จะสนใจเรื่อง " นรก - สวรรค์" ไปทำไม? ..อยู่ให้เป็นสุขในชาตินี้ก็พอแล้ว?
#1
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 12:40 AM
ความตายอยู่ใกล้เราทุกคนมากกว่าที่คิด ชีวิตของมนุษย์ทุกคนพร้อมที่จะดับดิ้นได้ทุกเวลา
- นอนดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านทหารกระโดดร่มลงมาทับ ตาย ก็เคยมีมาแล้ว
- รถสิบล้อวิ่งผ่านลมพัดจนหัวคะมำกระแทกพื้น อักเสบตาย..ก็มีมาแล้ว
- นัดกันไปเที่ยวชายทะเลภูเก็ตช่วงวันหยุดแต่ไม่มี ใครรอดชีวิตกลับมาเลยสักคน..ก็มีมาแล้ว
- คนตุรกีนอนในบ้านอย่างมีความสุขเหมือนทุกคืนที่ ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหว ตายพร้อมกันเป็นแสน..ก็มีมาแล้ว
- เมาสุราจมน้ำแค่หนึ่งคืบตาย..ก็มีมาแล้ว
- บีบสิวเสี้ยน จนอักเสบติดเชื้อตาย..ก็เคยมีมาแล้ว
- เหล็กสังกะสีเฉี่ยวส้นเท้า ติดเชื้อบาทยักตาย..ก็เคยมี
- ไปรับลมหลาว นอนจุดตะเกียงในเต้นท์กัน ๓ คนแม่ลูก แล้วไม่มีใครตื่นขึ้นมาอีกเลย..ก็มีมาแล้ว
เราทุกคนรู้กันมิใช่หรือว่า อายุที่เพิ่มขึ้นแท้จริงแล้ว คือ ชีวิตที่เสียไป เราทุกคนมีเวลาในการใช้ชีวิตน้อยลงไปทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที
..แล้วความสุขที่ว่ากัน มันสุขจริงแล้วหรือ มาค้นหาความสุขภายใน อันเป็นความสุขที่แท้จริงกันเถอะครับ
#2
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 02:34 AM
เป้าหมายบนดิน
เป้าหมายบนฟ้า
เป้าหมายเหนือฟ้า
#3
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 07:32 AM
ชั่วโมง ทุกนาที" ใช่เลยค่ะ และน้ำใสตระหนักอีกว่า ชีวิตเป็นของไม่เทียงแท้แน่นอน.....ความตายไม่มีนิมิตรหมาย
นี่แหละจึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่สำหรับตัวเองแล้ว จะตรึกระลึกถึงพระรัตนตรัยอยู่ตลอดเวลา ประมาณว่า คิดถึงคนรัก
ฉะนั้น (ยกตัวอย่าง) และจะรีบจับ รีบฉวยบุญทุกบุญที่ผ่านเข้ามา ทั้ง ทาน ศีล และภาวนา...และจัแบ่งปัน ความสุข
กำลังใจ ที่มีให้กับทุกคน....วันนี้ จะตั้งใจทำความดีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ


เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#4
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 07:59 AM
เห็นหัวข้อปุ๊บ ก็ตกใจปั๊บ นึกว่าเกิดเพี้ยนอะไรกันขึ้นมาซะแล้ว ตั้งหัวข้อแบบนี้อันตรายเด้อ คนที่ความเข้าใจยังอ่อนยังมีอยู่อีกเยอะนะครับ เกิดไม่สนใจนรกสวรรค์ขึ้นมาจริงๆจะยุ่งนะครับ
แต่ถึงยังไงก็ต้องขออนุโมทนาบุญกับข้อสรุปด้วยนะครับ ยอดเยี่ยมจริงๆ
#5
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 10:15 AM
#6
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 10:16 AM
#7
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 11:20 AM
สุดยอด....ดดดดด นักตั้งกระทู้ล่ะ......น้ำใสก็มีอาการเดียวกับ
คุณทัพดีในหม้อ และคุณSuk072 เหมือนกัลลลลลลล อิอิอิ
เรามีเพื่อนแย้วววววววว


เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#8
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 12:22 PM
#9
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 12:23 PM
#10
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 12:35 PM
#11
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 02:11 PM
ว่าแต่ ดีแล้วน่อ ไม่นอน มานั่งคิดถึงความตาย ควรหมั่นระลึกกันไว้ ให้ได้ทุกขณะจิต จะได้ไม่ประมาท ในชีวิต หนีไปเที่ยวนู่น เที่ยวนี่ ไม่มาเอาบุญทีวัดเน่อ จะตายมื้อใด๋ กะยังบ่อฮู้น่อ เห็นเขากินทุเรียนตายเมื่อปีที่แล้วนี่กะมี
หมั่นคึดถึงความตายกันเน่อ อย่าประมาทกันเน่อ
ไปนั่งสมาธิก่อนเน่อ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#12
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 04:43 PM
#13
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 05:18 PM
ขออภัยครับพี่ทัพพี ตอนแรกก็ตั้งใจจะตั้งหัวข้อที่อาจจะโดนและทำให้คนเข้ามาอ่าน แต่ไม่ได้คิดว่าคนอาจจะไม่เข้าใจและพาลเข้าใจผิดไป ขอโทษจริงๆ ครับ ไม่ได้มีเจตนาครับผม
จริงอย่างที่พี่หัดฝันว่าครับ วันหลังจะมาตั้งกระทู้ขยายความเพิ่มเติมนะครับผม
ก็ได้ไอเดียจากการกินหมูกะทะ กะคุยงานเรื่องซานติกากับทีมนั่นแหละ
#14
*innerspot*
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 05:39 PM
#15
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 07:43 PM
ที่โกลมันวุ่นวายก็เพระอยู่อย่างมีความสุขตามประสาคนมีกิเลสนี่แหละ เลยไม่คิดแสวงหาความสุขที่แท้จริง
การเรียนรู้เรื่องสวรรค์ก็เพื่อให้รู้ว่า ความสุขที่ยิ่งกว่าในโลกมนุษย์ยังมีอีกมาก
ที่ต้องรู้เรื่องนรกเพราะว่า หากดำเนินชีวิตผิดพลาดทุกข์มหันต์อันยิ่งใหญ่เกินจะนึกถึงกำลังรออยู่
และที่ต้องเรียนรู้เรื่องนิพพาน ก็เพราะว่า ความสุขในสวรรค์นั้นไม่ยั่งยืน ไม่แน่อน โอกาสไปนรกยังมีอยู่
แต่นิพพานเป็นที่ๆ ควมทุกข์ไปไม่ถึง ถ้าอยากเป็นสุข ก็ต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ ไม่งั้นเราจะเจอแต่สุขหลอกๆ ที่คิดเอาเองว่า
เป็นความสุข ไม่ใช่สุขที่แท้จริง
หลวงปู่บอกว่า "เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำอะไร ฯ"
เราโชคดีที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา หากไม่สนใจศึกษา เขาเรียกว่า เสียชาติเกิด
#16
โพสต์เมื่อ 08 January 2009 - 08:40 PM
คนเรานี่ตาย-เกิด-เกิด-ตาย มาตั้งไม่รู้เท่าไหร่..
แม้กระดูกจะกองทับเป็นภูเขาเลากา นับชาตินับภพนับภูมิไม่ถ้วน..
นั่นก็ไม่ได้ การันตี ว่าชีวิตนี้จะพ้นจากกองทุกข์ กองอวิชชา กองเพลิงแห่งกิเลสนี้ไปได้สักที..(แม้จะมากไปด้วยประสพการณ์ตายเกิด)
ตราบกระทั่งได้เกิดใหม่ในร่มธรรม ได้เรียนรู้ความจริงของชีวิต ได้เห็นเป้าหมายของการเกิดมาแต่ล่ะครั้ง (มาขจัดอวิชชา คือความไม่รู้ทั้งหลาย) และถ้าจะตายอีก ก็จะไม่ตายฟรีอีกต่อไป จะตายทั้งที ชาตินี้ต้องเอาดี (สร้างบารมี) ให้ได้..
สาธุ..
#17
โพสต์เมื่อ 09 January 2009 - 01:19 AM
#18
โพสต์เมื่อ 09 January 2009 - 01:21 AM
#19
โพสต์เมื่อ 09 January 2009 - 06:08 PM
#20
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 06:19 PM
#21
โพสต์เมื่อ 11 January 2009 - 11:19 AM
#22
โพสต์เมื่อ 11 January 2009 - 07:19 PM
และต้องขออนุญาต นำไปส่งอีเมล์ต่อให้ผู้มีบุญ เพื่อให้ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตนะคะ..
คงไม่ว่าสงวนลิขสิทธิ์นะคะ อนุโมทนาบุญล่วงหน้าค่ะ