
มีรัก เหมือนมีทุกข์ ขอคำปรึกษาด่วน
#1
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 01:26 PM
เพราะทุกวันนี้ ก็ทำงานที่เดียวกัน โต๊ะติดกัน เจอหน้ากันวันละ 10 ชั่วโมง รู้สึกอึดอัดใจมาก
ตอนนี้ก็ได้แต่อาศัย DMC ฟังหลวงพ่อเทศน์ทุกวันๆ แล้วก็นั่งสมาธิก่อนนอน แต่ก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง
เพราะใจไม่สงบ ไม่ทราบว่ามีหนังสืออะไรดีๆ หรือ วิธีทำใจยังไง ที่ได้ผลชะงัดบ้างครับ ช่วยแนะนำทีครับ
#2
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 01:30 PM
หรือ หาหนังสือที่วัดมาอ่าน เลิฟลี่เลิฟ ก้อดี
เป็นกำลังให้นะ
สู้ ๆๆๆๆๆ
รักบุญ เชื่อในบุญ
mata072 windowslive.com
#3
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 01:34 PM
แล้วจะไม่ต้องง้อ คนข้างกายเลยนะคะ
กำลังหา คนในกายของตัวเองอยู่เหมือนกัน
ตอนนี้ รักหลวงพ่อมากๆ เชื่อฟังท่าน แล้วจะดีเองค่ะ
สู้ สู้ นะคะ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#4
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 02:06 PM
#5
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 02:14 PM
เป็นกำลังใจให้
#6
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 02:34 PM
จากหนังสือ เมื่อต้องดูแลตัวเอง...
หัวข้อที่ 71 หน้า 118 เรื่อง นกน้อย
"ชีวิตครองเรือน ทุกข์มาก สุขน้อย
พวกเราอย่าไปแต่งงานนะ ผู้หญิงแต่งงานก็ต้องเป็นคนรับใช้ลูก รับใช้ผัว
ต้องหาข้าวหาน้ำให้เขากิน ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
ผู้ชายแต่งงานไปก็ต้องเป็นคนรับใช้ลูก รับใช้เมีย
ต้องหาเงินมาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย อยู่กันไปก็ทะเลาะกันไป
ถ้าเราไม่แต่งงาน เราอยากไปไหน เราก็ไป ไม่มีห่วงผูกคอ เป็นอิสระ
เหมือนนกน้อยบินไปในอากาศ อยากไปไหนก็ไปได้เลย
ไม่ต้องขออนุญาตใคร ไม่ต้องมีใครมาขัดใจ ไม่ต้องกลัวว่า
จะไม่มีคนเลี้ยงตอนแก่ ทำบุญไปเถอะ คนมีบุญ ตอนแก่ ๆ บุญก็เลี้ยงเองแหละ"
อยากให้คุณอังคาร อ่านทบทวนบ่อย ๆ นะคะ เดี๋ยวจะดีขึ้นค่ะ
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#7
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 02:41 PM
หางานใหม่
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#8
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 02:46 PM
"เมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับตัวเรา ต้องเอาธรรมขึ้นมาพิจารณาเสมอว่า เป็นอย่างไร
อย่าใหส้เราหลงเพลิดเพลินไปตามกิเลส เดี๋ยวเราจะเป็นเหยื่อของกิเลสเปล่า ๆ
ต้องพยายามตรึกอยู่ในธรรมะตลอดเวลา เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ปัญญาที่เกิดจากการ
นั่งธรรมะจะช่วยให้เรารู้ในสิ่งที่ถูกต้องมากที่สุด
วันหนึ่ง ๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยววัน เดี๋ยวคืน เดี๋ยวก็อาทิตย์ เดี่๋ยวเดือน เดี๋ยวปี
ลองพิจารณาดูเถิดว่า เวลาล่วงไป ๆ เราทำอะไรบ้าง
เราต้องพิจารณาอยู่เสมอว่า เราดำเนินชีวิตตามจุดมุ่งหมายของเราหรือเปล่า?
เราควรทำสิ่งใดบ้าง? ควรเว้นสิ่งใดบ้าง?
การกระทำครั้งนี้ เหมาะสมกับตัวเราและฐานะเราแล้วหรือ? ต้องพิจารณาอยู่เสมอ
อย่าได้หลงตัวเอง" ขอเป็นกำลังใจอีกคนนะคะ
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#9
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 03:16 PM
- ลองปรับใจให้รู้สึกว่าทำงานต่างทวีป โต๊ะห่างกันคนละขั้วโลก เคยเห็นหน้าก็เหมือนไม่รู้จักกันเลย ทำการบ้าน10ข้อ เมื่อใจหยุดใจนิ่ง ปราศจากภาพหลอนความนึกคิดเรื่องนี้ ก็จะมีความสุขในการทำงาน แถมยังหลับในอู่ทะเลบุญอีก
- รู้สึกยากลำบากถ้าไม่คิดจะทำ ลองทำได้สำเร็จแล้วก็จะรู้สึกว่าเหมือนปอกกล้วย อยู่ที่การเริ่มต้น
#10
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 03:32 PM
ที่ว่าสวยน่ะเดี๋ยวก็เป็น.........................
ที่ว่ารักนัก รักหนาน่ะ จริงๆ ก็ไม่ได้รักอะไรจริงๆหรอก คือว่ายังไม่สมหวัง ก็เลย ยังหวังอยู่
ถ้าเรารักเขาจริง ควรมีความสุข และยินดีกับความสุขของเขา
ให้พิจารณาความเป็นจริง ของทั้งสังขารและใจของตัวเอง
มีรักก็เลิกรักได้ ง่ายด้วย
มีเกิด ก็มีแก่ ผู้หญิงแก่ง่ายน่ะ จริ๊ง จริง
ไม่ยากหรอกค่ะ ก็แค่ตัดใจ ผู้ชายอกสามศอก ของแค่นี้ สบายอยู่แล้ว
#11
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 04:22 PM
มีให้โหลดเป็น E-Book
ผมเองก็เป็นเหมือนกันครับ การฝึกสมาธิวิชาธรรมกายเป็นแบบสมถะ
มันช่วยให้จิตสงบได้แต่ไม่ตลอดอะครับ เพราะถ้ายังไม่เข้าถึงดวงธรรม คงให้ดับทุกข์ด้วยสมถะก็ยาก
เหมือนกินยากันไว้เฉยๆ แต่ไม่ได้ฆ่าตัวเชื้อโรคออก ถึงเวลาก็เป็นอีก
คนธรรมดาใจบางๆย่อมแพ้กิเลส อยู่เรื่อยไป ยังไม่ใช่โสดาบัน ไม่ใช่อรหันต์
กลายเป็นว่า ยิ่งเข้าไปแก้ทุกข์เท่าไหร่ ก็ยิ่งจมอยู่อย่างนั้น .. ตัวหนีใจก็ยังคิด
คำพูดให้กำลังใจต่างๆ ก็เป็นแค่ยาชูกำลัง พอหมดแรงหนุน จิตมันก็ปรุงแต่งต่อ
แล้วพอไม่นั่งสมาธิจิตมันก็ปรุงแต่งต่อไปอีก เป็นแบบนี้มา 1 ปีกว่าๆ
ช่วงที่ผมอกหัก ก็เลย ไปฝึกสติปฐาน4 เพื่อให้ดับทุกข์รักให้ได้ สุดท้ายก็รอดมาได้ เฮ้อ
เวลาจิตมันหลงไปคิด ก็รู้ว่าหลงไปคิด พอรู้ไปเรื่อยๆ มันก็ปล่อยไปเอง
พอรู้เรื่องอริยะสัจแบบตื้นๆ มันก็ไมค่อยยึดติดเหมือนเมือ่ก่อน
คงแนะนำได้แค่นี้อะครับ จะรู้แจ้งดับทุกข์แค่ไหน ก็อยู่ที่ตัวคุณแล้วอ่ะครับ ~_~"
แล้วพอกลับมารวมกับการนั่งธรรมมะ แบบสมถะ ของธรรมกาย ผมนิ่งขึ้นเยอะเลยครับ
เมื่อก่อนเวลานั่งสมาธิจะอึดอัด ฝืนตัวเองให้นิ่ง ซึ่งแบบนี้จิตเป็นอกุศล แต่พอควบกับการเจริญสติปฐาน4 ทำให้เราไม่ฟุ้ง
ไม่เพ่ง เฉยๆ สบายๆ ตอนไปพนาวัฒน์ เกือบตกศูนย์เห็นดวงปฐมมรรค แต่หลวงพี่ ดันสัพพี หลุดเลย T_T
ลืมเอา link ให้โหลดมาลง กำ -*-
http://www.tamdee.ne...sts.asp?TID=804
#12
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 04:29 PM
ผมจะพยายามปฏิบัติตามคำแนะนำให้มากที่สุดครับ แต่คงย้ายงานไม่ได้หรอก สมัยนี้งานหายากออกจะตายไป
#13
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 04:43 PM
(อย่าถือสา น้ำใส น๊า...อยากให้เพื่อน ๆ หายเครียดกันค่ะ)
สำหรับหนุ่ม
นึกว่าสวยเป็นหนึ่งยาย...
ทำเป็นวางมาดหยิ่งสะดิ้งศรี
ทำหันเหเสสรวลกวนวาที
ระริกระรี้เริงรื่นหน้าชื่นบาน
ทำกร๊าดกรี๊ดหวีดเสียงสำเนียงแผด
ทำเป็นแว้ดดีดดิ้นทุกถิ่นฐาน
วิทยายุทธิ์สูงล้ำจนชำนาญ
คนเล่าขานจนชื่อระบือไกล
สำหรับสาว
นึกว่าหล่อพ่อรวยแล้วช่วยได้
ทำเป็นใช้เงินเฟ้อบำเรอหญิง
นึกว่าหล่อเป็นบ้าหน้าเหมือน...
ทำเป็นซิ่งซุ่ซ่าชะล่าใจ
หากแผ่นดินไร้ชายในชาตินี้
ชั่วชีวีไม่ติดตามไม่ถามไถ่
ขออยู่คนเดียวจนกว่าชีวาวาย
จะบอกให้แขยงยิ่งกว่ากิ้งกือ
...........จบแระ............ ขออภัย ข้อความที่ .... พิจารณาดูแล้วไม่ค่อยสุภาพเ่ท่าไหร่นะคะ



เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#14
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 05:20 PM
ของแต่ละท่านแล้วคงได้มุมมองอะไรใหม่ ๆ บ้างนะคะ
เลือกสักอัน แล้วชีวิตจะสดใสขึ้น
เวลา จะเป็นยารักษาใจที่ดีที่สุด
อยู่กับปัจจุบันนะคะ อยู่กับสติ แล้วจะสบาย
ฟังอนุบาลฝันในฝันจะยิ่งดีมากค่ะ
#15
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 05:38 PM
#16
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 05:57 PM
#17
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 06:51 PM
รักให้เป็น..รักแบบใช้สมอง..
รักปรองดอง..มิใช่ฉันท์ชู้สาว..
รักหวังให้เขาหลุดพ้นทางอบาย..
รักเรานั้น..เคียงข้างไป..
ดุสิตบุรี..
#18
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 08:23 PM
สิ่งที่ควรผูกมัดมีอยู่สิ่งเดียวคือ มรรคผลนิพพานเท่านั้น เป็นการผูกมัดอันจะนำเรเไปสู่ทางแก้ไขกิเลสได้ในที่สุด นอกนั้นล้วนเป็นกับดักของพญามารทั้งสิ้น เป็นกับดักที่ดักทางไปสวรรค์ และ ดักทางไปนิพพานของเรา ผู้ใดได้สติ ผู้นั้นจักพ้นจากกับดักนี้เสียได้ ไปละครับ
#19
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 10:10 PM
ถ้าเราค่อยๆผ่อนคลายไม่ต้องฝืนใจ แค่ผ่อนคลาย ทำอะไรที่สบายใจ เราก็จะเริ่มสงบ
แล้วเมื่อเราเริ่มสงบมากขึ้น น้องก็จะมีความสามารถในการพิจารณา
ข้อสำคัญคือไม่ต้องรีบ แค่วางใจให้สบายๆ
ความรักเป็นสิ่งที่ดีค่ะ เพียงถ้าเราไม่หมกมุ่น มีสติ เราก็จะควบคุมทุกสิ่งได้
ขอให้โชคดีนะ
#20
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 10:34 PM
ให้ใจอยู่ในบุญมากๆ นั่งธรรมมะให้มากๆ
ถือ ศีล 8 ไปเลย ทุกวันจะได้คลายความกำหนัด
ถ้าเอาแบบรุนแรงก็ พิจารณาอสุภะครับ
และที่ ทำให้ใจฟุ้ง เปิด อายตนะ ตาหู จมูก ลิ้น กายสัมผัส
ก็อย่าไปมอง พูดด้วยเท่าที่จำเป็น
สำรวมอินทรีย์ไว้ และที่สำคัญใกล้กัลยาณมิตรเข้าไว้ครับ
สู้ สู้ ครับ ..................พรหมจรรย์ เหมือนนกติดปีก
สร้างบารมีได้อย่างเต็มที่
ปลอดจากเครื่อง พันทนาการ
#21
โพสต์เมื่อ 07 January 2009 - 11:50 PM
#22
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 02:57 AM
ขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจนะครับ ผมเข้าใจสภาวะแบบนี้ ว่ามันทุกข์และเจ็บซ้ำจริงๆ เพราะกำลังโดนกับตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เคยโดนมาแล้วครั้งสองครั้งผมก็ยังไม่เข็ดกับเรื่องความรัก
ที่ต้องลุกมาดูดีเอ็มซีตีสองตีสามบังเอิญกำลังโดนเรื่องนี้และญาติไม่สบายมาเฝ้าไข้ที่ ร.พ.
ถ้าลางานได้ก็แนะนำเรื่องการไปปฏิบัติธรรมอย่างอาม่าบอก
หรือบวชศึกษาธรรมเพิ่มเติมสักหนึ่งเดือนอย่างคุณตำรวจรักบุญบอก (ผมยังคิดจะเลือกchoiceนี้)
เอ้า... สู้ ๆ ไป
ช่วงนี้จิตสับสน ว้าวุ่น เหมือนคุณอังคาร
เลยอาศัยการเจริญมรณานุสติช่วยด้วย ควบคู่กับสมาธิ รู้สึกดี
ลองเสริช คำว่า การเตรียมตัวตาย แล้วลองทำดูสิครับ
จะมีของพระอาจารย์ไพศาลถ้าจำไม่ผิดท่านแนะนำ
ทำง่าย ๆ คือ ลองนอนลงค่อย ๆ หลับตา
เสมือนหนึ่งเรากำลังจะตาย
ค่อย ๆ คิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ
เราขอบคุณทุกคน ลาทุกคน
นึกทบทวนบุญ รำลึกถึงพระคุณมหาปูชนียาจารย์
เราจะตายแล้วหนอ สิ่งที่เรานำติดตัวไปได้ตอนนี้คืออะไร
เหลือเพียง ทาน ศีล ภาวนา เท่านั้นที่เรานำติดตัวไปได้
อย่างอื่นเอาไปไม่ได้จริง ๆ
ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ่นมา
เราเกิดใหม่แล้ว เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เราตายจากผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว เราจะมีชีวิตใหม่
ประมาณนี้นะครับ
สู้ ๆ ครับ ผมก็กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน
#23
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 12:32 PM
ไปเที่ยว ... ไปคนเดียว ... ไปกับหนังสือ ธรรมะ 1เล่ม ... ไปที่สงบๆ หาเวลา นั่งสมาธิบ้าง อ่านหนังสือธรรมะอย่างจริงจัง ขี่มอเตอร์ไซด์ ดูทุ่งข้าว ไร่กระเทียม นั่ง จิบกาแฟ.... เดิน รอบเมือง
เหมือน ไร้สาระเนาะ แต่..กลับมา ..... มันสบ๊าย สบาย อะ ไอ้คนๆนั้น ที่ทำเราเจ็บใจ มันหายไปไหนก้อไม่รู้ หุหุ
#24
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 02:55 PM
อยู่บนคานทองด้วยกันน่ะจ้า มาสร้างบุญ สร้างบารมีดีกว่า
#25
โพสต์เมื่อ 09 January 2009 - 12:53 PM
ตั้งแต่ย้ายงานใหม่ เจอสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ ไม่ได้เจอเขาอีก ไม่มีเงา ไม่มีสถานที่ไม่มีของของเขาไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาให้เห็นอีกต่อไป................หายสนิทเลย ............ทุกวันนี้มองย้อนไป ก็ขำขำ อะไรทำให้เราเป็นได้ขนาดนั้น
ความรักนี่น่ากลัวจริงๆ อย่าไปใกล้มันเลย แล้วชีวิตจะเบาจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ รักเขารักได้คนเดียว แต่รักเพื่อนร่วมโลกที่น่าสงสารที่ต้องเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน รักได้มากมายหลายคน รักที่จะทำความดีให้แก่มนุษยชาติ รักที่ปรารถนาดี ให้ทุกคนมีความสุข รักเหมือนที่หลวงพ่อรักพวกเราทุกๆคนที่จะพาทุกคนพ้นความโง่ จน เจ็บ พ้นความแก่ ความป่วย ความตาย ไปสู่ อมตะนคร ดินแดนที่มีความสุขนิรันดร์ ที่เรียกว่าที่สุดแห่งธรรม. รักแบบนี้จะไม่มีทุกข์เลยมีแต่สุขสุขสุข สุขทุกวันที่คิดถึงความดีที่เราได้ทำ ทั้งคิดดี พูดดี ทำดี ตลอดช่วงเวลาอันน้อยนิดของชีวิตเรา
#26
โพสต์เมื่อ 09 January 2009 - 01:44 PM
ก่อนอื่นต้องขออนุญาตเจ้าของกระทู้นี้ด้วยนะคะ. " ขอเป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งเสียงค่ะ " ขอให้เข้มแข็งไว้นะคะ.
จากกัลยาณมิตรค่ะ
#27
โพสต์เมื่อ 09 January 2009 - 03:32 PM
สดใสและสุดสวย น่ารัก ใจบุญ perfect กันทั้งนั้น ระวังจะมีคนมาสอยลงจากคานทอง (คำ)
พี่น้ำใสละ หวั่นใจมาก ๆ ๆ ๆ โดยเฉพาะคนสำคัญของพี่น้ำใส ไม่ได้ ไม่ได้
ต้องกันสุดฤทธิ์กันล่ะ ขอให้คุณพระคุ้มครองทุก ๆ คนนะคะ อยู่ในความดีเช่นนี้ตลอดไปค่า....


เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#28
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 04:44 PM
พอแผลหาย ก็มานึกว่า เราโชคดีที่ได้อกหัก เพราะจะได้มีเวลาสร้างบารมีมากๆ ทุกวันนี้รู้สึกว่าสบายใจมากๆครับ
แต่อย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
#29
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 06:03 PM