มี 15 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[teamproduction@idkcc]

ก่อนอื่นก็ต้องขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ความคิดเห็นที่ร่วมกันแสดงไว้ ในหัวข้อ

โรงเรียนอนุบาลฯแห่งนี้ เปลี่ยนตัวคุณอย่างไร ? อนุโมทนาบุญอีกครั้งนะครับ...


มาหัวข้อนี้ทุกคนคงแปลกใจว่ามีอะไรมาให้ตอบกันอีก...


ใช่แล้วครับ ผมอยากให้ทุกคนได้ร่วมกันตอบ เพราะสิ่งที่คุณจะได้ตอบ คุณต้องมองดูจากสิ่งรอบข้างของคุณ

ครอบครับของคุณ สังคมของคุณ และที่สำคัญที่สุด คือ ตัวของคุณเอง


นักเรียนอนุบาลทุกคนย่อมรู้ดีว่า คุณครูไม่ใหญ่ท่านถ่ายทอดสิ่งดีๆมากมายมาสู่พวกเราและคนอีกทั้งโลก

ผมจึงอยากให้ทุกๆคนที่เขามาอ่านที่กระทู้นี้ ลองย้อนมองดูตัวเองว่า สิ่งที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านให้มา คือ วิชาชีวิต ที่รู้แล้วนำ

ไปปฏิบัติได้จริง และก็เห็นผลจริง สิ่งที่ผมอยากจะถามคือ เราได้นำไปปฏิบัติแล้วหรือยัง และถ้าได้นำไปปฏิบัติแล้ว

ผลที่เกิดขึ้น กับตัวคุณ คนรอบข้าง ครอบครัว และสังคมของคุณเป็นอย่างไร?

อยากให้คุณตอบในสิ่งที่เห็นได้ชัด กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคุณ.... ตอบเป็นข้อๆเลยนะครับ


หวังว่าคำถามนี้คงไม่ยากเกินไปสำหรับทุกคนนะครับ เพราะผมเชื่อว่าทุกๆคน ย่อมมีปัญหาของแต่ละคนอยู่แล้ว และ ผมก็ยัง

เชื่ออีกว่า วิชาชีวิตที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านให้มา สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาต่างๆได้ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันตอบนะครับ

และสิ่งต่างๆที่คุณตอบ มีประโยชน์มากครับ ทั้งตัวคุณ และทุกๆคนที่ได้อ่าน ร่วมถึงตัวผมด้วยครับ ...


อนุโมทนาบุญมากๆนะครับ กับทุกๆความคิดเห็นที่กำลังจะตอบ และ นักเรียนทุกๆคนที่เพิ่งอ่านจบนะครับ ... สาธุ

[ลูกผู้ชายตัวจริง]

อันนี้ค่อนข้างยากนะครับ เพราะผมยอมรับว่าตัวเองยังค่อนข้างอายุน้อย ยังไม่ค่อยได้เห็นโลกภายนอกมากนัก แต่สิ่งแรก หลังจากได้บวชครั้งแรก ที่บ้านก็ติด dmc แล้วผมก็มานั่งฟังคุณครูไม่ใหญ่เป็นประจำ แต่พอไปๆมาๆ มันก็กลายเป็นว่า มีกราฟขึ้น กราฟลง บ้างช่วงดูน้อย บางช่วงดูเกือบทุกวัน ผมก็เลยพอจะเห็นความแตกต่างของตัวเองบ้างครับ

ความแตกต่างอย่างแรกก็คือความคิดครับ ทุกครั้งที่ผมฟังท่าน ก็จะรู้สึกว่าท่านมีข้อความที่จะบอกถึงผม ผมก็มีหน้าที่แค่แกะโค๊ดลับนั้นออกมา แล้วมันก็ได้ผลเป็นส่วนใหญ่นะครับ นอกเหนือไปกว่านี้ ดูไปเรื่อยๆ ความคิดของท่าน ก็จะเข้ามาอยู่ในใจเราเยอะขึ้นทุกวันๆ จนทำให้ผมได้มองเห็นโลกกว้างขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก ผมก็เข้าในการดำรงชีวิตมากขึ้น ละอายต่อการทำบาปมากขึ้น อะไรทำนองนั้น ส่วนเรื่องคนในครอบครัวผมนั้น พ่อแม่ผม ก็จะเห็นได้ชัดว่า เข้าใจหลักการทำบุญมากขึ้น (ซึ่งสำคัญมาก) แล้วก็มีการคุยเรื่องธรรมะมากขึ้นกว่าเดิมครับ

ช่วงไหนที่ขาดตอน ก็จะทำให้ผมขาดการปฏิบัติธรรมไปด้วยครับ แล้วพอเป็นอย่างนี้แล้ว เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เราก็ใส่ใจมากขึ้น แล้วเราก็ปวดหัวมากขึ้น แก้ปัญหาไม่ค่อยได้ ผมก็จะมองคนในแง่ร้ายมากขึ้น จนบางทีก็มีการทะเลาะกับเพื่อนเป็นบางครั้ง แต่แล้วกราฟก็จะเริ่มขึ้นใหม่ เมื่อผมรู้ตัวว่า ผมต้องการท่านช่วยผมแก้ปัญหาครับ

โดยรวมแล้ว มีคุณครูไม่ใหญ่อยู่ในใจ อะไรๆ มันก็ดีไปหมดอ่ะครับ

[somchet]

ดูแล้วไม่อยากดูทีวีช่องอื่นครับ

[Jeabka]

หากช่วงไหน ห่างๆ เนี่ยะ ใจจะไม่สงบเท่าทีควรเลย และมีบางช่วงเป็นสิ่งอัศจรรย์ ต้องการคำตอบ ต้องการให้ใจสงบกำลังเศร้าเครียดเรื่องบางเรื่องอยู่ก็จะเทปหลวงพ่อ ใน dmc. วนมาให้คลายได้เสมอ

[Regenbogen]

ดูดีเอ็มซีทุกวันตื่นนอนมาก็จะเปิดดีเอ็มซีก่อนเลยช่วงค่ำกลับจากทำงานก็จะต้องเปิดดีเอ็มซี ทีวีทางโลกเลิกเปิดมานานแล้ว สิ่งแรกที่ได้คือความคิดให้คิดแต่สิ่งดีๆแล้วมีความเข้าใจเรื่องชีวิตความเป็นจริงมากขึ้นกว่าเก่าทำให้มีความตั้งใจแรงใจที่จะทำความดีให้ยิ่งและพร้อมทั้งแก้ข้อบกพร่องสิ่งไม่ดีในตัวเรา ยิ่งดูดีเอ็มซียิ่งฟังหลวงพ่อในโรงเรียนยิ่งเกิดความเชื่อมั่นทำให้มีจุดมุ่งหมายที่ชัดที่สุดให้กับตัวเราเองยิ่งอยากบูชามหาปูชนีย์ทุกๆท่านถ้าไม่มีท่านรู้ได้ทันทีว่าชีวิตเราจะไปอยู่ที่ใดในปรโลก

[แก้วใสเย็น]

dmc ทำให้ได้หนูได้รู้เรื่องราวความป็นองชีวิตที่ไม่ต้องเสี่ยงกับการลองผิดลองถูกเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ มีบางครั้งที่หนูได้ยินเพื่อนพูดออกแนวคล้ายว่าเขายังไม่รู้เป้าหมายของชีวิตซึ่งหนูก็มาคิดกับตัวเองว่าเราโชคดี อ้อไม่ใช่สิต้องคิดว่าเรามีบุญที่ได้มารู้จักdmc รู้ว่าเราเกิดมาทำไม ถ้าไม่มี dmc ละก็หนูก็คงจะต้องเสี่ยงกับการลองผิดลองถูกหรือไม่ก็ใช้ชีวิตไปวันๆอย่างไม่มีจุดหมาย ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตัวเองเกิดมาทำไม บุญ-บาป มีจริงไหม กฎแห่งกรรมมีจริงหรือเปล่า dmc ได้มอบสิ่งดี ๆให้แก่ชีวิตของหนูและพวกเราทุกคนเลยก็ว่าได้ และทำให้หนูได้เข้าสู่เส้นทางของการมาวัดพระธรรมกาย ได้มาสร้างบุญร่วมกับหมู่คณะ ส่วนพวกทีวีช่องอื่น ๆนั้น ก็มีแต่ละคร ข่าวสารที่น่าปวดหัว น่าเบื่อเยอะแยะมากมาย แถมยังทำให้บุญในตัวถดถอยลงอีก แต่ถ้าพูดถึง dmc ละก็คำว่าน่าปวดหัวไม่มีเลยค่ะ

[แก้วใสปิ๊ง]

อย่างแรกที่เห็นได้ชัดในทุกครั้งที่ดูDMCก็คือ...
"สติ"ครับ รู้สึกว่าทุกครั้งที่ดูจะเตือนตัวเองไม่ให้ประมาท
หลายๆครั้งที่เรายังติดกะโหลกกะลา ตีแบด ดูบอล หรือกิจกรรม
อื่นๆทางโลกหรือพูดคุยกับคนที่ทำงาน ช่วยให้เรานึกถึง072
นึกถึงเป้าหมายชีวิตที่แท้จริง
อีกอย่างก็คือ..."กำลังใจ"ครับรู้สึกว่าDMCทำให้เรารู้สึกว่ามีเพื่อน
ในเส้นทางการสร้างบารมีตลอด มีหมู่คณะที่จริงใจ(และน่ารัก)และปรารถนาดี
กันแบบข้ามภพข้ามชาติซึ่งคงหาจากหมู่คณะอื่นได้ยาก
และที่ลืมไม่ได้ก็คือ...ความโชคดีที่มีครูบาอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมแบบนี้
ทั้งน่ากราบและน่ารัก เป็นต้นแบบต้นบุญที่หาไม่ได้อีกแล้ว
อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคร้าบ...สาธุ

[DMCchild]

ดู DMC แล้วทำให้ครอบครัวเป็นสุข เป็นครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกายแล้วได้แบ่งปันสิ่งดีๆที่ได้รับนี้กับเพื่อนๆที่เป็นที่รัก และได้นำความรู้ที่ได้จาก DMC ไปใช้ประกอบกับการทำหน้ากัลยานมิตรด้วยค่ะ

[Kay :)]

ได้นึกถึงบุญทุกทุกวันค่ะ ปลื้มมากมาก ปลื้มที่สุดค่ะ

[teamproduction@idkcc]

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆความคิดเห็นนะครับ... สาธุ

[luckynara]

เป็นช่องเดียวที่ดูแล้วทำให้นำ้ตาแห่งความปลื้มปิติ ไหลออกมาซึ่งหาไม่ได้จากช่องไหนๆในโลกนี้

[MIHARU]

ทำให้เด็กหัวทึบคนนึงประคับประคองตนจนเรียนจบปริญญาเอกมาได้ตอนอายุ 27 ค่ะ
ผลต่อมา ใครๆก็อยากให้ไปทำงานด้วย เพราะคนเราเรียนดีแล้วต้องประพฤติดีด้วย

[บุญ อุ้ม ไว้]

ทำให้ตื่นใส่บาตทุกวัน ไม่กล้าไม่ใส่ เพราะครูไม่ใหญ่ ท่านบอกว่าถ้ายังไม่ทำทาน อย่าเพิ่งกินข้าว กลัวไม่ได้กินข้าว ฮิฮิ และยังทำให้คนในบ้านกลัวด้วยเลยลุกมาใส่บาตกันทั้งครอบครัว ยังมีอีกหลายข้อค่ะ เช่น ทำให้อยากไปวัดทุกวันอาทิตย์ จัดงบไว้ทำบุญ ใจเย็นไม่ขี้โมโห แล้วจะค่อยๆเรียบเรียงส่งมาอีกค่ะ

[kasaporn]

อนุโมทนา สาธุกับเพื่อนๆทุกท่านด้วย
สำหรับดิฉัน ก็ทำให้เป็นคนใจเย็นขึ้น มีสติ พิจารณามากขึ้น เป็นกัลยาณมิตรให้คนรอบข้างได้มากยิ่งๆขึ้น

[SatChu]

1.ทำให้ใจเป็นสุขครับ จิตใจเบิกบานมากๆ

2.ได้ข้อคิดต่างๆมากมายครับ ทำให้มีกำลังใจที่จะทำอะไรที่ดีครับ

3.ทำให้มีสติ ได้ระลึกสิ่งที่เราทำไป ได้พิจารณาสิ่งต่างๆได้รอบคอบยิ่งขึ้นครับ

และยังมีอีกมากมายเลยครับผม

[นู๋มาลี]

ทำให้เข้าใจความเป็นจริงของชีวิต รู้เรื่องกรรมและการส่งผลของกรรม แบบซึมเข้าไปในเนื้อเลย ไม่ต้องจำ แต่เข้าใจได้ง่าย ๆ จาการฟังCase Study ฟังเพลิน ๆ เหมือนฟังนิทานหรืออ่านนิยายหรือเหมือนดูละครที่เราเป็นคนจินตนาการตัวละครเองตามครูไม่ใหญ่ไปเรื่อย ๆ ขณะฟัง ทำให้เกิดภาพในใจที่เราจะจำไม่รู้ลืม ทำให้กลายเป็นคนรักบุญ กลัวบาป
พอนานวันเข้าข้อมูลที่ถูกต้องทั้งหลายก็ตกผลึกกลายเป็นตัวเรา เป็นทัศนคติที่ดีของเรา เป็นความคิด คำพูด การกระทำที่ดีของเรา จนวันนึงเราก็เป็นกัลยาณมิตรให้กับตัวเองและคนอื่นได้ เราเริ่มสอนตัวเองได้เวลามีความคิดไม่ดี เริ่มฝึกตัวเองไม่ให้ทำบาป(แม้บาปเล็ก ๆ น้อย ๆ) เวลาคนอื่นมีปัญหาเราก็ให้กำลังใจได้ดี ใส่มุมมองที่เป็นบวกให้คนอื่นได้(บนพื้นฐานของความเป็นจริง และการยอมรับความจริง ไม่หลอกตัวเอง) แนะนำคนอื่นแต่สิ่งที่ดี ๆ ต่อชีวิตของเขา นานวันเข้าคนอื่นก็เกิดศรัทธาเชื่อถือในตัวเราว่าเป็นเพื่อนแท้ เป็นกัลยาณมิตรสำหรับตัวเขา เป็นแบบอย่างที่ดีที่สักวันเขาอยากจะคิดดี คิดบวก มีความสุข .......ฯลฯ อย่างเราบ้าง เพราะเขาเห็นแล้วว่าธรรมะเป็นสิ่งที่นำไปใช้ได้จริง ๆ และมีประโยชน์จริง ๆ ต่อชีวิตของเขา เขาก็จะเริ่มต้นฝึกฝนตัวเองตามคำแนะนำของเรา โดยมีเราเป็นที่ปรึกษา และเราก็ฝึกฝนตัวเราเองไปพร้อม ๆ กันกับเขาด้วย .........นี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่เรื่องมันยาว รายละเอียดก็เยอะมาก ๆ เพราะใช้เวลาบ่มเพาะนานพอสมควร(อย่างน้อย 6 ปี) แต่ก็ดีใจที่ได้ทำอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา...ถึงปัจจุบัน
ก็ขอสรุปย่อ ๆ อย่างนี้ก่อน ไว้มีเวลาจะมาเขียนเพิ่มเติมทีหลัง.........ขอให้ใจใส ๆ ทุกคนนะคะ


ทำให้เข้าใจความเป็นจริงของชีวิต รู้เรื่องกรรมและการส่งผลของกรรม แบบซึมเข้าไปในเนื้อเลย ไม่ต้องจำ แต่เข้าใจได้ง่าย ๆ จาการฟังCase Study ฟังเพลิน ๆ เหมือนฟังนิทานหรืออ่านนิยายหรือเหมือนดูละครที่เราเป็นคนจินตนาการตัวละครเองตามครูไม่ใหญ่ไปเรื่อย ๆ ขณะฟัง ทำให้เกิดภาพในใจที่เราจะจำไม่รู้ลืม ทำให้กลายเป็นคนรักบุญ กลัวบาป
พอนานวันเข้าข้อมูลที่ถูกต้องทั้งหลายก็ตกผลึกกลายเป็นตัวเรา เป็นทัศนคติที่ดีของเรา เป็นความคิด คำพูด การกระทำที่ดีของเรา จนวันนึงเราก็เป็นกัลยาณมิตรให้กับตัวเองและคนอื่นได้ เราเริ่มสอนตัวเองได้เวลามีความคิดไม่ดี เริ่มฝึกตัวเองไม่ให้ทำบาป(แม้บาปเล็ก ๆ น้อย ๆ) เวลาคนอื่นมีปัญหาเราก็ให้กำลังใจได้ดี ใส่มุมมองที่เป็นบวกให้คนอื่นได้(บนพื้นฐานของความเป็นจริง และการยอมรับความจริง ไม่หลอกตัวเอง) แนะนำคนอื่นแต่สิ่งที่ดี ๆ ต่อชีวิตของเขา นานวันเข้าคนอื่นก็เกิดศรัทธาเชื่อถือในตัวเราว่าเป็นเพื่อนแท้ เป็นกัลยาณมิตรสำหรับตัวเขา เป็นแบบอย่างที่ดีที่สักวันเขาอยากจะคิดดี คิดบวก มีความสุข .......ฯลฯ อย่างเราบ้าง เพราะเขาเห็นแล้วว่าธรรมะเป็นสิ่งที่นำไปใช้ได้จริง ๆ และมีประโยชน์จริง ๆ ต่อชีวิตของเขา เขาก็จะเริ่มต้นฝึกฝนตัวเองตามคำแนะนำของเรา โดยมีเราเป็นที่ปรึกษา และเราก็ฝึกฝนตัวเราเองไปพร้อม ๆ กันกับเขาด้วย .........นี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่เรื่องมันยาว รายละเอียดก็เยอะมาก ๆ เพราะใช้เวลาบ่มเพาะนานพอสมควร(อย่างน้อย 6 ปี) แต่ก็ดีใจที่ได้ทำอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา...ถึงปัจจุบัน
ก็ขอสรุปย่อ ๆ อย่างนี้ก่อน ไว้มีเวลาจะมาเขียนเพิ่มเติมทีหลัง.........ขอให้ใจใส ๆ ทุกคนนะคะ