-----ถ้าบังเอิญไปมีความสัมพันธ์ กับหญิงที่มีสามีแล้ว เราไม่รู้จะผิดไหมครับ
ขออนุญาติถามท่านผู้รู้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ ขออนุโมทนาครับ
1.ถ้าหญิงนั้น ปิดบัง ว่ายังไม่มีสามีทั้งที่ความจริงมี จะผิดไหมครับ
2.ถ้าเราเจตนาไม่ถามถึงสามีเพื่อความสบายใจ แต่พบภายหลังว่าเธอมีอยู่แล้ว
3.ถ้าไปเที่ยวโสเภณี ที่มีสามี เราจะผิดไหมครับ
4.บาปจะเท่ากันกับ การเป็นชู้ ด้วยการเจตนาไหมครับ

ผิดศีลข้อ "กาเม ฯ" ถ้าไม่รู้ จะผิดไหมครับ
เริ่มโดย กำเนิดธรรม, Nov 05 2008 06:10 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 06:10 PM
#2
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 07:13 PM
1.ถ้าหญิงนั้น ปิดบัง ว่ายังไม่มีสามีทั้งที่ความจริงมี จะผิดไหมครับ
2.ถ้าเราเจตนาไม่ถามถึงสามีเพื่อความสบายใจ แต่พบภายหลังว่าเธอมีอยู่แล้ว
3.ถ้าไปเที่ยวโสเภณี ที่มีสามี เราจะผิดไหมครับ
4.บาปจะเท่ากันกับ การเป็นชู้ ด้วยการเจตนาไหมครับ
องค์แห่งศีลข้อสามคือ
1.หญิงนั้นมีเจ้าของหรืออยู่ในความปกครอง
2.รู้ว่าหญิงนั้นมีเจ้าของ
3.มีจิตหรือเจตนาจะล่วงละเมิด
4.ลงมือกระทำการล่วงละเมิดหรือยังอวัยวะเพศให้จรดกัน
5.ทำสำเร็จและมีจิตยินดีในการกระทำนั้น
ดังนั้น คำถามที่คุณถามมา ผมคิดว่า ผิดทุกกรณี
จะมากหรือน้อย ขึ้นกับผิดองค์แห่งศีลมากน้อยเท่าใด
จำง่ายๆ หญิงที่เราสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้คือ คู่ครองที่ถูกกฏหมาย ถูกต้องตามจารีตประเพณีและการยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งผู้ปกครองของหญิงนั้นด้วย
รอท่านอื่นมาตอบเพิ่มเติมครับ
2.ถ้าเราเจตนาไม่ถามถึงสามีเพื่อความสบายใจ แต่พบภายหลังว่าเธอมีอยู่แล้ว
3.ถ้าไปเที่ยวโสเภณี ที่มีสามี เราจะผิดไหมครับ
4.บาปจะเท่ากันกับ การเป็นชู้ ด้วยการเจตนาไหมครับ
องค์แห่งศีลข้อสามคือ
1.หญิงนั้นมีเจ้าของหรืออยู่ในความปกครอง
2.รู้ว่าหญิงนั้นมีเจ้าของ
3.มีจิตหรือเจตนาจะล่วงละเมิด
4.ลงมือกระทำการล่วงละเมิดหรือยังอวัยวะเพศให้จรดกัน
5.ทำสำเร็จและมีจิตยินดีในการกระทำนั้น
ดังนั้น คำถามที่คุณถามมา ผมคิดว่า ผิดทุกกรณี
จะมากหรือน้อย ขึ้นกับผิดองค์แห่งศีลมากน้อยเท่าใด
จำง่ายๆ หญิงที่เราสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้คือ คู่ครองที่ถูกกฏหมาย ถูกต้องตามจารีตประเพณีและการยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งผู้ปกครองของหญิงนั้นด้วย
รอท่านอื่นมาตอบเพิ่มเติมครับ
#3
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 09:32 PM
แล้วๆไป เราไม่ตั้งใจแย่งของใคร หญิงมันเลวเอง
A แหม ก้อนะ ไม่มีใครเลวคนเดียวหรอก ถ้าจะคิดแบบนั้นก้อทั้งคู่แหละ ตบมือข้างเดียวมันก้อไม่ดังหรอกนะ
กามเกิดจากความคิดนี่แหละ ขอบอก
A ถูก กามเกิดจากความคิดคำนึง
ถ้าไม่คิดก้อไม่เกิด เพราะฉะนั้น ควรเอาใจจรดพระรัตนตรัย
จรดศูนย์กลางกายไว้ตลอดเวลา อย่าให้เผลอ
ทีหลังก็ถามกันดีๆก่อน ถ้ารักก็ต้องกล้ารอกล้าทำถูกทั้งสองคน
เข้าตามตรอกออกตามประตู ถ้าเราจริงใจก็ไม่ต้องกลัวใครแย่ง
แต่ก็ต้องไม่ละเลยเรื่องพูดเรื่องถามตามประสาเจ้าของหัวใจ
A ทำให้ถูกกฏหมาย ประเพณี วัฒนธรรม ดีที่สุด
ถ้าไม่รักใครก็จงไปเที่ยวโสเภนีเอา
A อ้าว ไม่ดีครับ ไม่แนะนำ บาปน้อยลง แต่ก้อบาปอยู่ดี
หนังโป๊น่ะทิ้งให้หมดเลย
A ถูกต้อง
ถ้าไม่อยากเจออะไรร้ายๆก็ทนเอานะ
เคยเป็นเหมือนกันอาการนี้
A ความอดทน เป็นตะบะอย่างยิ่ง
A แหม ก้อนะ ไม่มีใครเลวคนเดียวหรอก ถ้าจะคิดแบบนั้นก้อทั้งคู่แหละ ตบมือข้างเดียวมันก้อไม่ดังหรอกนะ
กามเกิดจากความคิดนี่แหละ ขอบอก
A ถูก กามเกิดจากความคิดคำนึง
ถ้าไม่คิดก้อไม่เกิด เพราะฉะนั้น ควรเอาใจจรดพระรัตนตรัย
จรดศูนย์กลางกายไว้ตลอดเวลา อย่าให้เผลอ
ทีหลังก็ถามกันดีๆก่อน ถ้ารักก็ต้องกล้ารอกล้าทำถูกทั้งสองคน
เข้าตามตรอกออกตามประตู ถ้าเราจริงใจก็ไม่ต้องกลัวใครแย่ง
แต่ก็ต้องไม่ละเลยเรื่องพูดเรื่องถามตามประสาเจ้าของหัวใจ
A ทำให้ถูกกฏหมาย ประเพณี วัฒนธรรม ดีที่สุด
ถ้าไม่รักใครก็จงไปเที่ยวโสเภนีเอา
A อ้าว ไม่ดีครับ ไม่แนะนำ บาปน้อยลง แต่ก้อบาปอยู่ดี
หนังโป๊น่ะทิ้งให้หมดเลย
A ถูกต้อง
ถ้าไม่อยากเจออะไรร้ายๆก็ทนเอานะ
เคยเป็นเหมือนกันอาการนี้
A ความอดทน เป็นตะบะอย่างยิ่ง
#4
โพสต์เมื่อ 05 November 2008 - 11:49 PM
กิเลสกามเปรียบไปก็เหมือนสุนัขเลียกระดูก เพลิดเพลินอร่อยอยู่ที่แท้ก็น้ำลายตัวมันเอง
:'(

แม้มืดตื้อมืดมิดก็มีสิทธิเข้าถึงธรรม
#5
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 08:43 AM
เนื่องจากเวลามีไม่มาก ขอบอกสั้นๆแล้วกันนะครับ
เรื่องของกฎแห่งกรรม ไม่มีแบ่งแยกว่าเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ชายหรือหญิง คนหนุ่มคนแก่ เป็นเจ้าของหรือไม่เป็นเจ้าของ รู้หรือว่าไม่รู้ กฎแห่งกรรมไม่เคยคำนึงถึง ไม่มีการปราณีไม่มีอนุโลม หากองค์แห่งศีลตามที่คุณsomchยกมา ขาดแม้เพียงข้อเดียวก็ถือว่าบาปเกิดแล้วครับ แต่อาจมีลดโทษหรือผ่อนผันเหมือนกฎหมายทางโลก หากเราทำบุญเผื่อผ่อนบาปจากหนักเป็นเบาจากเบาเป็นหายครับ
เรื่องของกฎแห่งกรรม ไม่มีแบ่งแยกว่าเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ชายหรือหญิง คนหนุ่มคนแก่ เป็นเจ้าของหรือไม่เป็นเจ้าของ รู้หรือว่าไม่รู้ กฎแห่งกรรมไม่เคยคำนึงถึง ไม่มีการปราณีไม่มีอนุโลม หากองค์แห่งศีลตามที่คุณsomchยกมา ขาดแม้เพียงข้อเดียวก็ถือว่าบาปเกิดแล้วครับ แต่อาจมีลดโทษหรือผ่อนผันเหมือนกฎหมายทางโลก หากเราทำบุญเผื่อผ่อนบาปจากหนักเป็นเบาจากเบาเป็นหายครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#6
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 09:30 AM
QUOTE
-----ถ้าบังเอิญไปมีความสัมพันธ์ กับหญิงที่มีสามีแล้ว เราไม่รู้จะผิดไหมครับ
ขออนุญาติถามท่านผู้รู้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ ขออนุโมทนาครับ
1.ถ้าหญิงนั้น ปิดบัง ว่ายังไม่มีสามีทั้งที่ความจริงมี จะผิดไหมครับ
2.ถ้าเราเจตนาไม่ถามถึงสามีเพื่อความสบายใจ แต่พบภายหลังว่าเธอมีอยู่แล้ว
3.ถ้าไปเที่ยวโสเภณี ที่มีสามี เราจะผิดไหมครับ
4.บาปจะเท่ากันกับ การเป็นชู้ ด้วยการเจตนาไหมครับ
ขออนุญาติถามท่านผู้รู้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ ขออนุโมทนาครับ
1.ถ้าหญิงนั้น ปิดบัง ว่ายังไม่มีสามีทั้งที่ความจริงมี จะผิดไหมครับ
2.ถ้าเราเจตนาไม่ถามถึงสามีเพื่อความสบายใจ แต่พบภายหลังว่าเธอมีอยู่แล้ว
3.ถ้าไปเที่ยวโสเภณี ที่มีสามี เราจะผิดไหมครับ
4.บาปจะเท่ากันกับ การเป็นชู้ ด้วยการเจตนาไหมครับ
ยังม่ใช่ผู้รู้ เป็นผู้อ่าน ผู้ฟัง แต่ขอตอบนะคะ

โดยความคิดเห็นส่วนตัวของ koonpatt ค่ะ
1. การที่เราไปมีความสัมพันธ์ กับ " ใคร " ก็ตาม โดยที่เค้าไม่ได้เป็นภรรยา หรือ สามี ของเรา ก็ผิดแล้วค่ะ
( คำว่าภรรยา หรือ สามี ของเรา ไม่ได้หมายถึงตามกฎหมายนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้ คนไม่จดทะเบียนสมรสเยอะแยะไป แต่หมายถึง พ่อ แม่ ญาติพี่ร้อง ร่วมรับรู้ และ ได้ประกาศต่อ ผู้ปกครองของแต่ละฝ่ายให้รับทราบแล้วว่า ได้อยู่กินกันฉันท์ สามีภรรยาแล้ว )
2. ต้องถามตัวเองค่ะว่า การที่เจตนาไม่ถาม เพราะ รู้ หรือ คิดอะไร เช่น อย่างเธอนี่น่าจะมีเจ้าของนะ เพราะ พฤติกรรมเวลาอยู่ด้วยกันมันฟ้อง มีโทรศัพท์เข้าตลอด แล้วเธอก็ต้องโกหกให้เราได้ยินตลอดว่า อยู่กับเพื่อนผู้หญิงบ้าง หรือ ฯลฯ ก็เลยไม่ถามดีกว่า จะได้ " รู้สึก " ผิดน้อยหน่อย แล้วจะได้พูดได้เต็มปากว่า ไม่รู้น๊า เพราะ ไม่ได้ถาม เพราะ เธอไม่บอก อันนี้ยิ่งแย่ใหญ่ เพราะเหมือนกับคุณแก้ตัว แล้วป้ายสีใส่ผู้หญิงว่า เธอไม่บอกคุณ
4. เที่ยวโสเภณีนี่ koopatt คิดว่ามันผิดอยู่แล้วล่ะค่ะ ถึงจะเป็นการยินยอมที่จะซื้อขายกัน เค้ายอมมาขายก็จริง แต่ เค้าต้องยอมขายให้กับใครก็ได้ ที่เค้าไม่ได้เลือกเอง ในใจเค้าคิดอะไร หรือ เค้ารู้สึกคับแค้นใจอย่างไร คุณไม่รู้ และ คิดไม่ถึงหรอกค่ะ แต่ที่สำคัญ ผิดองค์ของศีลข้อ 3 แน่ๆ อยู่แล้วค่ะ ทางโลกก็ผิดค่ะ ผิดกฎหมาย
5. ขอยกอันนี้มาให้อ่านนะคะ
ศีลข้อ ๓ มีองค์ ๔ คือ
๑. อคมนียวตฺถุ วัตถุที่ไม่ควรถึง (คือชาย หรือหญิงที่มีเจ้าของ หรือมีผู้คุ้มครองดูแลรักษา)
๒. ตสฺมึ เสวนจิตตํ จิตคิดจะเสพในวัตถุนั้น
๓. เสวนปฺปโยโค พยายามที่จะเสพ
๔. มคฺเคน มคฺคปฺปฏิปตฺติ อธิวาสนํ ทำมรรคต่อมรรคให้ถึงกัน
ถ้าครบองค์ ๔ ที่วางไว้ ศีลข้อ ๓ นี้ก็ขาด
ศีลข้อนี้ขึ้นอยู่กับเจตนาและคุณของผู้ถูกล่วงด้วย กล่าวคือ ถ้าจงใจมากโทษก็หนัก ถ้าจงใจน้อยโทษก็น้อย ถ้าผู้ถูกล่วงเป็นผู้มีศีลโทษก็หนัก เช่นในสมัยพุทธกาล นันทมาณพล่วงเกินนางอุบลวรรณาอรหันตเถรี โทษถึงธรณีสูบก่อนแล้วจึงตกนรกอเวจี
โทษของศีลข้อ ๓ นี้ อย่างหนักทำให้เกิดในอบาย อย่างเบาทำให้มีศัตรู คู่เวร เมื่อเกิดเป็นมนุษย์
(ในชาดกแสดงว่าทำให้เกิดเป็นกระเทย หรือเมื่อเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือมนุษย์แล้วต้องถูกตอน)
อ่านรายละเอียดได้ที่
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=18381
รายละเอียดของศีล ทั้ง 8 ข้อ ค่ะ
ความสำคัญอยู่ที่ว่า ตอนนี้คุณรู้แล้ว คุณต้องเลิกทันที หากยังทำต่อไป ก็เจตนาอย่างแรงล่ะค่ะ
เอาใจเขามาใส่ใจเรานะคะ ว่า ตอนนี้ถ้าเป็นใจของเรา ภรรยาทำอย่างนี้ เราคิดอย่างไร
กรรมเดี๋ยวนี้เร็วค่ะ อาจถึงฆ่ากันตายเลยล่ะค่ะ ถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต ตั้งจิตอธิษฐานขออโหสิกรรมสามีของเธอนะคะ
แล้วเลิกเสีย ถ้าแนะนำให้เธอเลิกประพฤติเยี่ยงนี้ได้ด้วย ยิ่งดีค่ะ
ถ้าเจตนาที่ดี มีแล้ว ทำเลยค่ะ

จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#7
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 12:19 PM
จากคำถาม
1.ถ้าหญิงนั้น ปิดบัง ว่ายังไม่มีสามีทั้งที่ความจริงมี จะผิดไหมครับ
2.ถ้าเราเจตนาไม่ถามถึงสามีเพื่อความสบายใจ แต่พบภายหลังว่าเธอมีอยู่แล้ว
3.ถ้าไปเที่ยวโสเภณี ที่มีสามี เราจะผิดไหมครับ
4.บาปจะเท่ากันกับ การเป็นชู้ ด้วยการเจตนาไหมครับ
จากองค์ประกอบของการผิดศีลนะครับ ข้อสำคัญทุกข้ออยู่ที่ใจเราึครับ องค์ประกอบของศีลทุกข้อจะมีใจเรา+การกระทำอันเนื่องมาจากใจเราเป็นหลัก ดังนั้น
ตอบคำถาม
ข้อ 1 ถ้าหญิงนั้น ปิดบัง ว่ายังไม่มีสามีทั้งที่ความจริงมี จะผิดไหมครับ
ตอบว่า ไม่ผิดครับ เพราะ จากองค์ประกอบของศีลขาด ประักอบด้วย (อ้างอิงจากความเห็นข้างบน ซึ่งถือว่าถูกต้องตามที่เคยศึกษามาจาก DOU)
1.หญิงนั้นมีเจ้าของหรืออยู่ในความปกครอง ................................... เราผิดอันนี้
2.รู้ว่าหญิงนั้นมีเจ้าของ ...........................................................เรา ไม่ผิดอันนี้ (ที่เหลือ จบแล้วครับ)
3.มีจิตหรือเจตนาจะล่วงละเมิด
4.ลงมือกระทำการล่วงละเมิดหรือยังอวัยวะเพศให้จรดกัน
5.ทำสำเร็จและมีจิตยินดีในการกระทำนั้น
ดังนั้น คำถามข้อ 1 ตอบว่า ไม่ผิดครับ (แต่อย่าลืม เรามีคำว่า ศีลด่าง และ ศีลพร้อย นะครับ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าใน case นี้จะเ้ขาข่ายมั๊ย)
ข้อ 2 ถ้าเราเจตนาไม่ถามถึงสามีเพื่อความสบายใจ แต่พบภายหลังว่าเธอมีอยู่แล้ว
ตอบว่า ผิดครับ เพราะ จากองค์ประกอบนั้น คุณผิดครบ
1.หญิงนั้นมีเจ้าของหรืออยู่ในความปกครอง ................................... เราผิดอันนี้
2.รู้ว่าหญิงนั้นมีเจ้าของ ........................................................... อันนี้คุณตั้งใจอยู่แล้วที่จะไม่ถาม ดังนั้นผิดด้วย
3.มีจิตหรือเจตนาจะล่วงละเมิด................................................... น่าจะรู้นะอันนี้
4.ลงมือกระทำการล่วงละเมิดหรือยังอวัยวะเพศให้จรดกัน..................... เสร็จแล้วหนิครับ
5.ทำสำเร็จและมีจิตยินดีในการกระทำนั้น....................................... คุณก็ยินดี
ดังนั้นสรุป ข้อ 2 คุณผิดครับ
ข้อ 3 ถ้าไปเที่ยวโสเภณี ที่มีสามี เราจะผิดไหมครับ
ตอบว่า ผิดครับ เหตุผลเหมือนข้อ 2 เลย
ข้อ4 บาปจะเท่ากันกับ การเป็นชู้ ด้วยการเจตนาไหมครับ
ตอบว่า ไม่เท่าครับ เพราะว่าความพยายามในการผิดศีลข้อ 3 ในฐานะเป็นชู้ กับเที่ยวโสเภณี ไม่เท่ากันครับ
1.ถ้าหญิงนั้น ปิดบัง ว่ายังไม่มีสามีทั้งที่ความจริงมี จะผิดไหมครับ
2.ถ้าเราเจตนาไม่ถามถึงสามีเพื่อความสบายใจ แต่พบภายหลังว่าเธอมีอยู่แล้ว
3.ถ้าไปเที่ยวโสเภณี ที่มีสามี เราจะผิดไหมครับ
4.บาปจะเท่ากันกับ การเป็นชู้ ด้วยการเจตนาไหมครับ
จากองค์ประกอบของการผิดศีลนะครับ ข้อสำคัญทุกข้ออยู่ที่ใจเราึครับ องค์ประกอบของศีลทุกข้อจะมีใจเรา+การกระทำอันเนื่องมาจากใจเราเป็นหลัก ดังนั้น
ตอบคำถาม
ข้อ 1 ถ้าหญิงนั้น ปิดบัง ว่ายังไม่มีสามีทั้งที่ความจริงมี จะผิดไหมครับ
ตอบว่า ไม่ผิดครับ เพราะ จากองค์ประกอบของศีลขาด ประักอบด้วย (อ้างอิงจากความเห็นข้างบน ซึ่งถือว่าถูกต้องตามที่เคยศึกษามาจาก DOU)
1.หญิงนั้นมีเจ้าของหรืออยู่ในความปกครอง ................................... เราผิดอันนี้
2.รู้ว่าหญิงนั้นมีเจ้าของ ...........................................................เรา ไม่ผิดอันนี้ (ที่เหลือ จบแล้วครับ)
3.มีจิตหรือเจตนาจะล่วงละเมิด
4.ลงมือกระทำการล่วงละเมิดหรือยังอวัยวะเพศให้จรดกัน
5.ทำสำเร็จและมีจิตยินดีในการกระทำนั้น
ดังนั้น คำถามข้อ 1 ตอบว่า ไม่ผิดครับ (แต่อย่าลืม เรามีคำว่า ศีลด่าง และ ศีลพร้อย นะครับ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าใน case นี้จะเ้ขาข่ายมั๊ย)
ข้อ 2 ถ้าเราเจตนาไม่ถามถึงสามีเพื่อความสบายใจ แต่พบภายหลังว่าเธอมีอยู่แล้ว
ตอบว่า ผิดครับ เพราะ จากองค์ประกอบนั้น คุณผิดครบ
1.หญิงนั้นมีเจ้าของหรืออยู่ในความปกครอง ................................... เราผิดอันนี้
2.รู้ว่าหญิงนั้นมีเจ้าของ ........................................................... อันนี้คุณตั้งใจอยู่แล้วที่จะไม่ถาม ดังนั้นผิดด้วย
3.มีจิตหรือเจตนาจะล่วงละเมิด................................................... น่าจะรู้นะอันนี้
4.ลงมือกระทำการล่วงละเมิดหรือยังอวัยวะเพศให้จรดกัน..................... เสร็จแล้วหนิครับ
5.ทำสำเร็จและมีจิตยินดีในการกระทำนั้น....................................... คุณก็ยินดี
ดังนั้นสรุป ข้อ 2 คุณผิดครับ
ข้อ 3 ถ้าไปเที่ยวโสเภณี ที่มีสามี เราจะผิดไหมครับ
ตอบว่า ผิดครับ เหตุผลเหมือนข้อ 2 เลย
ข้อ4 บาปจะเท่ากันกับ การเป็นชู้ ด้วยการเจตนาไหมครับ
ตอบว่า ไม่เท่าครับ เพราะว่าความพยายามในการผิดศีลข้อ 3 ในฐานะเป็นชู้ กับเที่ยวโสเภณี ไม่เท่ากันครับ
#8
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 01:28 PM
พี่วอนบินตอบได้ดีมากครับ..สาธุ

#9
โพสต์เมื่อ 06 November 2008 - 03:45 PM
การเที่ยวโสเภณี...หลวงพ่อทัตตะ...ท่านเคยบอกว่า...มันผิดศีลข้อห้าครับ...
มันเป็นอบาย....เป็นทางเสื่อม....
มันผิดตรงที่...เหมือนกับการเสพของมึนเมา.....ทำให้ลุ่มหลงน่ะครับ....
มันเป็นอบาย....เป็นทางเสื่อม....
มันผิดตรงที่...เหมือนกับการเสพของมึนเมา.....ทำให้ลุ่มหลงน่ะครับ....