เป็นคนคิดมาก และชอบโมโหง่าย มีวิธีแก้ไขอย่างไรค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 06 April 2009 - 03:20 PM
#2
โพสต์เมื่อ 06 April 2009 - 04:45 PM
นั่งสมาธิค่ะ เป็นคำตอบสุดท้าย
#3
โพสต์เมื่อ 06 April 2009 - 05:34 PM
ขออนุโมทนาบุญ คุณLucky Girl มากค่ะ
ขอแนะนำตัวเลยละกันนะค่ะ (อยากมีที่ปรึกษาอยู่พอดีไม่รู้ว่าจะรบกวนท่านหรือเปล่า)
ปัจจุบันก็เริ่มนั่งสมาธิทุกวันพระ ได้ประมาณ 4 เดิอนค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นจะเน้นสวดมนต์ไหว้พระทุกวันพระ แผ่เมตตา ไม่นั่งได้สมาธิ แต่เรื่องทำดี ทำบุญนั้นดิฉันก็ได้ทำต่อเนื่องอยู่ทุกปี ตามกำลังบุญของดิฉันค่ะ
ดิฉันได้รู้จักวัดพระธรรมกายจริง ก็วันที่ 22 เมษายน 2551 ดิฉันได้มีโอกาสไปที่วัดเป็นครั้งแรกก็ยัง งง ! อยู่ หลังจากกลับจากวัด ก็ดู TV ช่อง DMC ก็หมั่นฝึกฝนตัวเองและครองครัวให้ทำความดียิ่ง ๆ ขึ้น เชื่อว่าบาป-บุญนั้นมีจริงค่ะ
ปี 2552 นี้ดิฉันต้องเจอกับเศรษฐกิจ ที่แย่ค่ะ ทำธุรกิจตัวเองค่ะหาเงินใช้จ่ายหนี้สิน กินอยู่ ในปีนี้ต้องถือว่ายอดขายรายได้ตกต่ำเอามาก ๆ ปีนี้เลยตัดสินใจนำสร้อยทองที่มีอยู่ ก้อนสุดท้ายทำบุญสร้างองค์พระประจำตัวปิดเจดีย์ กับป้าสุบรรณ
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2552 ค่ะ ในแต่ละวันขายของไม่ได้ เงินใช้จ่ายไม่พอ เป็นบ่อเกิดให้ดิฉันต้องหงุดหงิด และโมโหง่ายอย่างไม่มีเหตุผล สักพักคิดได้ก็สำนึกอยู่ค่ะว่าตัวเองไม่น่า......เลย คอยเตือนตัวเองอยู่ทุกครั่งไปว่า จะพูดดี ดี จะไม่โมโห แต่ก็ตรงกันข้ามเหมือนกับแกล้งให้เราโมโหยิ่งขึ้นไปอีก ทุกวันนี้ดิฉันและครอบครัวรักและชอบดูTV ช่อง DMC มาก ไม่ดูช่องอื่นเลย ลูกสาวอยากไปวัดพระธรรมกายมาก ดิฉันคิดว่า 22 เมษายน 2552 นี้จะต้องพาลูกสาวไปให้ได้ค่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 06 April 2009 - 07:02 PM
#5
โพสต์เมื่อ 06 April 2009 - 07:02 PM
ทั้งสองนำไปสู่ ปัญญาขันธ์ จึงรวมเรียกว่า ขันธ์สาม หรือ ไตรสิกขา
#6
โพสต์เมื่อ 06 April 2009 - 07:15 PM
#7
โพสต์เมื่อ 06 April 2009 - 07:28 PM
#8
โพสต์เมื่อ 07 April 2009 - 08:11 AM
หากขายของไม่ดีหรือว่าช่วงที่ว่าง ๆ ก็นึกถึงบุญที่เราปลื้มสุด ๆและบุญทุกบุญที่เราได้ร่วม
จากนั้นทำใจนิ่ง ๆ ที่ศูนย์กลางกายนะคะ หลวงพ่อท่านบอกว่าบุญอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ สู้ ๆ
#9
โพสต์เมื่อ 07 April 2009 - 09:22 AM
"อย่าขาดการปฎิบัติธรรมแม้เพียงวันเดียว เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง"
เป็นกำลังใจให้นะคะ
#10
โพสต์เมื่อ 07 April 2009 - 10:41 AM

ไฟล์แนบ
#11
โพสต์เมื่อ 07 April 2009 - 10:43 AM
แต่เมื่อได้มาสัมผัสกับวัด และรับฟังคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ อ่านข้อความเย็นๆ ใน web DMC สวดมนต์เป็นประจำ นั่งสมาธิบ่อยๆ สอนตัวเองเป็นประจำ และที่สำคัญเวลาทำบุญจะอธิษฐานให้เป็นคนใจเย็นค่ะ
เกือบปี ผ่านไป มาจนปัจจุบัน คนในที่ทำงาน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไมถึงเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน ใครว่าอะไรเฉย เงียบ ไม่วีน ไม่ต่อเรื่อง มีแต่ยิ้มปากกว้าง แล้วก็บอกบุญค่ะ เคยโดนแซวว่า โดนวัดล้างสมอง ก็ยอมรับค่ะ ล้างสมองจริงๆ ล้างในเรื่องที่ไม่ดี กลับเป็นเรื่องดี
จากที่สังเกตุตัวเอง..ยอมรับว่าเป็นคนที่ใจเย็นขึ้น ไม่จอมโวยวาย เจ้าปัญหา ชอบหงุดหงิด ใจน้อย คิดมาก หายไปเลย
แม้จะเจอกับเรื่องร้ายๆ ก็ตาม (ยิ่งปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ นี่ ตอนนี้ เป็นหนี้เกือบหลักล้านค่ะ แต่ก็ยังอยู่ได้)
จึงมั่นใจได้เลยว่า เหตุผลที่ทำให้เปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ก็คือ 1. หมั่นปฏิบัติธรรมสวดมนต์ 2. นั่งสมาธิทุกวัน 3.ยิ้มบ่อยๆ 4.อย่าไปคิดถึงเหตุของปัญหา ให้คิดถึงทางแก้ปัญหา ถ้าตอนนี้ยังแก้ไม่ได้ ให้ลืมไปก่อน นั่งฟังเพลงของวัดให้เย็นใจ
5. เมื่ออ่านบทความธรรมอะไรที่โดนใจ ตรงกับตัวเอง ให้คิดตาม สอนตัวเองตามบทความนั้นๆ 6. เมื่อฟังธรรมะเย็นๆ จากที่ไหนๆ ก็ตาม ก็ให้คิดตามไปด้วย สอนตัวเองไปด้วย 7. เมื่อเวลาเราทำบุญอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะปฏิบัติธรรม บริจาคทาน หรืออะไรที่ทำให้เกิดบุญ พยายามอธิษฐานขอให้เป็นคนที่ใจเย็น ไม่โมโหง่าย และก็ไม่เป็นคนคิดมากค่ะ
นี่คือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของ "ยึดมั่นความดี" ค่ะ และเคยปฏิบัติมาแล้ว ก็ได้ผลดีกับตัว "ยึดมั่นความดี" ค่ะ
อาจจะไม่ถูกต้องตามหลักการสักเท่าไหร่นะคะ
แต่อยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเองค่ะ
#12
โพสต์เมื่อ 07 April 2009 - 06:58 PM
ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เคสของคุณคณนันท์ตอนนี้ เขาเรียกว่า "ขาดวิตามิน M" ก็เลยค่อนข้างจะเครียดไปหน่อย
ลองเข้าไปอ่านดูนะ เป็นเรื่องราวของคุณกรรณิการ์ พาร์คเกอร์(ประเทศอังกฤษ) เขามีเทคนิคพิเศษเรียกทรัพย์มาสร้างพระได้กว่า 100 องค์ กับคาถาที่ว่า ......
คลิ๊กที่นี่เพื่อเข้าไปดู
http://www.dmc.tv/pa...the_pagoda.html
#13
โพสต์เมื่อ 08 April 2009 - 10:06 AM
สัมมาอะระหัง - Good money - Easy job
สาธ สาธุ สาธุ
#14
โพสต์เมื่อ 08 April 2009 - 10:18 AM
เเละที่สำคัญ.. อาการอย่างนี้..จะทำให้เลือดภายในร่างกายสูบฉีดเร็วกว่าปกติ เเละจะส่งผลให้ร่างกายเเละจิตใจเนี่ยค่อยๆเสื่อมประสิทธิภาพไปอย่างช้าๆ มองโลกเเละมองทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน ทุกคน ตกอยู่ภายไต้อำนาจ กฎเเห่งกรรม...ข้อนี้อย่าลืม! มองทุกคนให้เหมือนเเม่มองลูก เเละให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างด้วย เหตุ เเละ ผล อย่างผู้รู้ เจนจัด โลก เเล้วเราจะค่อยเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ จนทั้งตัวเราเองเเละผู้อื่นสังเกตุเห็นได้ ...
ด้วยความปราถนาดี...
NAOTO...

#15
โพสต์เมื่อ 10 April 2009 - 04:46 AM
ตัวเราไม่ได้เกิดมาเพื่อคิดมาก หรือ โมโหง่าย ^^
#16
โพสต์เมื่อ 15 April 2009 - 09:08 PM