นบทฝึกฝนให้ผู้มีใจไม่รวมทั้งหลาย ฝึกฝนตนเอง จนกลายเป็นผู้มีใจรวมต่อไป
#8
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 12:35 PM
พวกคนเหล่านั้นก็ไม่ใช่มารแท้ค่ะ......
ครูบาอาจารย์ จึงมีเมตตาต่อพวกเขาไงคะ....
เขาไม่รู้ว่า เขายังไม่รู้...
คนรอบข้างดิฉันก็ " ไม่ค่อย จะยอม" เข้าใจค่ะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#9
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 03:15 PM
#10
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 07:40 PM
#11
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 08:18 PM

ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#12
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 08:36 PM
...รอเวลาเปิดเผยของส้นเหตุมาร ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ข้าพเจ้าว่า วันนั้นคงอีกไม่นานแน่ๆ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#13
โพสต์เมื่อ 25 August 2008 - 11:00 PM
ก็(ดั๊น)มีคนต่อกลอนนี้ ออกมาอีกได้ว่า..
อ๋อ..ต้องรอให้มีมารก่อน(หรือ)..บารมีถึงจะแกร่ง(น่ะ)..
?????????????..
#14
โพสต์เมื่อ 26 August 2008 - 07:14 AM
#15
โพสต์เมื่อ 26 August 2008 - 08:04 AM
#16
โพสต์เมื่อ 26 August 2008 - 04:23 PM
ยังไงพวกเราก็ต้องช่วยไปถึงที่สุดเเห่งธรรมกันน่ะครับ
#17
โพสต์เมื่อ 26 August 2008 - 10:41 PM