พอดื่มเหล้าจนเมาได้ที่แล้วไปขับรถคุณก็จะ ขับยังไงก็ไม่ตรง วิ่งลงข้างทาง ขวางคันหน้า ฝ่าไฟแดง แซงทางโค้ง
โหม่งเสาไฟ ไหลข้ามเลน ไม่เห็นคันหน้า นึกว่าทางตรง เข้าโค้งผิดที่ เห็นผียืนขวาง จอดตรงทางรถไฟ
อาศัยเบรคกับเสาสะพาน คานขึ้นเกาะ วิ่งเลาะขึ้นฟุตบาท ตายอนาถข้างถนน บางคนไปได้ถึงโรงพยาบาล
แไม่นานเขาก็พามานอนวัด
ถ้าคุณเมาแล้วขับ
เริ่มโดย ตำรวจรักบุญ, Jan 10 2009 07:49 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 07:49 PM
#2
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 09:18 PM
แต่ว่าผู้คนในโลกใบนี้ก็ยังนิยมดื่มกันนะครับพวกเขาเหล่านั้นคิดว่าการดื่มเหล้าคือเข้าสังคมคือความสุขของพวกเขาในการสังสรรค์แต่พวกเขาเหล่านั้นรู้ไหมว่าสิ่งที่พวกเขากำลังดื่มนั้นมันเป็นบาปกรรมมหันคิดแล้วก็รู้สึกสังเวชในโลกวัฏสงสาร
#3
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 09:46 PM
เคยเตือนพี่ที่รักเคารพกันมากเรื่องดื่มเหล้า แต่ไม่ฟังหรอกค่ะ คนจะกินซะอย่าง เขาบอกอย่ามาพูดเรื่องนี้ เราไม่กินก็ไม่กินไปคนเดียว
เฮ้อ เซ้งเลยเรา
ตอนนี้หันมาเตือนรุ่นน้องแทน เผื่อว่าจะฟังบ้าง ก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง
เฮ้อ เซ้งเลยเรา
ตอนนี้หันมาเตือนรุ่นน้องแทน เผื่อว่าจะฟังบ้าง ก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง
#4
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 10:06 PM
ผู้คนในโลกใบนี้ก็ยังนิยมดื่มกันนะครับพวกเขาเหล่านั้นคิดว่าการดื่มเหล้าคือเข้าสังคมคือความสุขของพวกเขา
จริง ๆ แล้วถ้าผู้คนในโลกนี้ โดยเฉพาะชาวพุทธ ถ้าเขามีศรัทธา(ความเชื่อ) ในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และศึกษาศีล 5 ที่พระพุทธองค์ทรงให้ละเว้นอย่างท่องแท้ และมี "ความเกรงกลัวต่อบาป" แล้วเขาจะไม่ดื่ม
น้ำเมาแน่ ๆ เพราะการดื่มน้ำเมาเป็นต้นตอของการผิดศีลอีก 4 ข้อด้วย
ทุกวันนี้ น้ำใสก็หนักใจในเรื่องนี้ คือเรารู้ว่าทุกข์ โทษของการดื่มน้ำเมา มันร้ายแรงเพียงใดในอบาย แต่เมื่อเรา
พูด เราบอกกับคนใกล้ชิด เขาก็อ้างเรื่องเข้าสังคม พูดบ่อย ๆ บรรยากาศชักไม่ค่อยดี เราก็ต้องหยุด แต่จะว่าไม่ได้
ผลก็ไม่เชิงนะ เพราะตอนนี้เขาก็ลดการดื่มลงมาก ถ้าไม่ใช่เทศกาลก็นาน ๆ ครั้ง แต่แหมช่วงนี้ดื่มบ่อยขี้น
บางครั้งก็ท้อใจนะ..... เข้าทำนอง วัดก็เข้า เหล้าก็กิน ทำนองนั้น...... อุ้ย ขออภัยบ่นเสียยาวเลย ....
จริง ๆ แล้วถ้าผู้คนในโลกนี้ โดยเฉพาะชาวพุทธ ถ้าเขามีศรัทธา(ความเชื่อ) ในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และศึกษาศีล 5 ที่พระพุทธองค์ทรงให้ละเว้นอย่างท่องแท้ และมี "ความเกรงกลัวต่อบาป" แล้วเขาจะไม่ดื่ม
น้ำเมาแน่ ๆ เพราะการดื่มน้ำเมาเป็นต้นตอของการผิดศีลอีก 4 ข้อด้วย
ทุกวันนี้ น้ำใสก็หนักใจในเรื่องนี้ คือเรารู้ว่าทุกข์ โทษของการดื่มน้ำเมา มันร้ายแรงเพียงใดในอบาย แต่เมื่อเรา
พูด เราบอกกับคนใกล้ชิด เขาก็อ้างเรื่องเข้าสังคม พูดบ่อย ๆ บรรยากาศชักไม่ค่อยดี เราก็ต้องหยุด แต่จะว่าไม่ได้
ผลก็ไม่เชิงนะ เพราะตอนนี้เขาก็ลดการดื่มลงมาก ถ้าไม่ใช่เทศกาลก็นาน ๆ ครั้ง แต่แหมช่วงนี้ดื่มบ่อยขี้น
บางครั้งก็ท้อใจนะ..... เข้าทำนอง วัดก็เข้า เหล้าก็กิน ทำนองนั้น...... อุ้ย ขออภัยบ่นเสียยาวเลย ....
เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม
น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม
#5
โพสต์เมื่อ 10 January 2009 - 10:09 PM
ยังมีอีกเยอะแยะเล้ย....ที่ว่า....วัดก็เข้า เหล้าก็กินน่ะ
ว่าแล้วพรุ่งนี้ไปชวนมาสอบ World-PEC 3 ดีกว่า หากอ่านหนังสือ "ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก" แล้ว
ใครมีบุญมากพอก็ขอให้สอนตัวเองได้เน้อ
ว่าแล้วพรุ่งนี้ไปชวนมาสอบ World-PEC 3 ดีกว่า หากอ่านหนังสือ "ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก" แล้ว
ใครมีบุญมากพอก็ขอให้สอนตัวเองได้เน้อ

#6
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 12:56 AM
What about the people in the cold countries who have to drink so that their bodies will be warm? Or the people who drink wine with food? During Christmas which is always cold, there is a traditional drink which contains a lot of spices and alcohol. They drink it warm with almond and raisin. I drink it too because of the taste of spices and almond and raisin. It feels warm as well when we drink it.
Do I have to go to hell?
If yes, I would like to know why, since I do not drink for fun.
Please give me some insight. Thank you very much and anumothanaboon with the police.
Do I have to go to hell?
If yes, I would like to know why, since I do not drink for fun.
Please give me some insight. Thank you very much and anumothanaboon with the police.
#7
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 12:21 PM
ใครช่วยแปลเป็นไทยให้หน่อยสิ
#8
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 05:27 PM
สรุป ง่ายๆ คุณ jinginsweden ต้องการทราบว่า
ถ้าคนที่อยู่เมืองหนาว ที่เค้าดื่มแอกอฮอล์เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ไม่ใช่เพื่อสนุก สนานรื่นเริง
จะบาปรึเปล่า ถ้าบาปเพราะอะไร
ถ้าคนที่อยู่เมืองหนาว ที่เค้าดื่มแอกอฮอล์เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ไม่ใช่เพื่อสนุก สนานรื่นเริง
จะบาปรึเปล่า ถ้าบาปเพราะอะไร
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#9
โพสต์เมื่อ 12 January 2009 - 06:37 PM
ลองอ่านดูแล้วจะรู้ว่าบาปหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่เขาไม่ดื่มแค่พออุ่นกันน่ะสิ
พระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระสงฆ์ดื่มเป็นยาได้แต่กำหนดให้ใช้ในบริมาณที่น้อยที่สุดผสมกับสมุนไพรเพื่อให้แอลกอฮอร์
ไปสกัดฤทธิ์ยาออกมาเท่านั้น
ในความเป็นจริงแล้ว เหล้าไม่ได้ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นเลย เพียงแต่ไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจให้สูบฉีดเลือดมากขึ่น
เพื่อเพิมปริมาณน้ำในเซลล์ที่หายเพราะแอลกอฮอร์เข้าไปสันดาป ดังนั้นหากดื่มแก้วแรกจะรู้สึกอุ่นอยู่พักหนึ่งเท่านั้น
จึงต้องดื่มแก้วที่สองเพื่อรักษาความอุ่นไว้ อย่างนี้ไม่ช้าเมาตายก่อน หนาวตายแน่
และเหล้ายังมีอุณภูมิต่ำ ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อน(ไม่เชื่อลองเทแอลกอฮอร์ใส่มือดูสิจะรู้สึกเย็นใช่มั้ย)
นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ร่างกายต้องกระตุ้นการไหลเวียนเลือดเพื่อชดเชยความร้อนที่เสียไป
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ข้ออ้างที่จะดื่มเพื่อแก้หนาวนั้น ใช้ไม่ได้
เมื่อประมาณปลายปี 48 (ไม่แน่ใจ) เคยมีข่าวออกทีวีว่า ชาวรัสเซียที่ชอบดื่มเหล้าแก้หนาวจำนวนมาก
ติดเหล้า แม้รัฐบาลจะออกมาตรการต่างๆออกมา เพื่อให้การซื้อเหล้ายากขึ้นและมีราคาแพงขึ้นมากๆ
ชาวรัสเซียจึงแก้ปัญหาความอยากดื่มเหล้า(เพื่อแก้หนาว???)ด้วยการ
ไปซื้อครีมอาบน้ำที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอร์มาดื่มแทน
ผลเหรอครับ ก็เข้าโรงพยาบาลกันเป็นแถว เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก แม้รัฐบาลและเจ้าของผลิตภัณฑ์
จะออกมาเตือนว่า มันไม่ใช่สินค้าที่มีไว้ดื่ม และอาจถึงตายหากดื่มเข้าไป แต่ชาวรัสเซียเหล่านี้ก็หาฟังไม่
ยังไปซื้อมาดื่มแทนเหล้าที่ราคาแพง พวกที่รอดตายออกจาโรงพยาบาลมา ก็ไปซื้มาดื่มอีก
และดื่มกันทั้งครอบครัว (เพราะกลัวหนาว????) คือ พอหย่านมพ่อแม่ก็หัดให้ลูกดื่มกันเลย(ลูกจะได้ไม่หนาว???)
ก๊งกันทั้งครอบครัว ทั้งหมู่บ้าน ทั้งเมืองอย่างนี้หรือเปล่าที่บอกว่าดื่มแก้หนาว???
โอเค รัสเซียมีอาณาเขตติดขั้วโลกเหนือ จึงมีอากาศหนาวทั้งปี ดั้งนั้นก็ต้องดื่มกันทั้งปี ก็เป็นแบบนี้ทั้งปี
ยังจะดื่มแก้หนาวอยู่ไหมครับ
หรือว่าอยากจะเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ เหล้าจะได้ถูกลง
คนไทยจะไม่ต้องไปซื้อครีมอาบน้ำมาดื่มแทนเหล้าอย่างคนรัสเซีย(เป็นห่วงคนไทยจริงเลย???)
พระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระสงฆ์ดื่มเป็นยาได้แต่กำหนดให้ใช้ในบริมาณที่น้อยที่สุดผสมกับสมุนไพรเพื่อให้แอลกอฮอร์
ไปสกัดฤทธิ์ยาออกมาเท่านั้น
ในความเป็นจริงแล้ว เหล้าไม่ได้ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นเลย เพียงแต่ไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจให้สูบฉีดเลือดมากขึ่น
เพื่อเพิมปริมาณน้ำในเซลล์ที่หายเพราะแอลกอฮอร์เข้าไปสันดาป ดังนั้นหากดื่มแก้วแรกจะรู้สึกอุ่นอยู่พักหนึ่งเท่านั้น
จึงต้องดื่มแก้วที่สองเพื่อรักษาความอุ่นไว้ อย่างนี้ไม่ช้าเมาตายก่อน หนาวตายแน่
และเหล้ายังมีอุณภูมิต่ำ ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อน(ไม่เชื่อลองเทแอลกอฮอร์ใส่มือดูสิจะรู้สึกเย็นใช่มั้ย)
นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ร่างกายต้องกระตุ้นการไหลเวียนเลือดเพื่อชดเชยความร้อนที่เสียไป
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ข้ออ้างที่จะดื่มเพื่อแก้หนาวนั้น ใช้ไม่ได้
เมื่อประมาณปลายปี 48 (ไม่แน่ใจ) เคยมีข่าวออกทีวีว่า ชาวรัสเซียที่ชอบดื่มเหล้าแก้หนาวจำนวนมาก
ติดเหล้า แม้รัฐบาลจะออกมาตรการต่างๆออกมา เพื่อให้การซื้อเหล้ายากขึ้นและมีราคาแพงขึ้นมากๆ
ชาวรัสเซียจึงแก้ปัญหาความอยากดื่มเหล้า(เพื่อแก้หนาว???)ด้วยการ
ไปซื้อครีมอาบน้ำที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอร์มาดื่มแทน
ผลเหรอครับ ก็เข้าโรงพยาบาลกันเป็นแถว เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก แม้รัฐบาลและเจ้าของผลิตภัณฑ์
จะออกมาเตือนว่า มันไม่ใช่สินค้าที่มีไว้ดื่ม และอาจถึงตายหากดื่มเข้าไป แต่ชาวรัสเซียเหล่านี้ก็หาฟังไม่
ยังไปซื้อมาดื่มแทนเหล้าที่ราคาแพง พวกที่รอดตายออกจาโรงพยาบาลมา ก็ไปซื้มาดื่มอีก
และดื่มกันทั้งครอบครัว (เพราะกลัวหนาว????) คือ พอหย่านมพ่อแม่ก็หัดให้ลูกดื่มกันเลย(ลูกจะได้ไม่หนาว???)
ก๊งกันทั้งครอบครัว ทั้งหมู่บ้าน ทั้งเมืองอย่างนี้หรือเปล่าที่บอกว่าดื่มแก้หนาว???
โอเค รัสเซียมีอาณาเขตติดขั้วโลกเหนือ จึงมีอากาศหนาวทั้งปี ดั้งนั้นก็ต้องดื่มกันทั้งปี ก็เป็นแบบนี้ทั้งปี
ยังจะดื่มแก้หนาวอยู่ไหมครับ
หรือว่าอยากจะเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ เหล้าจะได้ถูกลง
คนไทยจะไม่ต้องไปซื้อครีมอาบน้ำมาดื่มแทนเหล้าอย่างคนรัสเซีย(เป็นห่วงคนไทยจริงเลย???)