ใจ....ของมนุษย์นี่ ช่าง ซุกซน ไม่ค่อยจะหยุดนิ่ง และมิหนำซ้ำ ยังไว จริง ๆ
วันทั้งวัน ใจก็น่ารัก เบิกบาน สดชื่น อยู่ดี ๆ พอได้เห็น ได้รับรู้เรื่องราวอะไรบางอย่าง
แหม.....เซ็ง..ซึม เหงา เศร้า ซะงั้น......ยอมรับนะว่า ใจ ของเรานั้นมันซุกซน เสียจริง
เมื่อรู้ว่า มันเริ่มมีอาการน่าเป็นห่วง ...ต้องรู้เท่าทัน (หัว) ใจ ดวงนี้ให้ทัน รีบเคลียร์ใจ
ทันที ยอมรับ เหตุและผล ที่ประสบ (หัว) ใจ ต้องยอมรับกฏกติกาที่วางไว้
แล้วก็รีบดุ ใจดวงนี้ว่า อย่าทำเรื่องนะ เรื่องอื่นถือว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ เธออย่า "งอแง"
ต้องมุ่งสู่เป้าหมาย "ใหญ่" ของหมู่คณะเป็นสำคัญ บางครั้งก็ต้องลงโทษ
กันบ้างนะ.....ต้องยอมเจ็บบ้าง ณ (หัว) ใจ เมื่อหายเมื่อไหร่แล้ว ขอให้กลับมา
จับมือกันให้มั่น และก้าวเดินไปด้วยกัน ด้วย (หัว) ใจ ที่เบิกบาน สดชื่น และน่ารักมากกว่าเดิม
ไปด้วยกันนะ เจ้าหัวใจที่ เกเร ต่อไปฉันจะไม่ยอมให้เจ้าเกเรอีกแล้ว.....ฉันจะพาเจ้า
ไปสู่เป้าหมาย.....นั่นคือ พระนิพพาน ดินแดนอันเกษม

เรื่องของ (หัว)"ใจ"
เริ่มโดย น้ำใส, Jan 11 2009 08:07 PM
มี 7 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 11 January 2009 - 08:07 PM
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#2
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 12:26 AM
You are great! Naam Sai.. Clear Water?
Crystal Water, you will be crystal water, not only clear water.
Only look at what you feel in your heart, exactly like you look at things that appear to you in meditation. Just acknowledge it that it is there, then, leave it exactly like you do in meditation. Then you can tame your heart. It will follow you wherever you go....
My thoughts will be with you and support you to go ahead to the forever land..nirvana.
Crystal Water, you will be crystal water, not only clear water.
Only look at what you feel in your heart, exactly like you look at things that appear to you in meditation. Just acknowledge it that it is there, then, leave it exactly like you do in meditation. Then you can tame your heart. It will follow you wherever you go....
My thoughts will be with you and support you to go ahead to the forever land..nirvana.
#3
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 08:56 PM
ปัดโธ่ใจเจ้าเอ๋ยไม่เคยนิ่ง
คอยจะวิ่งวุ่นวายไร้ที่ตั้ง
ใจเจ้าเอ๋ยจึงไม่เคยมีพลัง
เลยพลาดพลังผิดลพาดทุกชาติมา
พอวันนี้"ด้มาเจอคณะใหญ่
ผู้ตั้งใจขยายงานพระพุทธศาสนา
สอนให้ตั้งใจของตนกลางกายา
จึงได้นิ่งนิ่งเรื่อยมาช่างสุขจริง
คอยจะวิ่งวุ่นวายไร้ที่ตั้ง
ใจเจ้าเอ๋ยจึงไม่เคยมีพลัง
เลยพลาดพลังผิดลพาดทุกชาติมา
พอวันนี้"ด้มาเจอคณะใหญ่
ผู้ตั้งใจขยายงานพระพุทธศาสนา
สอนให้ตั้งใจของตนกลางกายา
จึงได้นิ่งนิ่งเรื่อยมาช่างสุขจริง
#4
โพสต์เมื่อ 13 January 2009 - 04:07 AM
น่าสนุกดีนะครับ
#5
โพสต์เมื่อ 13 January 2009 - 11:27 AM
QUOTE
ใจ....ของมนุษย์นี่ ช่าง ซุกซน ไม่ค่อยจะหยุดนิ่ง และมิหนำซ้ำ ยังไว จริง ๆ
- เหมือนลิง- สาธุ กับบทความดี๊ดีครับ คุณน้ำใส
ไฟล์แนบ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#6
โพสต์เมื่อ 13 January 2009 - 09:12 PM

ในสมัยพุทธกาล สันนิษฐานว่าที่ไม่มีบันทึกเรื่องฐานที่7 อาจเป็นเพราะใจของมนุษย์เรานั้น ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดเป็นเนื่องปกติ เพราะมีผู้มีบุญบารมีมาเกิดมาก
ในปัจจุบัน...เหตุที่ใจของปุถุชนโดยเฉพาะฆราวาสมักจะเตลิดไปนอกศูนย์
ใจห่วงสมบัติซึ่งเกินปัจจัย4 อันเป็นเครื่องล่อหลอก...แก้โดยทาน บริจาค แก่ผู้ขาดแคลน ขัดสน
ใจมักง่าย ก่อความกระทบกระทั่ง นำมาสู่ความคิดทำลาย ล้างผลาญ เช่น คิดว่าทำบุญดีแต่ตั้งลำโพงเสียงดังรบกวนผู้อื่น นี่คือการทำดีไม่พอ หรือ วันทำบุญใหญ่รถติดยาวรบกวนผู้อื่น....แก้โดยศีลเพื่อหักห้ามความคิดทำลาย
ใจผูกพันรักสวยรักงาม จึงต้องใช้เนกขัมมะแก้เพื่อตัดเสบียงกาม นับตั้งแต่ศีลข้อ6 อดมื้อเย็น ศีลข้อ7ลดสิ่งฟุ่มเฟือย ประเภท เขียนคิ้ว ทาปาก ทำความสะอาดล้ำลึก ต้านอนุมูลอิสระ ข้อ8เพื่อเลี่ยงผัสสะอันนุ่ม
ใจจับแง่คิดไม่เป็น งุนงงจนนับถือสิ่งที่ไม่ใช่สรณะ คือขาดโยนิโสมนสิการ แก้โดยนำตถาคตโพธิสัทธา นำไปสู่ปัญญาอันเกิดจากสุภาษิตที่ว่าหลังอิงต้นโพธิ์แล้วไม่มีผิด
ใจกลัวการเปลี่ยนแปลง ไม่กล้าปรับปรุง จึงเกิดการแยกกลุ่ม คือกลุ่มอนุรักษ์ และ กลุ่มพัฒนา ต้องวิริยะซึ่งแผลงมาจากวีระแปลว่ากล้า
ใจทนกระทบกระทั่งได้น้อย ต่อเจ้านาย เพื่อน และลูกน้อง โดยเฉพาะลูกน้องซึ่งก่อแรงกระแทกกระทั้นได้มาก แก้โดยขันติ คือทนอธิบาย ฉลาดให้เหตุผล และทนต่อเสียงบ่น
ใจนั้นกลัวเสียหน้า ไม่กล้ายอมรับผิด จึงเกิดมุสาวาท แก้โดยให้สัจจะ คือรักความดีมากกว่ารักหน้า ผิดแล้วยอมรับแม้จะเสียหน้า แต่ไม่เสียคน กลับเป็นผู้ได้รับเกียรติว่าเป็นคนพูดอย่างไรทำอย่างนั้น
ใจถดถอยต่อการตั้งเป้า เพราะความกังวล หาเป็นการทำดีจงอย่าเปลี่ยนความตั้งใจ อธิษฐานเข้าไว้ ไม่ได้ไม่มี ไม่มีไม่ได้ ไม่ได้ต้องได้ ได้แล้วต้องดี
ใจที่โกรธเคือง โกรธได้แต่อย่าข้ามคืน เรื่องเลวร้ายอย่าได้คาใจ อย่าผูกใจเจ็บ ควรมีเมตตาให้อภัยประดุจมารดาดูแลบุตร
ใจหวั่นไหวในโลกธรรม ต้องใช้อุเบกขา
ในคฤหัสถ์หากบำเพ็ญบารมีครบ 10ทัศน์นี้ ไม่ต้องเอาโซ่ไปล่ามใจกลับมาเลย เดี๋ยวใจจะกลับมาอยู่ในเส้นทางเอกานยมรรค ว่างโปร่ง โล่งเบาเป็นปกติ

ไฟล์แนบ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#7
โพสต์เมื่อ 14 January 2009 - 09:24 AM
ใจนั้นกลัวเสียหน้า ไม่กล้ายอมรับผิด จึงเกิดมุสาวาท แก้โดยให้สัจจะ คือรักความดีมากกว่ารักหน้า
ผิดแล้วยอมรับแม้จะเสียหน้า แต่ไม่เสียคน กลับเป็นผู้ได้รับเกียรติว่าเป็นคนพูดอย่างไรทำอย่างนั้น
ชอบเรื่องนี้มาก เพราะที่เห็น ๆ ทุกวันนี้พบว่า คนที่น้ำใสรู้จักส่วนใหญ่ จะยอมเสียทรัพย์สินเงินทองมากมาย
ในเรื่องทางโลก ในสังคมเพื่อรักษาหน้า หรือบางครั้งเรียกว่า จมไม่ลง เห็นแล้วได้แต่สงสาร
แล้วก็ต้องปั้นหน้า ทำท่าว่ามีความสุข แต่สิ่งที่ปิดไม่มิดเลยคือ แววตา ที่แฝงไว้ด้วยความกังวล ทุกข์ใจ
อยากบอกเขาว่า ให้ยอมรับความจริงนะ ค่อย ๆ เป็นค่่อย ๆ ไปก็ได้ และยึดมั่นใน "สัจจะ" แล้วชีวิต
เราจะมีความสุขค่ะ ขอขอบคุณบทความที่ทรงคุณค่าที่คุณWISH นำมาให้พวกเราได้อ่านค่ะ ขอบคุณจริง ๆ
ผิดแล้วยอมรับแม้จะเสียหน้า แต่ไม่เสียคน กลับเป็นผู้ได้รับเกียรติว่าเป็นคนพูดอย่างไรทำอย่างนั้น
ชอบเรื่องนี้มาก เพราะที่เห็น ๆ ทุกวันนี้พบว่า คนที่น้ำใสรู้จักส่วนใหญ่ จะยอมเสียทรัพย์สินเงินทองมากมาย
ในเรื่องทางโลก ในสังคมเพื่อรักษาหน้า หรือบางครั้งเรียกว่า จมไม่ลง เห็นแล้วได้แต่สงสาร
แล้วก็ต้องปั้นหน้า ทำท่าว่ามีความสุข แต่สิ่งที่ปิดไม่มิดเลยคือ แววตา ที่แฝงไว้ด้วยความกังวล ทุกข์ใจ
อยากบอกเขาว่า ให้ยอมรับความจริงนะ ค่อย ๆ เป็นค่่อย ๆ ไปก็ได้ และยึดมั่นใน "สัจจะ" แล้วชีวิต
เราจะมีความสุขค่ะ ขอขอบคุณบทความที่ทรงคุณค่าที่คุณWISH นำมาให้พวกเราได้อ่านค่ะ ขอบคุณจริง ๆ


เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#8
โพสต์เมื่อ 14 January 2009 - 10:14 AM

ขอบคุรสำหรับความดีในใจครับผม
