
อยากทราบเรื่อง วจีกรรม ครับ
#1
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 02:16 PM
บ่น ถึงความรู้สึกน้อยใจ เมื่อถูกคำพูดกระทบกระเทือนใจ ต่างๆนาๆ
เช่น เวลามาร่วมพิธีที่วัด ทั่วไป
หรือ มาที่วิหารหลวงปู่แล้ว มีปัญหา เรื่องชุดขาวที่ไม่ได้มาตราฐาน
หรือ มาร่วมพิธีบุญใหญ่ แล้วเกิดการกระทบกระทั่งกันเองบ้าง เช่น การจองที่นั่ง
หรือทำบุญ แล้วถูก พูดจา เชิงดูถูกว่าทำน้อย บ้าง เป็นต้น
...
บางครั้งมาจากเพื่อนสาธุชนด้วยกันเอง
บางครั้งมาจาก เจ้าหน้าที่วัด อาสาสมัครฯ
...
คนฟัง บางที่ใจตก เลยค่อยห่างๆ จากวัด หรือ หมู่คณะ ไป
...บางคนอาจยาว คือออกไปเลย
อยากขอรบกวนท่านผู้รู้ ช่วยชี้แจง เรื่องของ
วิบากกรรมที่เกิดจาก วจีกรรม ที่พูดแล้ว มีผลคือทำร้ายผู้อื่น
จะเจตนา หรือไม่เจตนา ก็ตามที
โดยเฉพาะ กับ ผู้ที่เป็นสาธุชนคนมาทำบุญ หรือผู้ที่อุทิศตนมารับใช้ พระศาสนา
จะมีวิบากอย่างไรบ้าง
เป็นธรรมทาน ครับผม
#2
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 04:58 PM
- การอยู่ร่วมกันของคนหมู่มาก สิ่งที่ต้องระวังคือการกระทบกระทั่ง ทั้งกาย วาจา ใจ
- ป้องกันได้ถ้าฝึก อินทรีย์สังวร แม้ผู้ที่มาจะต่างครอบครัว(ร้อยพ่อ พันแม่)แต่ก็ปรารถนาในสิ่งเดียวกันมิใช่หรือ
- พร้อมให้อภัยเถิด ถ้าได้ยินอะไรที่ไม่เข้าหู คิดเสียว่าเขาหวังดีไม่ได้เจตนา วิบากจะได้ไม่เกิด ส่วนบาปนั้นอยู่ที่เจตนา
ดังนั้นในการมาวัดฯ นอกจากจะมาเพื่อสร้างบุญบารมีร่วมกันแล้ว ยังต้องฝึกฝนอบรมและพัฒนาตนเอง
- รู้ว่าใจน้อย ต้องอบรมใจให้อดทนและอ่อนน้อม
- คุณยายอาจารย์ฯ มักฝึกอบรมให้ศิษย์จรดใจที่ศูนย์ฯเป็นปกติ หากพบวิกฤติ-อุปสรรคให้ใจหมอง ต้องพลิกให้เป็นโอกาสแห่งบุญกุศล เช่น เก็บขยะท่านก็ให้ใช้เก็บเพชรพลอย ล้างส้วมท่านก็ให้ใช้ทำความสะอาดสุขพิมาน ถอนหญ้าท่านแนะให้เป็นดั่งถอนกิเลสจากใจ ฯลฯ เพื่อมิให้อกุศลนั้นสิงจิตนั่นเอง
วาจาใดๆที่กระทบกระทั่ง ฟังไม่เข้าหู ก็ต้องใช้สติมาปรับเปลี่ยนให้เป็นโอกาส นำมาพิจารณา
- น้าจี้เคยเล่าให้ฟังว่า หน้าจี้รักที่แห่งนี้ ใครจะไล่น้าออกนอกวัด น้าก็ไม่ไป แม้ใครจะจับท่านโยนออกนอกวัด ถ้าไม่ตายเสียก่อนท่านก็จะแอบปีนรั้ววัดกลับเข้ามา
เป็นเพียงหนึ่งความคิดเห็น...รอบัณฑิตท่านอื่นแสดงความคิดเห็น...สาธุ... ดูรูปซิ...เขาต่าง species ยังรักกันเลย แล้วมนุษย์ผู้มีจิตใจสูงอย่างเราล่ะ...
ไฟล์แนบ
#3
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 09:13 PM

....
คนหมู่มาก กระทบกระทั่งกันบ้าง
ถ้าไม่เก็บ ก็เป็นลม เป็นแล้ง(หรือว่า แร้ง)
ถ้าเก็บ ก็เป็นเรื่อง เป็นราว (หรือว่า ลาว..ล้อเล่น)
....
รักษา ใจ ให้ใสใสไว้ครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
ไฟล์แนบ
#4
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 09:26 PM
พวกเรายังไม่หมดกิเลส
ขนาดพระอรหันต์ยังต้องเสวยวิบากกรรม
ใจใคร ใครก็รักษาเอง
ปากใคร ใครก็รักษาเอง
หูใคร ใครก็รักษาเอง
การกระทำใคร ใครก็รักษาเอง....
อย่าได้เผลอไปเจตนาทำร้ายใครเข้าแล้วกันค่ะ
วันนี้ที่เราโดนอย่างนี้ ก็คงเพราะเราเคยทำใครเขาไว้มาก่อน
หากวันนี้ผูกแค้นต่อ คงจะสานกันไม่จบสิ้น.....
ในวัดของเรา มีคนที่มีธรรมะละเอียดจำนวนมาก
คนที่ใจหยาบ ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเอง คิด พูด ทำ นั้น เป็นอกุศล
ก็ได้ไปล่วงเกิน ผู้มีคุณธรรมสูงกว่าตน
อันนี้ ยิ่งช่วยยาก และน่าสงสาร
เพราะ กาย วาจา ใจ ของเรา เราต้องรักษาเอง แม้ใครจะมากระทบก็ตาม
บางคนดูแคลน อุบาสกอุบาสิกา ราวกับว่าเขาเป็นคนที่มีฐานะด้อยกว่า
ทั้งที่จริงแล้ว คนที่จะเสียสละทางโลกมาอยู่วัด มาช่วยงานวัด ไ ม่ใช่เรื่องง่าย
น่าสงสาร.....จริงดังที่ครูไม่ใหญ่ว่า...ไว้....
" ไม่รู้ ว่า ตัวเอง ยังไม่รู้"
อันว่า ฝ่ายมาร แทรกได้แม้กระทั่งที่ศูนย์กลางกาย
ยิ่งถ้าใจไม่จรดศูนย์ ยิ่งยากที่จะรู้เท่าทัน มาร อกุศล
แ ม้คนที่ไม่มีคุณธรรม หากเราไปว่าเขา แสดงกิริยา อันไม่งามต่้อเขา
ก็เป็นวิบากกรรมอันชั่วแล้ว..... เพียงแต่ผลชั่ว ไม่แรงเท่ากับการกระทำต่อคนที่มีคุณธรรม
ฉะนั้น ไม่ว่า ใครจะว่าอย่างไร ทำอย่างไร
ก็ให้รักษาใจของเราไว้เอง
เพราะคนที่ว่าเรา ทำกับเรา เขาก็ต้อง รักษากาย วาจา ใจ ของเขาเอง เช่นกัน
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#5
โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 10:16 PM
มุ่งแก้ไขตนเองดีกว่าไปแก้ไขคนอื่น(เพราะมันยากมาก)
ฝึกตนเองให้ดี อย่าไปกระทบกระทั่งใครก็แล้วกัน
หยุดให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ ง่ายนิดเดียว เดี๋ยวก็ได้
ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว เดี๋ยวก็ได้ ง่ายนิดเดียว
ajvj
#6
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 07:52 AM
สนับสนุนแนวคิดและแนวทางของคุณ Vj-Mac ครับ

ส่วนเรื่องวิบากของวจีกรรม ทั้งทางกุศลและอกุศล
ผมคิดว่า
ใครทำอย่างไรไว้ ตนก็ย่อมได้อย่างนั้นครับ
ถ้าคำพูดของเรา เสียดแทงใจใคร หรือทำให้ใครใจขุ่นมัว ใจมอง หรือทำให้ใครย่อท้อในกุศล
ตนเองก็จะได้รับคำพูดที่ไม่ดีจากคนอื่นบริจาคให้ตนเองบ้างครับ
ดังนั้นถ้ามีใครเคยพูดบั่นทอนจิตใจเรา
เรายิ่งควรสงสารเขา
เพราะเขาประกอบเหตุไม่ดีไว้อย่างนี้
ในอนาคตเขาก็จะเจอคำพูดที่ไม่ดีอย่างนั้นบ้าง
แต่มันจะยิ่งรุนแรงขึ้น กว่าที่เขาเคยพูดกับเรา ด้วยกฎแห่งการกระทำทับทวี
อีกเรื่องที่ควรระวัง คือ
การใช้โยนิโสมนสิการ
ถ้าใครจับแง่คิดมุมมอง จับประเด็นไม่ถูกต้อง
แล้วโทษวัด โทษบุคคล เลยไม่ชอบวัด ไม่ชอบพระและอุบาสก อุบาสิกาในวัด ไม่ชอบอาสาสมัครที่เสียสละ
แล้วคิดและพูด โพนทะนาให้ใหญ่โตว่า
ฉันไม่ไปแล้ววัดนี้ วัดนั้น เพราะคนในวัดนิสัยไม่ดีอย่างนั้น พูดจาไม่ดี อย่างนี้
ก็เท่ากับปิดหรือลดโอกาสการสร้างกุศลกรรมบทและบุญกิริยา ของตนเองซะงั้น น่าเสียดายแทน
ส่วนตัวผมคิดว่า
ถ้าเราเจอการกระทำ คำพูด หรือความคิดเห็นที่ไม่ดีของคนอื่น
หน้าที่หลักของเรา คือ
๑
รักษาใจให้อยู่ในบุญ ดูแลอารมณ์ตนเองไม่ให้ขุ่นมัว หรือกระเพื่อมออกจากความสงบของใจ(ถ้ามี)
๒
ต่อมาคือ ควรให้โอวาทตนเองว่า
เราต้องไม่กระทำ ใช้คำพูด เลือกคิดและแสดงออก ในสิ่งไม่ดีงามนั้น ๆ กับคนรอบตัว
สองข้อแรก คือ เราต้องประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ให้ได้ ให้ดีซะก่อน
หรืออย่างน้อยก็กำลังเข้มงวดกวดขัน ฝึกฝนตนเอง ตามครรลองครองธรรม
๓
และเป็นกัลยาณมิตรแก่คนอื่น ให้เหมาะสมกับโอกาส กาล สถานที่
อย่างที่เจ้าของกระทู้ ปรารถนาดีในกระทู้นี้ครับ
ซึ่งข้อนี้แม้ไม่ใช่ความสำคัญอันดับแรก
แต่ถ้าทำได้ผลดี ในวงกว้างแก่สาธารณชน ก็จะเป็นบุญกุศลมหาศาล เลยนะครับ
ถ้าเราประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ให้้ดี ได้
การเป็นกัลยาณมิตรแก่คนอื่น ก็จะได้ผลดีเร็วไว
ด้วยอานุภาพการประพฤติดี ปฏิบัติชอบและความปรารถนาดีอย่างจริงใจใสบริสุทธิ์ของเรา ที่มีให้แก่คนรอบตัวครับ
#7
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 09:56 AM
แต่ที่วัดเป็นคนดีมากเลยอ่า อย่างพี่ที่กองเป็นคนใจดีมากเลย รู้สึกเหมือนหนึ่งในร้อย ที่ได้มาเจอพี่ที่กอง เราว่าถ้าไปกองอื่นคงไปไม่รอดแล้ว คงไม่ได้มาทำที่กองหรอกอ่า.. พระอาจารย์ท่านใจดีทุกรูปเลยน้า... ท่านว่าอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลย ...พอได้ปัจจัย ก็เอาไปทำบุญต่อ..มันเหมือนบ้าน มีความรู้สึกแบบนั้นแหละ เวลาขี่จักรยาน มอเตอร์ไซด์ หรือว่า จักรยานไฟฟ้า ทุกครั้งที่ขับรถออกมาจากกองรู้สึกว่าเหมือนบ้าน แปลกดีนะ ไม่เข้าใจ เหมือนกัน เคยคิดว่าถ้ามีพร 1 ข้อ ถ้านี่เป็นฝัน บุญบาปเป็นฝัน ทุกอย่างคือความฝัน ก็ขอตายอยู่ในความฝัน วันนึงมีพี่ 2 คนกลับมา ทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป แต่ทุกคนที่กอง พระอาจารย์ที่กองก็ยังใจดี ไม่เปลี่ยน ไม่เคยเปลี่ยน...เลย
#8
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 11:18 AM

เดี่ยวดีเอง

#9
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 03:52 PM
#10
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 03:59 PM
จะเป็นเชิง อยากให้ผู้ฟัง เป็นผู้ที่ฝึกตน
ให้อดทน เวลาถูกกระทบกระทั่ง
แต่ยังไม่มีคนเตือน ทางด้านผู้ที่มักพลาดพลั้ง
กล่าววจีกรรมกันเลย...
.. อย่างนี้ดีไหม
ท่านเจ้าของกระทู้ คงอยากทราบ เรื่อง วิบากกรรม ก่อน
ก็ขอตอบ โดยสรุปเป็นภาษาทางโลกง่ายๆ ว่า
....
วจีกรรม เป็นอกุศลกรรม ที่ให้ผลร้ายแรง อย่าดูเบานะจ๊ะ
เพราะเหตุว่า วจีกรรม คือ การพูดวาจาใดๆ แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริง หรือ ไม่จริง ก็ตาม
ที่เมื่อกล่าวไปแล้ว
ผลคือทำให้ผู้อื่น เจ็บช้ำน้ำใจ เสียใจ น้อยใจ หรือ โกรธเคือง
...ทั้งต่อหน้า และ ลับหลัง
...เมื่อทำเป็นอาจิณกรรมแล้ว..
ผลกรรมส่วนใหญ่ จะต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรก ไปรับกรรมในอบาย
ถูกทัณฑ์ทรมาณ โดยเฉพาะ ที่บริเวณปากของสัตว์นรกนั้น
เช่น ถ้ากล่าวด่าด้วยวาจาหยาบคาย ก็จะมีเหล็กร้อน รูปคำด่านั้นๆ
..มาทิ่มแทง บดขยี้ หรือหล่นมาทับ เป็นต้น
...
..พอรับกรรมยาวนาน จนเบาบาง..แล้ว
เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะมีรูปปากพิกลพิการบ้าง
หรือมีรูปลักษณ์ที่ เป็นไปตามปมด้อย ที่เคยไปล้อเลียนผู้อื่น
เช่น เตี้ย อ้วน ดำ ขี้เหร่ ฯลฯ
ถ้ากระทำวจีกรรม ต่อนักบวช หรือ ผู้ทรงศีล หรือ บิดามารดา แล้ว
ก็จะให้ผลรุนแรงมาก เช่นเป็นมะเร็งในช่องปาก ลำคอ
...
...วจีกรรม ... ร้ายแรง เพราะ
..ผล ที่ผู้ฟังได้รับ...
จะยังสามารถ ย้อนไปทำร้าย ซ้ำๆๆๆ ได้อีกหลายๆ ครั้ง
ไม่เหมือนกรรมอื่นๆ ที่พอหยุดกระทำ ก็จบการเบียดเบียนในเกือบจะทันที...
ดังจะเห็นจากคนที่ถูกทำร้ายด้วยวาจา
ที่แม้เวลาผ่านไป..จะยังเจ็บช้ำ และ ไม่ลืม..
นำมาคิดทีไร ก็จะร้อนใจ เสียใจทุกครั้ง..
...
พวกเรา ลูกพระธัมมฯ หลายๆท่าน
สู้อุตส่าห์ เสียสละ ทั้งกาย ใจ เวลา
แทนที่จะหาความสุข แบบชาวโลกเขา
...มาสร้างบารมี แบบถูกหลักวิชา..
จง..อย่าเผลอไปดูเบา นึกทะนงว่าตน สร้างบุญใหญ่มาตลอด
กรรมแค่วจีกรรม คงไม่เทียบมาส่งผลได้..
...
อย่านึกเช่นนั้น..เลย
ใน case study น่ะมี ก็ต้องไปศึกษาให้ดีก่อนจะมั่นใจเชื่อ
เช่นนั้น
ว่าส่งผล น้อย จริงหรือไม่ หรือเราคิดเข้าข้างตัวเองไปเอง
เพราะเมื่อเกิด มาสร้างบารมี ในครั้งหน้า
เราจะได้มีรูปสมบัติ ที่พร้อม
และ มีเพื่อนกัลยาณมิตร ที่คอยให้แต่ กำลังใจ ที่อ่อนหวาน เป็นพลังใจ
ในการสร้างบารมี..เท่านั้นไงจ๊ะ
ดีมั้ย
#11
โพสต์เมื่อ 02 December 2008 - 04:55 PM
หากมาเกิดเป็นคน ก็จะเจออย่างที่เคยทำบ้าง จนกว่าจะหมดเวร ซึ่งก็ยากเพราะของเก่ายังใช้ไม่หมดเลย ทำใหม่อีกแล้ว เป็นต้น
#12
โพสต์เมื่อ 03 December 2008 - 05:00 PM
...วจีกรรมเป็นเรื่องใหญ่
ที่นักสร้างบารมีหลายท่าน
พลาดพลั้งไป..ง่ายๆ
...เหมือน ตกม้าตาย...
....
ใครเป็นนักสร้างบารมี ก็คงต้องขยัน หมั่นฝึกฝนตนเอง...
เหมือนที่คุณยายอาจารย์ ท่านมักเตือนเสมอว่า
อย่าเผลอไป พูด คิด ทำ ในสิ่งไม่ดี
ไปตามอารมณ์...ที่เข้ามาครอบครอง..
เราต้องประคองใจ ไว้ที่ศูนย์กลางกาย ให้ได้นานที่สุด..
เพื่อจะได้ไม่ต้องพลาดพลั้ง ไปในอบาย..
#13
โพสต์เมื่อ 03 December 2008 - 05:48 PM
ผม ไม่ได้เป็นผู้ที่น้อยใจ ในเคสต่างๆหรอกครับ
แต่ประสบ กับการเป็นผู้ฟัง ผู้ที่มาเล่าให้ฟัง..บ่อยๆ
...
เลยนึก อยากเตือน
ผู้ที่ชอบพูดอะไร ตามใจ..ปาก
แล้วมักไปทำความ ลำบากใจ ให้คนอื่นบ่อยๆ
ว่าระวังกันหน่อยดีกว่า..
...
สาธุทุกท่านครับ
#14
โพสต์เมื่อ 04 December 2008 - 01:47 AM
#15
โพสต์เมื่อ 04 December 2008 - 10:45 AM
จึงขออัญเชิญท่านมา...
อย่าถือสาข้อผิดพลาดของเพื่อนมนุษย์
ไม่ถือก็ไม่หนัก และ ไม่ต้องทน
ให้ทำความเข้าใจว่า เขาก็เป็นของเขา อย่างนั้นเอง
และเราก็เป็นเรา เช่นนี้เอง
เราก็ยังมีกิเลส และดวงปัญญา เราก็ยังไม่สมบูรณ์
15 ส.ค. 48
กราบแทบเท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อ มาณ. ที่นี้