
ช่วยเตือนสติ เพื่อเป็นวิทยาทานค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 17 September 2008 - 08:26 PM
ดิฉันอยากรู้วิธีการคิด และวิธีทำใจ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
1. ดิฉันเป็นคนขี้ใจน้อยมาก และพยายามรักทุกคนมาก จึงทำให้เครียดอยู่เสมอ หากคนที่รัก และรู้จักมีอาการห่างเหิน ก็จะทำให้เสียใจ และหมดกำลังใจ อยู่เสมอ
2. ถ้าเราเจอคนที่รักเอาเราไปนินทา จะแก้ปํญาหอย่างไร
3. ช่วยบอกวิธีการสร้างกำลังใจให้กับตนเอง ควรทำอย่างไรดีค่ะ
จากคนใหม่...ผู้ไม่เข้าใจโลก
#2
โพสต์เมื่อ 17 September 2008 - 08:30 PM
รักสันโดษ ไม่ได้แปลว่า ไม่มีเพื่อน แต่ถ้าคุณเข้าใจคำว่า "รักสันโดษ" อย่างแท้จริง คุณจะมีความสุขมาก เพราะคุณจะมีความรักล้นเหลือให้กับคนทั้งโลก และ ไม่อยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยที่ไม่มีคนต้องคอยอยู่ใกล้ตัว อีกต่อไป พูดยาก ต้องเข้าใจเองนะคะ ขอให้พบกับความสุขในเร็ววัน
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#3
โพสต์เมื่อ 17 September 2008 - 08:44 PM
นั่งธรรมะให้เยอะๆ แล้วอธิษฐานค่ะ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#4
โพสต์เมื่อ 17 September 2008 - 08:58 PM
มีความสุขทั้งเวลาอยู่คนเดียว รวมถึง เมื่ออยู่ร่วมกับคนอื่นๆ คนที่ชอบคิด ลบ ๆ พูด ลบ ๆ อยู่ใกล้ๆ ก็โน้มน้าวเค้าจนเขาไม่ค่อยจะพูด ลบ ๆเลย มีแต่พูดดีๆ และที่สำคัญ กลายเป็นว่าไม่เห็นจะน้อยใจใครเลย .....ทำไมเราเปลี่ยนไปอย่างนี้ งงเหมือนกัน คงเพราะนั่งธรรมะมากเข้า มากเข้า ก็เลย เปลี่ยนเองจากภายใน
#5
โพสต์เมื่อ 17 September 2008 - 10:18 PM
พูดง่ายๆก็คือ คุณต้องมีความสุขในตนเองมากจนกระทั้งล้นเหลือให้กับคนอื่นๆได้สบายๆ โดยไม่ต้องการเรียกร้องความสุขเพิ่มเติมจากคนอื่นอีก
ปัญหาทั้ง ๓ ข้อของเจ้าของกระทู้ล้วนมาจากสาเหตุเดียวกัน คือ การขาด "SELF-ESTEEM"
คือ การนับถือตนเอง ตระหนักในคุณค่าแห่งตน จะทำให้จิตใจมั่นคงเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้
คนที่มี "SELF-ESTEEM" จะเป็นคนที่ "รักสันโดษ" โดยอัตโนมัติ
"การรักษาศีล" เป็นวิธีหนึ่งในการเสริมสร้าง "SELF-ESTEEM"
เพราะเป็นการสร้างกำลังใจในการนับถือตนเอง จะงามสง่าในที่ประชุมชน เพราะมั่นใจในคุณงามความดีแห่งตน
แม้อยู่ต่อหน้ามหาเศรษฐีทุศีล ก็บอกตนเองได้ว่า เราตายก็ไปสุคติ ส่วนเขาทุคติ เราต้องสงสารเขา ชี้ทางสว่างแก่เขา เป็นต้น
#6
โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 07:02 AM
#7
โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 07:31 AM
#8
โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 10:02 AM
ถ้ารู้ว่ากำลังมีอาการ ก็ต้องนั่งหลับตาและปลงให้ได้เยอะๆ อย่างที่ผู้รู้เขาได้แนะมาข้างต้นนั่นแหล่ะค่ะ ถูกต้องแล้ว
#9
โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 10:43 AM
รักตัวเอง ไม่ใช่เห็นแก่ตัวนะคะ ต้องแยกให้ออก
นั่งสมาธิ มาก ๆ แล้วจะเป็นทางออกค่ะ
เอาใจช่วยนะคะ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#10
โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 10:48 AM
เป็นกันทุกคนล่ะครับ ไม่ว่าเด็ก หรือผู้ใหญ่..ชาย หรือหญิง มนุษย์ หรือเทวดา..สุนัข หรือแมว..ฯลฯ
เคยเห็นสุนัขไหมครับ..เวลามันน้อยใจเจ้าของ (เพราะเจ้าของเอาใจออกห่าง-ไปรักสุนัขตัวใหม่ โดยเฉพาะลูกสุนัข)..
กิริยาที่มันแสดงออกมา มักจะแสดงท่าทีหวงเจ้าของ ขู่คำรามใส่สุนัขตัวใหม่ทันที แต่ก็ยังรักเจ้าของเท่าเดิม (หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ)..นี่คือสัตว์เดรัจฉาน..
สำหรับคนทั่วไป ที่ยังอยู่ในโลกแห่งความยึดมั่นถือมั่นอยู่ (มาก) เวลาน้อยใจ ก็มักจะแสดงกิริยาต่างๆนาๆ เพื่อแสดงออกให้คนที่ตนรักได้รับรู้ว่า นี่กำลังน้อยใจ (ตัวเอง) อยู่น่ะ..เพื่อเรียกร้องความสนใจ จึงทำได้ทุกอย่าง..
แต่สำหรับคนที่ศึกษาวิชชาพระพุทธศาสนา มาอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่า ความน้อยใจ ก็คือนิวรณ์อย่างหนึ่ง ที่คอยกั้นขวางความดี เป็นอุปสรรคในการปฎิบัติธรรม เมื่อรู้ดังนี้ ปัญญาก็เกิด จึงเกิดคำถามขึ้นในใจต่อมากว่า ทำอย่างไรจึงจะกำจัดเจ้าความน้อยใจนี้ออกไปจากใจ อย่างถาวร..
หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กล่าวไว้ทำนองนี้ -- นิวรณ์ นี้แพ้ใจที่หยุด ที่นิ่ง ยิ่งหยุดยิ่งนิ่งมากเท่าใด นิวรณ์ หรือความน้อยอก น้อยใจ นี้จะอยู่รน ทนไม่ได้ ย่อมหมดสิ้นไป--
เมื่อไม่มีความน้อยอกน้อยใจ (อีกต่อไป) ความมากอกมากใจ หรือใจที่เปิดกว้าง ใจที่เป็นสุข ก็จะมาแทนที่ (ทันควัน)..
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดังนั้นคำตอบ ในคำถามทั้งสามข้อข้างต้น โดยเฉพาะข้อสามเรื่องของการสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง..
ผมว่า..การเพิ่มชั่วโมงการนั่งสมาธิ ทำใจให้หยุด ให้นิ่ง ให้นาน ให้แนบแน่น มากที่สุด และการคบบัณฑิต คบกัลยาณมิตร จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเลยล่ะครับ..
#11
โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 12:29 PM
ในทางโลก ถ้าร่างกายอ่อนแอ เราจะต้องพักผ่อน ทานอาหารครบ๕หมู่ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่างกายก็จะแข็งแรง มีภูมิคุ้มกัน เชื้อโรคจะทำอันตรายร่างกายเราไม่ได้
แต่ถ้าจิตใจเราอ่อนแอ เราจะต้องใช้"ธรรมะ"ในการขัดเกลาจิตใจ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้จิตใจ จะทำให้จิตใจหนักแน่นต่อสิ่งที่จะมากระทบ กำลังใจก็จะเกิด เพราะจิตใจแข็งแกร่งขึ้น ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งกระทบ(เปรียบเหมือนเชื้อโรค)
ดังนั้น การปฏิบัติธรรมและกุศลบุญเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ครับ
#12
โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 12:52 PM
ก็ฟังเคสกฏแห่งกรรมเยอะๆ จะช่วยให้เข้าใจโลกได้มากขึ้น
เมื่อก่อนก็เคยเป็นคล้ายๆกับคุณ minova คิดมากๆๆ คิดอยู่ซ้ำๆๆซากๆๆ
จนได้ยินหลวงพ่อฯเทศน์สอนว่า ถ้าคิดไม่ออก ก็ให้ออกจากความคิดนั้นเสีย...
ตอนนี้คิดถึงตัวเองมากขึ้นทุกวัน การคิดถึงตัวเองในด้านสุขภาพกายและจิต
คิดว่าวันนี้เรายังมีเรื่องอะไรที่มีประโยชน์ให้ทำอีกบ้างไหม..แล้วก็เริ่มลงมือทำเลย
พอเรารักตัวเองและให้เวลาตัวเองมากขึ้น คนอื่นๆก็เลยเริ่มกลับมาให้ความสนใจเรามากกว่าเดิมค่ะ..
#13
โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 01:09 PM
นั่งสมาธิให้มาก.. รักตัวเองให้มาก..
หมายถึงกายในกาย..
เมื่อมีที่พึ่งภายในแล้ว.. เรื่องราวภายนอกจะเป็นเรื่องธรรมดาไปทันที..

ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#14
โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 01:26 PM
#15
โพสต์เมื่อ 18 September 2008 - 04:59 PM